เรื่องผ้าเรื่องที่อยู่อาศัยตามธุดงควัตร
ที่เกี่ยวกับผ้า ก็คือ ถือผ้าบังสุกุล คือพอใจกับผ้าขี้ริ้วพูดง่ายๆ
ไม่ยินดีกับผ้าไหมอะไรต่างๆ ผ้าที่ทำมาจากโรงงาน
เป็นพับเป็นผืนใหญ่ๆ ยินดีกับเศษผ้าที่เขาทิ้งไว้
ตามสถานที่ต่างๆ ไปเก็บมา
เพื่อที่จะมาเย็บมาต่อให้เป็นผืนใหญ่เรียกว่าผ้าบังสุกุล
แล้วก็ถือผ้าเพียง ๓ ผืน คือถือเท่าที่จำเป็น
ไม่เอามากเอาเท่าที่จำเป็น มักน้อยก็ ๓ ผืน
ผ้านุ่ง ๑ ผืน ผ้าห่ม ๑ ผืน และผ้าห่มกันหนาวอีก ๑ ผืน
รวมกันเป็น ๓ ผืน เรียกว่าไตรจีวร ผ้าไตร ไตรแปลว่า ๓
ผู้ที่ไม่ถือธุดงควัตรนี้ ก็สามารถที่จะมีจีวรได้หลายผืน
มีผ้าห่ม ผ้าสังฆาฏิได้หลายผืน มีสบงได้หลายผืนตามอัธยาศัย
แต่ผู้ที่ต้องการอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมาพะรุงพะรัง
มากังวลกับการดูแลรักษาผ้า
หรือกับการต้องมาซักมาอะไรอยู่เรื่อยๆ
ก็เอาแค่ ๓ ผืน นี่คือการถือผ้า ๓ ผืน ถือผ้าไตรจีวร
ถือผ้าบังสุกุล อันนี้ก็คือเรื่องของผ้า
แล้วเรื่องของที่อยู่อาศัยก็ อยู่ตามโคนไม้
ไม่ต้องให้คนเขามาวุ่นวายกับการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับเรา
พอใจกับโคนไม้ ไปไหนก็หาอยู่ตามโคนไม้
อาจจะมีกลดไว้สำหรับกันแดดกันฝน
แล้วก็มีมุ้งหุ้มรอบกลดไว้กันยุง นี่คือบ้านของพระธุดงค์
พระที่ไปจาริกในป่า ท่านจะมีบ้านติดตัวไปด้วย
บ้านแบบพับได้ หลังคาก็คือร่มกลด ส่วนฝาคือมุ้ง
มุ้งนี้จะห้อยลงมาจากกลดรอบกลด
แล้วเข้าไปนั่งในมุ้งนี้ก็จะได้ไม่มียุงมารบกวน
ก็สามารถไปไหนได้ ตามป่าตามเขา ตามถ้ำก็อยู่ได้
ถ้ามีกลดมีบ้านติดตัวไป
ของญาติโยมก็อาจจะเป็นเต็นท์ก็ได้
เดี๋ยวนี้ก็มีเหมือนมุ้งใช้สำหรับนั่งได้
อันนี้ก็เป็นการอยู่แบบเรียบง่าย
ไม่ต้องมาวุ่นวายกับที่อยู่อาศัย
และก็จะไม่ติดที่ ถ้ามีกุฏิแล้วมันจะสุขสบายมันก็จะติด
แล้วบางทีมันก็จะไม่ไปเปลี่ยนที่ เพื่อหาที่ที่ดีกว่า ที่สงบกว่า
พออยู่ติดที่แล้วก็จะสะสม มีที่แล้ว
พอได้ข้าวได้ของมาแล้วก็จะหวง จะเก็บเอาไว้
ดีไม่ดีต่อไปกุฏิจะเป็นที่เก็บของมากกว่าเป็นที่อยู่อาศัย
จะหาที่หลับที่นอนไม่ได้
ในกุฏินี้มีแต่กระแป๋งสังฆทานเต็มไปหมด กลายเป็นโกดังไป
ถ้าอยู่ตามโคนไม้ ปัญหาเรื่องเหล่านี้ก็จะไม่มี
ได้รับของมาก็แจกไปสละไป ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้
เก็บเอาไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น การอยู่โคนไม้ก็ดี
เพราะว่าโคนไม้ก็คืออยู่ในป่านี่เอง อยู่ในป่าก็จะสงบ
ไม่มีใครเข้าไปเล่นกันในป่า ไม่มีคนไปส่งเสียงดัง
ไปทำอะไรกันในป่า ก็จะเหมาะต่อการบำเพ็ญจิตตภาวนา
เป็นสถานที่ปลีกวิเวก ความหมายก็คือ
ไม่ให้อยู่ตามบ้านตามเมือง
เช่นอยู่ในวัดในบ้านในเมืองอย่างนี้
วัดสมัยก่อนนี้จะเป็นวัดป่ากันทั้งนั้น
แต่ต่อมาบ้านเมืองก็เจริญ ก็ขยายออกไปเรื่อยๆ
ก็ไปครอบวัดที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเมือง
กลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเมืองไป
ดังนั้น ถ้าวัดกลายเป็นบ้านเป็นเมืองไปแล้ว
ผู้ที่อยู่วัดก็ต้องเปลี่ยนวัดแล้ว ต้องไปหาวัดป่าอยู่
หรือไปจาริกไปธุดงค์ในป่า ไปตั้งสำนักอยู่ในป่า
นี่คือเรื่องที่อยู่อาศัยข้อธุดงควัตร ให้อยู่ตามป่าตามเขา.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.........................
กัณฑ์ที่ ๔๗๒ วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖
ธุดงควัตร
ขอบคุณที่มา fb, พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ