Group Blog
All Blog
### อยู่กับความจริง ###


















“อยู่กับความจริง”

วิธีการดำเนินชีวิตของเราเพื่อที่จะให้เราไม่ทุกข์

ขอให้เราอยู่กับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

ตอนนี้มีอะไร ถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่

ไม่ได้มีความอยากให้มีเพิ่มมากขึ้นหรือให้มีน้อยลงไป

เราก็จะไม่มีความทุกข์ เช่นมีความอยากให้มีอะไรเพิ่มมากขึ้น

ก็คืออยากให้มีเงินทองเพิ่มมากขึ้น

 อย่างนี้ถ้าเราไม่มีความอยากเราก็จะไม่ทุกข์

 ถ้าเรามีความอยากเราก็จะทุกข์ขึ้นมาทันที

 หรืออยากจะให้สิ่งนั้นสิ่งนี้หมดไป ให้มีน้อยลงไป

 แต่มันไม่มีมันยังอยู่เท่าเดิม

เช่นอยากจะให้หนี้สินมีน้อยลงไป แต่หนี้สินมันก็ยังมีอยู่เท่าเดิม

 เพราะเราไม่มีปัญญาที่จะนำเอาเงินทองมาชดใช้หนี้สิ้นที่เรามีอยู่ได้

 อยากให้มันมีน้อยลงไปก็จะทำให้เราทุกข์ใจไปเปล่าๆ

 แต่ถ้าเรายอมรับความจริงแล้วก็อยู่กับมันไป

ตอนนี้มีทรัพย์เท่านี้ก็พอใจกับที่มีอยู่เท่านี้

ตอนนี้มีหนี้อยู่เท่านี้ก็พอใจกับหนี้ที่มีอยู่เท่านี้ ก็จะไม่ทุกข์ใจ

ถ้าคิดว่าเวลาตายไปก็เอาหนี้ไปไม่ได้ เอาทรัพย์ไปไม่ได้อยู่ดี

 เวลาเรามาเราก็ไม่ได้เอาอะไรมา เราก็มาตัวเปล่าๆ

เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย แม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เป็นของเรา

ร่างกายนี้ก็เป็นของพ่อแม่ผลิตขึ้นมา แล้วเราก็มาอาศัยอยู่

มาครอบครองเป็นสมบัติชิ้นแรกของเรา

 ออกจากท้องแม่มาเราก็เจริญเติบโตด้วยอาหาร

 พอเราโตมีความสามารถเราก็ไปหาสิ่งของต่างๆ

 มาเป็นสมบัติของเราเพิ่มขึ้นไปทีละชิ้นๆ

หาเงินหาทอง หาสามีหาภรรยา หาบุตรหาธิดา

 หามาจากความสามารถของเรา แต่ของทุกอย่างที่เราหามาได้นี้

พอเราตายไป พอร่างกายนี้ตายไป เราก็ไปตัวเปล่าๆ

เหมือนกับตอนที่เรามา เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลย

ถ้าเราเห็นความจริงอันนี้ และไม่หลงคิดว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ตอนนี้หรือได้มานี้เป็นของเรา

รู้ว่าสักวันหนึ่งเราต้องทิ้งของพวกนี้ ไปหมดเลย

เราก็จะไม่ทุกข์กับการสูญเสียสิ่งต่างๆทั้งหลายที่เราได้มา

 เราจะไม่ทุกข์กับความแก่ ความเจ็บ ความตายของร่างกาย

เราจะไม่ทุกข์กับการที่เราจะต้องจากลาภยศ สรรเสริญ

 จากความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กายไป เพราะเรามีปัญญา

 มีดวงตาเห็นธรรม เห็นว่าของทุกอย่างในโลกนี้ เป็นของชั่วคราว

 เหมือนกับเราไปพักที่โรงแรม เวลาเราออกจากโรงเเรม

เราไม่ได้เอาหมอน เอาเตียง เอาของที่อยู่ในโรงแรมติดตัวไปกับเรา

เราไปอย่างไร เราก็ออกไปอย่างนั้น เราไปด้วยกระเป๋าใบเดียว

 เวลาเราออกจากโรงเเรม

เราก็เอากระเป๋าใบเดียวที่เราหิ้วไปนี้ออกไป ฉันใด

เรามาอยู่ในโลกนี้เราก็มาตัวเปล่าๆ พอเวลาเราไปเราก็ไปตัวเปล่าๆ

 แล้วเราจะมาทุกข์กับของอะไรต่างๆ ในโลกนี้ทำไม

 ทุกข์ไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริง

ความทุกข์ของเราอยู่ที่ความอยาก อยากจะเอาของทุกอย่างไปกับเรา

 คืออยากจะให้ของทุกอย่างที่เราได้นี้เป็นของเราไปตลอด

แต่มันเป็นความไม่จริง เป็นไปไม่ได้

ความจริงก็คือมันจะต้องจากกันไป ตอนนี้มีอยู่ก็อยู่กับมันไป

 ถ้าอยู่แล้วอยากจะให้มันหายไปหมดไป ก็เกิดความทุกข์ขึ้นมาอีก

 เช่นคนที่อยากจะฆ่าตัวตาย

เพราะว่าร่างกายนี้ไม่สามารถทำหน้าที่ต่างๆ ได้แล้ว

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์เป็นอัมพาต

ไม่สามารถที่จะไปหาความสุขผ่านทางร่างกายได้แล้ว

ตอนนั้นก็ไม่อยากจะอยู่ ไม่อยากจะให้ร่างกายนี้อยู่ต่อไป

อันนี้ก็ทุกข์อีกแบบหนึ่ง

ทุกข์เพราะอยากจะให้มันตายไป

ถ้าร่างกายดีก็ทุกข์เพราะอยากจะไม่ให้มันตาย

 มันทุกข์ทั้ง ๒ ทาง แต่ที่ทุกข์ไม่ใช่ที่ร่างกาย ที่ทุกข์ก็คือที่ใจ

 ใจที่อยากจะให้มันตายไปหรืออยากจะให้มันอยู่

อยากจะให้มันไม่ตาย แต่ถ้าเราไม่มีความอยากทั้ง ๒ อย่างนี้

 ร่างกายจะอยู่ก็อยู่ไป จะตายก็ตายไป

 ร่างกายจะอยู่ในสภาพใด จะสมบูรณ์แข็งแรงหรือจะเจ็บไข้ได้ป่วย

พิกลพิการไป ถ้าเราไม่มีความอยากให้เป็นอย่างอื่น

 เราจะไม่ทุกข์ ถ้าเราตั้งใจของเราให้อยู่กับความจริง

การที่ใจจะอยู่กับความจริงได้ ใจจะต้องนิ่ง

ใจจะต้องเฉยนั่นเอง ใจจะต้องเป็นอุเบกขา

วิธีที่จะทำใจให้เป็นอุเบกขาในเบื้องต้นก็ต้องใช้การเจริญสติ

 เพื่อทำใจให้สงบให้หยุดความคิดปรุงเเต่ง

 ถ้าใจสงบไม่คิดปรุงเเต่ง ใจก็จะนิ่งใจก็จะเป็นอุเบกขา

 แต่ถ้าอยากจะให้ใจนิ่งให้ใจสงบอย่างถาวร

ก็ต้องใช้ปัญญามาสอนใจ เบื้องต้นใจจะนิ่งชั่วคราว

เวลาที่เราหยุดความคิดปรุงเเต่ง ใจเข้าสู่สมาธิได้

ตอนนั้นใจก็จะนิ่งใจก็จะสงบ ใจจะนิ่งเฉยจะอยู่กับความจริง

แต่พอออกจากสมาธิมาพอมาเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้

ก็มีความอยากเข้ามาแทรก

อยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ขึ้นมาทันที

วิธีที่เราจะรักษาความนิ่งความสงบของใจให้อยู่กับความจริงต่อไป

ก็ต้องทำลายความอยากที่แทรกเข้ามา

ความอยากนี้ก็เป็นเหมือนขโมยที่จะมาขึ้นบ้าน

จะขโมยทรัพย์ของเรา เราจะทำอย่างไร

เราก็ต้องไล่ขโมยออกไปจากบ้าน เรามีอาวุธ เรามีปืนเราก็ยิงมัน

ถ้าเราไม่มีอาวุธเรามีโทรศัพท์ เราก็โทรศัพท์ เรียกตำรวจมา

เพื่อให้มาจับขโมยมาไล่ขโมยไป ความอยากนี้ก็เป็นเหมือนขโมย

 ที่จะมาขโมยความนิ่ง ความสงบของใจไป

ถ้าเราอยากจะให้ใจของเรานิ่งให้ใจของเราสงบ

ให้อยู่กับความจริงได้ เราก็ต้องทำลายความอยาก

อาวุธที่เราจะใช้ทำลายความอยากก็คือปัญญานี่เอง

ปัญญาก็คืออะไร ก็คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 ถ้าสอนใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 ไปทำอะไรไม่ได้ จะไปเปลี่ยนความจริงไม่ได้

ตอนนี้ลมพัดจะไปให้มันหยุดอย่างนี้หยุดไม่ได้

ถ้าอยากให้ลมหยุดพัดนี้มันก็จะทุกข์ใจไปเปล่าๆ

 เพราะจะไม่สามารถหยุดมันได้

ตอนนี้สามีจะจากเราไป ก็ห้ามเขาไม่ได้

ตอนนี้ภรรยาจะจากเราไปก็ห้ามเขาไม่ได้

 ตอนนี้เงินทองจะหมดไปก็ห้ามไม่ได้

ตอนนี้เจ้าหนี้จะมาทวงหนี้ก็ห้ามเขาไม่ได้

แต่ถ้าเราทำใจเฉยๆอยู่กับความจริง

ใครจะมาใครจะไป ก็อยู่กับความจริงนี้ไป

ใครจะไปก็ปล่อยเขาไป ใครจะมาก็ปล่อยเขามา

 เจ้าหนี้จะมาก็ให้เขามา เขาจะทวงหนี้ก็ปล่อยเขาไป

มีก็ให้เขาไปไม่มีก็ไม่ให้ จะให้ทำอย่างไร จะให้ไปทุกข์ก็ไม่ได้

แก้ปัญหา ไม่ได้เปลี่ยนความจริงอยู่ดี

แต่ใจเรานิ่งไม่เป็นกัน เพราะเราไม่เคยฝึกสอนใจให้นิ่งกัน

นี่แหละการปฏิบัติของพวกเรานี้ก็เพื่อที่จะทำใจของเราให้นิ่ง

ในทุกเวลานาทีกับทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ถ้าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา.

.....................

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖

“ฟังธรรมจากผู้รู้จริง”












ขอบคุณทีมา fb.พระอาจารย์สุขาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 03 ธันวาคม 2558
Last Update : 3 ธันวาคม 2558 11:18:29 น.
Counter : 1165 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ