น้ำมนต์ของหลวงพ่อเทียน
เขียนเล่าเรื่องพระไพศาล วิสาโล
ในช่วงเจ็ดปีสุดท้ายของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
ท่านต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งเนื่องจากมีมะเร็งในลำไส้
เป็นโอกาสให้นายแพทย์วัฒนา สุพรหมจักร
ได้รู้จักท่านอย่างใกล้ชิด
ในขณะที่หมอวัฒนารักษากายของหลวงพ่อด้วยการให้ยา
หลวงพ่อก็ได้รักษาใจของหมอวัฒนาด้วยการให้ธรรม
หมอวัฒนาเล่าว่าตอนที่รู้จักหลวงพ่อเทียนใหม่ ๆ
กำลังสนใจพระเครื่องมาก
วันหนึ่งได้เอาพระนางพญาพิษณุโลกมาให้ท่านดู
พร้อมกับอวดว่าพระเครื่ององค์นี้เก่าแก่มาก
สร้างมาตั้ง 700 ปีแล้ว
พระองค์นี้ทำจากอะไร ท่านถาม
หมอวัฒนาอธิบายว่า ทำจากเนื้อดินเผา
แกร่งสีเนื้อมะขามเปียกมีแร่ต่าง ๆ ปรากฏอยู่เต็ม
ได้ยินเช่นนั้น ท่านก็พูดเรียบ ๆ ว่า
ดินนั้นเกิดมาพร้อมกันตั้งแต่สร้างโลก
พระองค์นี้ไม่ได้เก่าแก่ไปกว่าดินที่เราเหยียบ
ก่อนเข้ามาในบ้านนี้หรอก
เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว หมอวัฒนาก็ ตาสว่าง
ตัดสินใจถอดพระเครื่องออกจากคออย่างไม่ลังเล
เคยมีคนถามท่านว่าแขวนพระดีหรือไม่
ท่านตอบว่า ดี แต่มีสิ่งที่ดีกว่าแขวนพระจะเอาไหม
อีกคราวหนึ่งมีคนถามท่านด้วยความสงสัยว่า
เครื่องรางของขลังของเขามีอานุภาพตามที่เล่าลือหรือไม่
ท่านไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า คนทำตายหรือยัง
เมื่อได้คำตอบว่าคนที่ทำได้ตายแล้ว
เพราะเป็นของมรดกตกทอดกันมา
ท่านจึงตอบว่า คนที่ทำยังตายเลย
แล้วเราจะหวังสิ่งนี้ ช่วยไม่ให้เราตายได้อย่างไร
แม้หลวงพ่อเทียนเป็นหลวงตาที่พูดน้อย น้ำเสียงเบา
แต่ถ้าพูดถึงการสอนธรรมแล้ว ท่านมั่นคง พูดตรง
ไม่อ้อมค้อม และไม่ยอมประนีประนอมเลย
โดยเฉพาะเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
ท่านเห็นว่านั้นกลับทำให้คนมีความหลงงมงายมากขึ้น
และเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงธรรม
ท่านเคยได้รับนิมนต์ไปสวดในงานบุญแห่งหนึ่ง
เจ้าภาพอยากให้ท่านพรมน้ำมนต์ให้
ท่านจึงขอให้เจ้าภาพเตรียมกาละมังขนาดใหญ่ใส่น้ำให้เต็ม
เพื่อทำน้ำมนต์แทนที่จะทำจากน้ำในในบาตร
เมื่อทำเสร็จแล้ว แทนที่จะประพรมน้ำมนต์
ท่านกลับเอาน้ำมนต์ในกาละมังสาดไปทั่วบ้านแล้วบอกว่า
ช่วยกันเก็บช่วยกันถู อันนี้แหละเป็นมงคล
การที่เราใช้น้ำมนต์ประพรมตัวเรา อาจจะแพ้ลูกไม้ใบหญ้า
ที่ใส่ไว้ในน้ำมนต์ มีอาการผื่นคันขึ้นมา
ต้องเปลืองเงินทองซื้อหยูกยารักษาอีก
แล้วมันจะเป็นมงคลได้อย่างไร
ขอบคุณข้อมูลจาก...fb. วัดป่าสุคะโตเพื่อธรรมะและธรรมชาติ