Group Blog
All Blog
### ทิ้งสุขปลอมแล้วจะเจอสุขจริง ###













"ทิ้งสุขปลอมแล้วจะเจอสุขจริง"



“คำว่า อนิจจัง ของสิ่งต่างๆในโลกนี้”

คนฉลาดพอได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 ก็จะหูตาสว่างขึ้นมาทันที พอทรงตรัสว่าอนิจจังเท่านั้น

 สัพเพสังขาราอนิจจา ก็เกิดหูตาสว่างขึ้นมาเลย

เห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการรวมตัวของธาตุสี่

ดินน้ำลมไฟ และธาตุรู้ ถ้ามีธาตุรู้ก็เป็นมนุษย์เป็นเดรัจฉาน

 ถ้าไม่มีธาตุรู้ก็เป็นต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นด้วยการรวมตัวของธาตุทั้งสี่

 คือธาตุดินธาตุน้ำธาตุลมธาตุไฟ

เป็นใบไม้ เป็นต้นไม้ เป็นดอกไม้เป็นอะไรต่างๆ เรียกว่าเป็นธาตุ

ส่วนร่างกายของมนุษย์และของสัตว์เดรัจฉาน

ก็ประกอบขึ้นด้วยธาตุสี่เช่นเดียวกัน

 คือธาตุดินธาตุน้ำธาตุลมธาตุไฟ แล้วก็มีธาตุรู้คือใจ

มาเป็นผู้ครอบครอง

เมื่อสิ่งใดก็ตามเมื่อมีการรวมตัวกัน ย่อมมีการแยกตัวกัน

อันนี้เป็นกฎของอนิจจัง ความไม่ถาวร

สิ่งที่ถาวรที่ไม่มีวันแยกตัวกันก็คือ ธาตุทั้งห้านี้เอง

 รวมถึงธาตุที่หกคืออากาศธาตุ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “สัพเพธัมมาอนัตตา”

สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นสังขาร สังขาราอนิจจา สังขารนี้ท่านแปลว่า

 สิ่งที่ประกอบขึ้นด้วยการปรุงแต่งของธาตุทั้งหก

 หรือธาตุทั้งห้า คือธาตุดินน้ำลมไฟอากาศธาตุ และธาตุรู้

 เรียกว่าสังขาร แต่ตัวที่เป็นธาตุแท้ๆนี้ ไม่มีวันเสื่อมไม่มีวันหาย

เป็นธาตุอยู่ตลอดเวลา ธาตุน้ำก็เป็นน้ำอยู่ตลอดเวลา

 ธาตุดินก็เป็นธาตุดินอยู่ตลอดเวลา ธาตุลมก็เป็นธาตุลม

 ธาตุไฟก็เป็นธาตุไฟ อยู่ตลอดเวลา

อากาศธาตุก็เป็นอากาศธาตุอยู่ตลอดเวลา

 ธาตุรู้ก็เป็นธาตุรู้อยู่ตลอดเวลา

 แต่พอมารวมตัวกันก็กลายเป็นสังขารขึ้นมา เรียกว่าสังขาร

 ถ้าเป็นสังขารท่านก็เรียกว่า สัพเพสังขาราอนิจจา

สังขารทั้งหลายเป็นของชั่วคราว

ท่านไม่ได้เรียกว่าสัพเพธัมมาอนิจจา

ท่านไม่ได้เรียกว่าธาตุทั้งหกนี้เป็นอนิจจา

 เพราะธาตุทั้งหกนี้ไม่เป็นอนิจจา เป็นธาตุคงเดิมอยู่ตลอดเวลา

ถ้าผู้ใดมาสัมผัสแล้วมาครอบครอง

คือธาตุรู้มาสัมผัสมาครอบครองกับสังขาร

แล้วไปมีความหลงยึดติดคิดว่าเป็นของถาวร

 คิดว่าเป็นของของตนก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมา

เวลาที่ธาตุทั้งสี่แยกตัวออกจากกัน นี่คืออนิจจา

สัพเพสังขาราอนิจจา

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่ทรงตรัสรู้

ทรงค้นพบว่า สังขารทั้งหลายเป็นของชั่วคราว

 ประกอบขึ้นจากธาตุทั้งหกที่เป็นของถาวร

ไม่มีตัวไม่มีตนไม่สัตว์ไม่มีบุคคล เป็นธาตุเท่านั้น

แต่ธาตุรู้นี้มีปัญหา ธาตุรู้ถูกอวิชชาความไม่รู้ความจริง

อันนี้มาหลอกให้ธาตุรู้นี้คิดว่า ธาตุรู้นี้เป็นตัวเป็นตน

ให้คิดว่าสิ่งที่ธาตุรู้ได้มาครอบครองคือร่างกายเป็นของตน

 แล้วก็ให้หลงกับธาตุสังขารต่างๆนอกจากร่างกาย

เช่นทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆที่มนุษย์เราผลิตกันขึ้นมา

สิ่งของต่างๆที่มนุษย์เราผลิตกันขึ้นมา ก็ผลิตจากธาตุสี่นี้เอง

ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ กลายเป็นสินค้าต่างๆ ให้เสพ

ให้สัมผัสให้เกิดความสุขชั่วคราวขึ้นมา

ทำให้ธาตุรู้ที่ไม่มีปัญญานี้หลงใหลคลั่งไคล้

ติดอยู่กับความสุขแบบนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น

ต้องกลับมาเสพความสุขเหล่านี้อยู่เรื่อยๆ

ด้วยการกลับมาเกิดแล้วก็มาแก่มาเจ็บมาตาย

 ตายแล้วก็ต้องกลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย

 เพราะความยึดติดอยู่กับการเสพความสุข

ทางตาหูจมูกลิ้นกายนี้เอง ที่เป็นความสุขชั่วคราว

เป็นความสุขปลอมที่มีวันเสื่อมหมดไป

แล้วก็มีความทุกข์มาทดแทนให้เสพให้สัมผัส

 มนุษย์จึงตกอยู่ในกองทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิด

 เกิดอยู่ในกองทุกข์ของการสูญเสียของการพลัดพรากจากกัน

 เพราะสิ่งต่างๆที่มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานมาครอบครองนั้น

 ล้วนเป็นสมบัติชั่วคราวทั้งนั้น ได้มาแล้วก็ต้องมีวันหมดไป

ได้ลาภก็มีการเสื่อมลาภ ได้ยศก็มีการเสื่อมยศ

ได้สรรเสริญก็มีนินทา ได้สุขก็ต้องมีทุกข์

 เวลาสุขหมดไปทุกข์ก็กลับกลายเข้ามา

นี่คืออนิจจังของสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้

ผู้ที่มีปัญญาเห็นอนิจจังจะไม่หลงยึดติดกับสิ่งเหล่านี้

จะถอนตัวออกแล้วก็ไปพบกับความสุขที่แท้จริง

คือความสุขที่เกิดจากความสงบของใจ.

..................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต












ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 14 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2558 11:06:41 น.
Counter : 1158 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ