Group Blog
All Blog
### ใช้ปัญญาพิจารณาปล่อยร่างกาย ###

















"ใช้ปัญญาพิจารณาปล่อยร่างกาย"

ต้องใช้ปัญญาถอดถอนความหลงที่ไปหลงคิดว่า

ร่างกายเป็นตัวเราของเรา

ต้องใช้ปัญญาที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงค้นพบว่า

ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเราของเรา ร่างกายนี้ไม่เที่ยง

ต่อให้เราดูแลมันดีขนาดไหนก็ตามไม่ช้าก็เร็ว

มันก็ต้องตายจากเราไปอย่างแน่นอน

จะอยู่ที่ไหนปลอดภัยขนาดไหนมันก็ตายได้

จะอยู่ในป่าในเขา อยู่กับสิงสาราสัตว์มันก็ตายได้

 ถ้ามันถึงเวลาที่มันจะต้องตาย

ถ้าพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่เที่ยง

 ไม่มีวันที่จะป้องกันไม่ให้มันไม่ตายได้

ร่างกายนี้มันไม่ได้เป็นของเราอย่างถาวร

สักวันหนึ่งมันก็จะต้องกลายเป็นของสัปเหร่อไป

ถ้าพิจารณาเห็นอย่างนี้และเห็นว่า

ถ้าไม่อยากให้มันไม่ตายนี้ มันทำให้เกิดความทุกข์ทรมานใจขึ้นมา

ก็จะต้องยอมรับว่ามันจะต้องตาย เลยหยุดความอยากไม่ตาย

คือยอมตาย พอยอมตายได้แล้ว ความกลัวตายนั้นมันก็จะหายไป

 หายไปอย่างถาวร ไม่ได้หายไปแบบสมาธิ

 ถ้าหายไปแบบสมาธิมันจะหายไปเฉพาะเวลาที่ใจรวมเข้าสู่สมาธิ

แต่พอออกจากสมาธิมา พอไปคิดถึงเรื่องที่ทำให้กลัว

 ความกลัวก็จะปรากฏขึ้นมาอีก

แต่ถ้าใช้ปัญญาพิจารณาว่าความกลัวนี้ ก็เกิดจากความหลง

ไม่รู้ความจริง ไม่รู้ว่าร่างกายนี้มันจะต้องตาย

ไม่รู้ว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่ตัวเราของเรา

ไม่รู้ว่าความกลัวความทุกข์นี้

เกิดจากความอยากไม่ให้ร่างกายนี้ตายเท่านั้นเอง

 ถ้าไม่อยากทุกข์ไม่อยากกลัว

 ถ้าอยากให้ความกลัวหายไป อยากให้ความทุกข์หายไป

ก็ต้องหยุดความอยากไม่ให้ร่างกายนี้ตาย

 ถ้าหยุดความอยากไม่ให้ร่างกายตายได้คือปล่อย ยอม

มันจะตายก็ปล่อยมันตายไป พอปล่อยได้แล้วใจจะสงบ

 ใจจะหายกลัวแล้วจะหายกลัวอย่างถาวร

จะตายเมื่อไรวันไหนเวลาใดนี้

จะไม่มีความกลัวตายเหลืออยู่อีกต่อไป

 มันพร้อมที่จะตายได้ทุกเวลา

เพราะผู้ที่กลัวนี้ไม่ได้ตาย และผู้ที่ตายนี้ไม่ได้กลัว

ร่างกายนี้ไม่มีความรู้สึกรับรู้อะไร

มันไม่รู้ว่ามันจะตายหรือมันจะไม่ตาย มันไม่เคยกลัวความตาย

 แต่ผู้ที่กลัวก็คือใจผู้ที่ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย

แต่กลับไปกลัวตายแทนร่างกาย

เพราะความหลงไปคิดว่าใจนั้นเป็นร่างกายนี้นั้นเอง

 พอใช้ปัญญากับสมาธิมาแยกแยะใจให้ออกจากกาย

 จะเห็นว่าใจนี้ไม่มีวันตาย ใจที่กลัวความตายนี้ไม่มีวันตาย

 ส่วนร่างกายที่ไม่รู้จักความตายนั้นเป็นผู้ตาย

แต่ความตายนั้นร่างกายเขาไม่เดือดร้อนอะไร

เพราะร่างกายนี้ก็เป็นเหมือนท่อนไม้ท่อนฟืนดีๆ นี่เอง

 ไปตัดต้นไม้ ไปเผาท่อนไม้ ท่อนฟืน มันก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร

 เวลาเอาร่างกายเข้าเตาเผา มันก็ไม่เดือดร้อนอะไร

ผู้ที่เดือดร้อนคือใจ แต่ใจที่มีความหลง

ไปคิดว่าร่างกายนั้นเป็นใจนั่นเอง

พอใช้สมาธิและใช้ปัญญาแยกแยะใจออกจากร่างกายได้

เห็นอย่างชัดเจนว่าใจนี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย

 สิ่งที่ตายนั้นไม่ใช่เป็นใจ ใจก็ปล่อยร่างกาย

ห้ตายไปได้อย่างสบาย

พอปล่อยแล้วใจก็จะไม่ทุกข์กับร่างกายอีกต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๙

“สร้างที่พึ่งของใจด้วยกำลังสติ”














ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 25 มกราคม 2559
Last Update : 25 มกราคม 2559 10:45:16 น.
Counter : 987 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ