ปราชญ์ผู้สันโดษ
เขียนเล่าเรื่องพระไพศาล วิสาโล
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
เป็นพระมหาเถระที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์
ที่สำคัญที่สุด ของพุทธศาสนาไทยในปัจจุบัน
ว่าจำเพาะสมณศักดิ์ของท่านก็จัดว่าสูงมาก
คือเป็นพระราชาคณะขั้นรองสมเด็จ
แต่ท่านมีความเป็นอยู่อย่างสมถะมาก
พึงพอใจในการอยู่อย่างเรียบง่าย
และเสมอต้นเสมอปลายในเรื่องนี้มาโดยตลอด
ตั้งแต่เป็นพระชั้นผู้น้อยจวบจนถึงปัจจุบัน
เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์
แม้ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชวรมุนี
และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะเมื่อหนังสือพุทธธรรม ฉบับขยายความ
ได้ตีพิมพ์เผยแพร่
แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของท่านแทบไม่ได้แตกต่าง
ไปจากตอนเป็นพระหนุ่มเมื่อ ๒๐ ปีก่อนหน้านั้นเลย
กุฏิของท่านมีหนังสือกับอุปกรณ์ที่ใช้เขียนหนังสือเป็นหลัก
ดูโล่งและเป็นระเบียบ
คราวหนึ่งมีญาติโยมขออนุญาต
ติดเครื่องปรับอากาศให้ท่าน
เนื่องจากรอบวัดเป็นย่านชุมชน มีมลภาวะมาก
มิหนำซ้ำข้างวัดยังเป็นร้านทำทอง
กลิ่นน้ำประสานทองโชยมาที่กุฏิของท่านทุกวัน
ทำให้ท่านมีอาการภูมิแพ้ หอบ เหนื่อย
แต่ท่านก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง
แต่ญาติโยมก็ไม่ละความพยายาม
ในที่สุดก็สามารถพาช่างมาติดเครื่องปรับอากาศให้ท่านจนได้
แต่ท่านก็ได้ใช้น้อยมาก เพราะไม่นาน ก็ย้ายออกไป
เมื่อท่านไปยังวัดญาณเวศกวัน
ท่านก็ยังไม่ยอมติดเครื่องปรับอากาศเช่นเดิม
คงใช้แต่พัดลมช่วยระบายความร้อน
เหมือนเมื่อครั้งอยู่วัดพระพิเรนทร์
ท่านเป็นพระเถระที่ไม่สะสม
ทั้ง ๆ ที่ได้รับอติเรกลาภในโอกาสต่าง ๆเป็นประจำ
โดยเฉพาะเวลามีญาติโยมมาจัดงานทำบุญถวายท่าน
เนื่องในวันคล้ายวันเกิดบ้าง ในวันสำคัญทางศาสนาบ้าง
หรือแสดงมุทิตาจิตที่ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์บ้าง
ของที่นำมาถวายนั้นเป็นสิ่งของเครื่องใช้มากมาย
แต่เมื่อเสร็จงานแล้ว ท่านจะเก็บแต่เฉพาะหนังสือไว้
ส่วนของอื่น ๆ ท่านจะแจกต่อให้แก่พระเณรในวัด
ของถวายบางอย่างบรรจุใส่กล่องสวยงาม
บางกล่องก็ห่อเป็นของขวัญ
ท่านก็ไม่เปิดดูด้วยซ้ำว่าข้างในเป็นอะไร
วิธีการแจกของท่านก็คือติดหมายเลขที่กล่องเหล่านั้น
แล้วทำสลากให้พระเณรแต่ละรูปมาจับ
ใครได้สลากตรงกับของกล่องใด ก็รับของกล่องนั้นไป
ว่ากันว่า การแจกแบบนี้สามเณรในวัดชอบมาก
เพราะอาจได้ของใช้ดี ๆ ซึ่งตามปกติไม่มีโอกาสได้รับ
นอกจากของขวัญ ค่าลิขสิทธิ์หรือค่าตอบแทนจากงานเขียน
ท่านก็ไม่เคยรับ หากแต่บริจาคให้แก่สถาบัน มูลนิธิ
หรือสาธารณกุศลต่าง ๆ
ทั้งนี้เพราะท่านถือว่างานเขียนเหล่านั้น
เป็นการบำเพ็ญธรรมทาน
อันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของบรรพชิต
งานบรรยายก็เช่นกัน ไม่ว่าที่ไหน
เมื่อเจ้าภาพถวายซองปัจจัยแก่ท่าน
ท่านก็จะมอบคืนเพื่อเป็นทุนดำเนินงาน
ขององค์กรเหล่านั้นต่อไป
โดยไม่เคยเปิดดูเลยว่าในซองนั้นมีเงินเท่าไร
หากมีผู้มาถวายปัจจัยให้แก่ท่านที่วัด
ท่านก็จะมอบให้เป็นสมบัติของสงฆ์
ไม่เก็บไว้แม้แต่บาทเดียว
ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ