Group Blog
All Blog
### ทุกข์ดับด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ###

















“ทุกข์ดับด้วยศีล สมาธิ ปัญญา”

การบรรลุธรรมก็คือการทำให้ทุกข์นั้นดับไปนั่นเอง

เวลาทุกข์ดับไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญาก็เรียกว่าเป็นการบรรลุธรรม

 มรรคก็คือศีล สมาธิ ปัญญา เช่นศีลนี้ประกอบด้วยอะไร

ศีลนี้ก็ประกอบด้วยสัมมากัมมันโต การกระทำชอบ

สัมมาวาจา การพูดชอบ และสัมมาอาชีโว การมีอาชีพชอบ

 คือการกระทำที่ถูกต้องการพูดที่ถูกต้องและการมีอาชีพที่ถูกต้อง

 อันนี้เป็นองค์ประกอบของศีล

ส่วนองค์ประกอบของสมาธิคืออะไร

ก็สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธินี้เอง

สัมมาวายาโมก็คือความเพียรชอบ

 สัมมาสติก็คือการตั้งสติชอบ

 สัมมาสมาธิก็คือการสงบของจิตที่ถูกต้องที่ชอบ

สัมมาสมาธิก็คืออัปปนาสมาธิ

 สัมมาสติก็คือการระลึกรู้อยู่กับเรื่องเดียวสิ่งเดียว

เช่นการบริกรรมพุทโธๆ

ความเพียรชอบก็คือการเจริญสติ

การเจริญศีล สมาธิ ปัญญานี่เอง เรียกว่าความเพียรชอบ

ส่วนองค์ประกอบของปัญญาก็สัมมาทิฏฐิกับสัมมาสังกัปโปนี่เอง

 สัมมาทิฏฐิก็คือความเห็นชอบ

สัมมาสังกัปโปก็คือการดำริหรือความคิดชอบนั่นเอง

คิดอย่างไรถึงคิดชอบ มีความเห็นอย่างไรถึงเห็นชอบ

 ก็เห็นว่าความทุกข์นี้เกิดจากตัณหาความอยากต่างๆ นี่เอง

 และการดับความทุกข์ก็ต้องดับด้วยมรรคที่มีองค์ ๘ นี่เอง

อันนี้เรียกว่าความเห็นชอบ

พอเห็นชอบแล้วก็จะมีความคิดที่ชอบที่ถูกต้อง

คิดที่จะกำจัดตัณหาความอยาก คิดที่จะเจริญมรรคอยู่เรื่อยๆ

เจริญศีล เจริญสมาธิ เจริญปัญญาอยู่เรื่อยๆ

ถ้าบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะเจริญขึ้นมา

จนเจริญเต็มที่พอศีล สมาธิเจริญเต็มที่ก็สามารถที่ทำลายตัณหา

ความอยากได้อย่างราบคาบ ก็จะบรรลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด

นี่คืออริยสัจ ๔ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

หลังจากที่พระองค์ได้ทรงทำใจให้สงบ เป็นสมาธิ

 เป็นอัปปนาสมาธิแล้ว พระองค์ก็ทรงพิจารณา

ดูความสุขความทุกข์ที่อยู่ภายในใจ ก็ทรงเห็นว่า

ความทุกข์ภายในใจเกิดจากตัณหาความอยาก

และการดับความทุกข์ภายในใจก็เกิดจากการมีปัญญา

 ที่เห็นว่าการทำตามความอยากนี้ ไม่ใช่เป็นการไปหาความสุข

แต่เป็นการไปหาความทุกข์ ก็เลยหยุดทำตามความอยาก

พอหยุดความอยากต่างๆ ได้ ความทุกข์ภายในใจก็หายไปหมด

 ก็บรรลุถึงพระนิพพานได้ พระนิพพานก็คือใจที่สงบ

ปราศจากความอยากต่างๆ นี้เอง

ใจที่เป็นบรมสุข ปรมัง สุขัง ความสุขที่เกิดจากความสงบนี้เเล

 เป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง

ถ้าเป็นความสุขที่ถาวรไม่มีวันเสื่อมก็เป็นพระนิพพาน

 ถ้าเป็นความสุขที่มีความเสื่อมอยู่

ก็คือยังเป็นความสุขของอัปปนาสมาธิ

 อัปปนาสมาธินี้ยังมีการเสื่อมได้

เวลาออกจากสมาธิมาถ้าไม่คอยรักษาประคับประคองด้วยสติ

หรือด้วยปัญญาไปทำตามความอยากเมื่อไหร่

ความสงบที่ได้จากอัปปนาสมาธิ

 ความสุขที่ได้จากอัปปนาสมาธิก็จะหายไปได้

เราจึงเรียกว่าอัปปนาสมาธิว่าเป็นพระนิพพาน

เราเรียกว่านิพพานก็เพราะว่าเป็นอัปปนาสมาธิที่ถาวร

เป็นความสงบที่ถาวรไม่มีวันที่จะเสื่อม

 เพราะเหตุที่ทำให้เสื่อมนั้นถูกทำลายไปหมด

 คือตัณหาความอยากทั้ง ๓ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา.

...................................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘

“เหตุและปัจจัยที่ทำให้บรรลุธรรม”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต









Create Date : 24 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2558 10:15:31 น.
Counter : 1384 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ