วิธีเข้าหาผู้รู้ เข้าหาครูบาอาจารย์
การศึกษาการฟังเทศน์ฟังธรรมจากผู้รู้จริงเห็นจริง
เช่นพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกับผู้ที่ยังไม่มีศรัทธา
และผู้ที่มีศรัทธาแล้ว ถ้าท่านไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
ก็อาศัยคำสอนที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ เป็นหนังสือเป็นซีดี
อาศัยฟังคำสอนของท่านเหล่านี้ได้
ดีกว่าไปฟังคำสอนของผู้ที่ไม่รู้จริงเห็นจริง
คือสอนแล้วก็อาจจะทำให้เห็นผิดเป็นชอบ
เห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้
ดังนั้นเราต้องเรียนจากผู้รู้จริงเห็นจริงคือพระพุทธเจ้า
พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ที่มีคำสอนจารึกอยู่ไว้ในหนังสือ
และในสื่อต่างๆ ถ้าเราไม่สามารถพบกับพระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ได้
ก็อาศัย คำสอนของพระอรหันต์ที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว
คำสอนนี้แหละเป็นตัวสำคัญไม่อยู่ที่ตัวท่าน ว่าท่านมีชีวิตอยู่หรือไม่
ถ้ากราบพระอรหันต์ที่เป็นใบ้ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร
ท่านจะไม่สามารถสอนอะไรเราได้
ได้แต่อย่างมากก็ไปกราบท่านเฉยๆ เท่านั้นเอง
ดังนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลแต่อยู่ที่คำสอนของบุคคล
ถ้าไปกราบพระอรหันต์แล้วท่านไม่สอน
ก็เหมือนกับไปกราบพระพุทธรูปดีๆ นี่เอง ไม่ได้อะไร
ไม่ได้รับฟังคำสอน ได้เพียงแต่ได้กราบไหว้เท่านั้นเอง
ดังนั้นเวลาที่เราเข้าหาพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนี้
เราต้องการเข้าไปหาคำสอนเป็นหลัก ไม่ต้องการไปขอน้ำมนต์
ไม่ต้องการไปขอวัตถุมงคล ไม่ต้องการอะไรต่างๆจากท่าน
นอกจากคำสอนของท่านเท่านั้นเอง
แม้แต่รอยยิ้มของท่านก็ไม่ต้องการ ท่านจะด่า ท่านจะว่าเรา
ถ้าเป็นธรรมเราควรที่จะน้อมเข้ามารับอย่างเต็มหัวใจ
น้อมเพื่อนำเอาไปปฏิบัติ ไม่ใช่พอท่านไม่ยิ้มให้เรา
ท่านด่าเราเท่านั้นก็กระเจิงไปเลย ถอยรูดไปเลย
ไม่ยอมกลับมาอีกเลย อันนี้แสดงว่าไปไม่ถึงพระอรหันต์
จะไปหาแต่รูปอยากจะไปดูหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
คิดว่าพระอรหันต์ต้องเมตตาด่าไม่ได้
พอด่าก็เลยไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเลย
อันนีก็มีคนบางคนเป็นแบบนั้น
พอไปเจอพระอรหันต์ที่พูดจาไม่เสนาะหูเท่านั้นก็ถอยรูดกลับไปเลย
อันนี้เพราะว่าไม่มุ่งไปหาธรรมะนั่นเอง
ไม่ได้มุ่งไปหาคำสอนมุ่งไปหาที่รูปงาม หน้าตาที่งาม รอยยิ้มงาม
เห็นแล้วปลื้มปิติ มีความสุข
อันนี้ก็คือวิธีเข้าหาผู้รู้ เข้าหาครูบาอาจารย์
เราไม่ต้องการอะไรจากตัวท่าน
นอกจากคำสอนของท่านเพียงอย่างเดียว
คำสอนของท่านจะมาในรูปแบบ ยกย่องสรรเสริญก็ดี
หรือดุด่าว่ากล่าวก็ขอให้น้อมเอาเข้ามาเพราะเป็นคำสอนเหมือนกัน
จะให้สอนด้วยวิธียกย่องสรรเสริญเพียงอย่างเดียว
มันก็ทำให้เราหลงได้ บางทีท่านก็ต้องแก้ความหลงของเรา
ด้วยการดุด่าว่ากล่าวตักเตือนบ้าง
จะได้ทำให้เราไม่หลงไหลคลั่งไคล้จนเกินไป
นี่คือเรื่องของการเข้ามาหาครูบาหาอาจารย์
มาฟังเทศน์ฟังธรรมมาศึกษาธรรม
เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพื่อที่จะได้เกิดฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ที่จะน้อมนำเอาคำสอนของพระพทุธเจ้าไปปฏิบัติ
เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะสามารถทำให้จิตใจของพวกเรา
หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้
มีแต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าเราปรารถนาหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เ
ราก็ต้องเข้าหาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว
เราต้องสละทุกสิ่งทุกอย่างไปให้หมด
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เป็นตัวที่ดึง
ให้เราติดอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
จึงขอให้ท่านพยายามเข้าหาผู้รู้
หมั่นฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมออยู่อย่างต่อเนื่อง
แล้วนำเอาคำสอนนี้ไปปฏิบัติแล้วผลต่างๆ ที่ดีที่งาม
เช่นมรรคผล นิพพานก็จะเป็นผลที่จะตามมาต่อไปอย่างแน่นอน.
..................................
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
การเข้าหาพระธรรมคำสอน
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ