เรื่องเล่าเช้าวันพระ:
ลูกน้องของหลวงพ่อคง
พระไพศาล วิสาโล เขียนเล่าเรื่อง
เมื่อร้อยปีที่แล้วฉะเชิงเทราทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยป่ารกทึบ
มีสัตว์ใหญ่มากมาย รวมทั้งช้างและเสือ
แน่นอนย่อมเต็มไปด้วยภยันอันตราย
แต่มีวัดเล็ก ๆ วัดหนึ่งในอำเภอสนามชัยเขต
ทั้ง ๆ ที่อยู่ในป่าลึก กระนั้นผู้คนมากมาย
ก็พากันดั้นด้นเข้าไปโดยไม่กลัวอันตรายใด ๆ
วัดนั้นคือ วัดซำป่างาม ส่วนเจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อคง สุวัณณ
หลวงพ่อคง เป็นพระกรรมฐานที่ชอบความสงบสงัด
แต่ผู้คนทั่วทุกสารทิศรู้จักท่านในฐานะพระเกจิอาจารย์
ที่ปรีชาสามารถทั้งด้านด้านพุทธศาสน์และไสยเวท
มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านอิทธิปาฏิหาริย์และคาถาอาคม
วัตถุมงคลของท่าน ไม่ว่าเหรียญ แหวน ตะกรุด ผ้ายันต์
ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้คนตั้งแต่สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่
และมีผู้ปรารถนาครอบครองและหวงแหนจวบจนทุกวันนี้
แต่ท่านยังมีคุณวิเศษอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่กล่าวขานกันมากนัก
โดยเฉพาะสมัยนี้ นั่นคือความเมตตากรุณา
เมื่อปี ๒๔๘๓ หรือ ๗๕ ปีก่อน
ณรงค์ เทวานฤมิตรกุลเป็นเด็กอายุ ๘ ขวบ
วันหนึ่งพ่อชวนไปร่วมงานทำบุญอายุครบ ๑๐๖ ปีของหลวงพ่อคง
สมัยนั้นไม่มีรถ ต้องขี่ม้าเข้าไป จากพนมสารคามไปสนามชัยเขต
ระยะทางแค่ ๔๐ กิโลเมตร แต่ต้องเดินทางเป็นวัน
เพราะเป็นป่าทึบ มีแต่ทางเส้นเล็ก ๆ ตัดผ่าน
ตอนออกจากบ้าน ณรงค์เล่าว่า
นอกจากข้าวของที่จะเอาไปทำบุญแล้ว
พ่อยังเอาหอมหัวแดงพวงใหญ่ ๓-๔ พวงใส่ย่ามไปด้วย
เด็กน้อยแปลกใจว่าเอาไปทำไม แถมยังเก็บไว้กับตัว
ราวกับของมีค่า แต่ก็ไม่ได้ถาม
เมื่อขี่ม้าไปได้ไม่นาน ก็เข้าสู่เขตป่าดงดิบ
ต้นไม้แน่นขนัด แสงแดดส่องลงมาไม่ถึง มองขึ้นไปไม่เห็นฟ้า
ตอนบ่ายแก่ ๆ จู่ ๆ ม้าซึ่งกำลังวิ่งอยู่ดี ๆ ก็หยุดชะงัก
ยกขาหน้า พร้อมกับส่งเสียงร้องตกใจ จนเด็กตกลงมาจากหลังม้า
ส่วนม้าก็ล้มลงไปนอน ไม่ยอมลุก
พ่อรีบล้วงเอาหอมหัวแดงออกมาจากย่าม
เรียกให้ลูกเอามือขยี้หอม แล้วป้ายที่จมูกม้า
เพียงเท่านั้นม้าก็ตกใจ รีบลุกขึ้นยืน
ทั้งพ่อทั้งลูกก็กระโดดขึ้นม้าทันที
พอขึ้นมาเรียบร้อย ม้าก็วิ่งอย่างรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิตเอาเลย
เด็กน้อยสงสัย ถามพ่อว่าม้าเป็นอะไร
คำตอบคือ เสือ ม้ามันได้กลิ่นเสือ มันเลยหมดแรง
นอนรอให้เสือมากิน แล้วพ่ออธิบายต่อว่า
ที่เอาหอมแดงมาทุบแล้วป้ายจมูกเสือก็เพื่อดับกลิ่นเสือนั่นเอง
หอมหัวแดงยังทำให้ม้าแสบจมูก จึงวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
พ่อยังเล่าให้เด็กน้อยฟังว่า หลังจากม้าลุกขึ้นแล้ว
เห็นเสือตัวหนึ่ง ใหญ่มาก อยู่ด้านหลัง
ห่างประมาณ ๒๐ เมตรเท่านั้นเอง
พอม้าวิ่งควบไปได้อีกชั่วโมงกว่า มันก็ทำท่าจะหยุด
พ่อต้องเอาหอมแดงป้ายจมูกม้าเพื่อให้ม้าวิ่งต่อ
ทำอย่างนี้ ๓-๔ ครั้ง ในที่สุดก็ถึงวัดซำป่างาม
หลังจากที่ชะลอม้าลง หลวงพ่อคงก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าวัด
ประโยคแรกที่หลวงพ่อคงทักคือ
เป็นไง รู้ว่าจะมาเลยให้ลูกน้องไปรับ
พ่อก้มลงกราบ แล้วบอกว่า
ลูกน้องหลวงพ่อทำเอาผมกับไอ้หนูเกือบแย่
ลูกน้องหลวงพ่อก็คือเสือโคร่งนั่นเอง
หลวงพ่อคงที่เด็กน้อยเห็นนั้น เดินเหินคล่องแคล่ว
ราวกับอายุ ๕๐-๖๐ ปี ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าท่านอายุ ๑๐๖ ปี
คืนนั้นทั้งพ่อและลูกพักในโบสถ์ ซึ่งก่อสร้างด้วยซุงต้นใหญ่ ๆ
เนื่องจากเป็นคืนเดือนหงายจึงมองเห็นรอบโบสถ์ได้ชัดเจน
ตกดึกเด็กน้อยปวดฉี่ จึงลุกขึ้นมาจะเดินออกไปฉี่
แต่ทันทีที่มองออกไปทางหน้าต่างโบสถ์ ก็ชะงักและตกใจ
เพราะที่เห็นก็คือ เสือตัวใหญ่ ๗-๘ ตัว กำลังเดินไปมารอบโบสถ์
เด็กน้อยหายปวดฉี่ ทันที รีบกลับไปนอนข้างพ่อ
เงยหน้าทีไรก็เห็นเสือเดินไปเดินมาตลอดทั้งคืน รุ่งเช้าจึงหายไป
เรื่องราวข้างต้นดูเหลือเชื่อ แม้แต่ณรงค์ก็ยอมรับว่า
เล่าให้คนสมัยนี้ฟัง ก็มีแต่คนหาว่าโม้ แต่เรื่องนี้จริงที่สุด
๗๐ กว่าปีผ่านไปยังไม่เคยลืมเลย
เรื่องนี้คงจะสูญหายไปตลอดกาลหากลูกชายของณรงค์
คือปริญญา เทวานฤมิตรกุล ไม่ได้สอบถาม
และบันทึกเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้
เสือนั้นเป็นสัตว์ดุร้าย แต่ก็กลายเป็นสัตว์เชื่อง
เมื่ออยู่ใกล้หลวงพ่อคง จนกลายเป็น ลูกน้องของท่าน
นั่นคงไม่ใช่เพราะคาถาอาคมของท่านเท่านั้น
หากยังเป็นเพราะเมตตาอันไม่มีประมาณของท่าน
ท่านจึงอยู่ท่ามกลางสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่โดยไม่เป็นอันตราย
แถมบารมีของท่านยังปกแผ่ไปยังสานุศิษย์ทั้งหลาย
จะว่าไปแล้วที่คนกับเสืออยู่ด้วยกันได้ฉันมิตร
เพราะต่างเป็นศิษย์ของหลวงพ่อคงนั่นเอง
ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าสุคะโตธรรมชาติที่พักใจ
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ