มกราคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
14 มกราคม 2557

[ พี่ชายของเรา ]



[ พี่ชายของเรา ]














พี่ชายของเรา
เข้าโรงพยาบาลตอนค่ำๆของวันที่ 7 มกราคม 2557
ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปาก คือ


“เหนื่อย เจ็บหน้าอก เจ็บหลัง หายใจไม่ออก”


แม้จะดูเหนื่อยอ่อน
แต่ไม่มีสักแว๊บเดียวที่ผมจะคิดว่านั่นเป็นประโยคสุดท้าย
ที่เราจะได้คุยกัน


ตีสามพี่สะใภ้โทรมาตาม
บอกว่าให้มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
ผมออกจากบ้านกับน้องสาว
ตามไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

หมอและพยาบาลแจ้งให้ทราบว่า
พี่ชายของเราหยุดหายใจ
ด้วยเครื่องมือแพทย์และการช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ
พี่ชายกลับมาหายใจอีกครั้ง
แต่ในสภาพที่สายระโยงระยางเต็มตัว
ใส่เครื่องช่วยหายใจเต็มรูปแบบ
นอนนิ่งไม่รู้สึกตัว

ตลอดทั้งวันของวันที่ 8 มกราคม
ชีวิตของผมวนเวียนอยู่หน้าห้อง ICU
เดินไปเยี่ยมพี่ชายในห้อง ICU
พูดคุยกับทีมหมอทั้ง 5 คน
หมอด้านเบาหวาน หมอด้านหัวใจ หมอด้านปอด
หมอด้านไต และ หมอเจ้าของไข้

สอบถามอาการของพี่ชายจากนางพยาบาล
ที่คอยดูแลพี่ชายอย่างใกล้ชิด

อาการป่วยของพี่ชายหนักมากเหลือเกิน
อาการป่วยนั้นรุนแรงและลุกลามรวดเร็วเหลือเกิน

แม้จะใช้ทีมแพทย์ที่เก่งเพียงใด
ใช้ยาที่ดีและแพงที่สุดเพียงใด
พี่ชายก็ไม่ตื่นฟื้นรู้สึกตัวอีกเลย

ทุกๆนาที ทุกๆชั่วโมงของการสอบถามข้อมูล
มีแต่คำว่า “ทรงๆ ทรุดลงเรื่อยๆ”

ผมคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย
พยายามตั้งสติอย่างดีที่สุด
เพื่อจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อยที่สุด

คิดแม้กระทั่งถ้อยคำแต่ละคำ
ที่จะต้องพูดให้คนใกล้ตัว
เพื่อให้ทุกคนสบายใจและยังมีความหวัง
ทั้งป๊าและม๊า พี่สะใภ้ น้องๆทุกคน
รวมทั้งคนรอบข้าง

ในขณะที่ทุกความจริงที่ผมรับรู้มาจากหมอและพยาบาลนั้น
มีแต่คำว่า

“อาการหนักมาก”
“ต้องทำใจแล้ว”
“แจ้งญาติๆแล้วหรือยัง”
“โอกาสรอดมีน้อยมาก”
ฯลฯ

ผมแต่ได้เก็บคำเหล่านั้นไว้ในอก
แล้วนอนเฝ้าพี่ชายอยู่หน้าห้อง ICU ทั้งวันทั้งคืน
โดยไม่ได้นอนเลย พยายามหลับยังไงก็หลับไม่ลง
มีแต่งีบไปเพราะหมดเรี่ยวแรง
ก่อนจะต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่เสียงเปิดประตูห้อง ICU
หรือมีเสียงคนเดินมา

มองไปเห็นพี่สะใภ้ร้องไห้ ใจตัวเองก็เจ็บปวด
มองเห็นน้องสาวร้องไห้ ตัวเองก็อ่อนไหว
แต่ต้องเก็บความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้
คิดอย่างเดียวว่าตัวเองต้องเข้มแข็ง
เพื่อจะประคับประคองความรู้สึกของทุกคนไปให้ได้

พี่ชายเข้าโรงพยาบาลคืนวันที่ 7 มกราคม
วันที่ 8 มกราคม เป็นวันแห่งการประคับประคองชีวิต
เช้าวันที่ 9 มกราคม 2557
เวลา 6.17 น.

ผมเดินเข้าไปในห้อง ICU หลังจากพยาบาลมาเรียก

“คนไข้ความดันลดลงมากเลยค่ะ”

ผมเดินเข้าไปยืนที่หน้าห้องหมายเลข 6
ม่านถูกดึงปิดไว้
ผมชะโงกมองเข้าไป
เห็นพยาบาลขึ้นไปนั่นคร่อมหน้าอกพี่ชาย
แล้วช่วยปั๊มหัวใจอย่างหนัก
แพทย์เวรเดินมาถามผมว่า

“จะให้ปั๊มต่อมั้ยครับ แต่คนไข้หยุดหายใจแล้ว”

ผมบอกหมอไปว่า

“พอแล้วครับ ให้เขาไปสบาย เดี๋ยวเขาจะเจ็บครับ”

ขั้นตอนการรักษาทั้งหมดหยุดลง
พร้อมลมหายใจสุดท้ายของพี่ชายผม

เป็นการจากลาที่รวดเร็ว
และไร้คำร่ำลา

ผมลาพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย
เก็บพระเครื่องของพี่ชายที่แขวนไว้บนหัวเตียง

สักพักเดินออกมาจากห้อง ICU
เห็นพี่สะใภ้และน้องสาว
ที่เพิ่งเดินลงไปตักบาตรหน้าโรงพยาบาล
นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หน้าห้อง

ผมเดินเข้าไปด้วยน้ำตานองหน้า
ยืนพระใส่ในมือพี่สะใภ้
เมื่อเห็นพระในมือ
พี่สะใภ้รู้ในทันทีว่าพี่ชายจากไปแล้ว
ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก

ผมขอร้องให้พี่สะใภ้กลับบ้าน
ไปเอาเสื้อผ้าของพี่ชายมาเปลี่ยนให้ก่อน
เพราะตอนที่ผมเข้าไปในห้องนั้น
พี่ชายยังนอนอยู่ในสภาพผู้ป่วย
มีสายระโยงระยางเต็มตัว
ยังไม่อยากให้พี่สะใภ้เห็นภาพนั้น

ช่วงเวลาที่พี่สะใภ้กลับบ้าน
ผมพยายามตั้งสติ
เดินเข้าไปสอบถามพยาบาลว่ามีอะไรบ้างที่ผมต้องทำ
ต้องเดินเรื่องเอกสารอะไรบ้าง
ขั้นตอนทั้งหมดเป็นอย่างไร

จากนั้นเดินออกมาร้องไห้คนเดียวที่หน้าห้อง ICUอย่างหนัก
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอที่สุด

เมื่อพี่สะใภ้กลับมาอีกครั้ง
ผมนำชุดมาให้พยาบาลเปลี่ยนให้พี่ชาย
เมื่ออยู่ในชุดโปรด
ผ่านการอาบน้ำ

พี่ชายเหมือนคนนอนหลับ
ยิ้มน้อยๆ

พี่สะใภ้และน้องสาวเข้ามาเยี่ยมอีกครั้ง
บอกร่ำลากัน

ก่อนที่ผมจะโทรบอกน้องสาวคนเล็ก
ให้บอกป๊ากับม๊าเรื่องการจากไปของพี่ชาย
ส่วนผมเองโทรบอกภรรยา


วันที่ 9 มกราคมทุกคนจึงมีงานมีหน้าที่ที่ต้องทำ
ทุกสิ่งดำเนินไปด้วยความเศร้าโศก เศร้าสร้อย
อาลัยรัก และสิ่งที่ทุกคนพูดเหมือนกันคือ


“ไม่น่าเชื่อเลย”


ใช่...มันไม่น่าเชื่อเลย
ว่าผู้ชายที่แข็งแรงและชอบออกกำลังขนาดนี้
จะป่วยและจากไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่วัย 43 ปีเท่านั้นเอง


หลับให้สบายนะพี่ชาย
ไม่มีอะไรต้องห่วง
ทุกสิ่งทุกอย่างผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี

ไปให้สบาย
ไปเกิดในภพภูมิที่ดี

รักเสมอ




น้องชาย






Create Date : 14 มกราคม 2557
Last Update : 14 มกราคม 2557 21:39:34 น. 9 comments
Counter : 678 Pageviews.  

 
เสียใจด้วยอีกครั้งครับพี่ก๋า


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 14 มกราคม 2557 เวลา:23:11:17 น.  

 
อ่านกี่ครั้งก็ยังรู้สึกใจหาย


โดย: pinkyrose IP: 125.25.10.84 วันที่: 14 มกราคม 2557 เวลา:23:47:57 น.  

 
เป็นกำลังใจให้พี่ก๋าและครอบครัวนะคะ


โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ IP: 183.89.155.204 วันที่: 14 มกราคม 2557 เวลา:23:48:29 น.  

 
เป็นกำลังใจให้เลยค่ะ
ทรายอยากแชร์ประสบการณ์ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะว่าตอนพ่อทรายเสียนั้นพ่อทรายก็เป็นคนแข็งแรงมาตลอด

ดังนั้่้นถ้ามีเวลาว่างควรพักให้เพียงพอและไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายบ้าง

พ่อของทรายพอเวลาป่วยแล้วทรุดหนักและทรุดเร็ว

ครั้งล่าสุดที่เสียคือไม่รู้ตัวเลยค่ะ


อีกอย่างหนึ่งที่พี่ก๋าบอกว่า "เดินออกมาร้องไห้คนเดียว นี่คือเวลาที่ผมอ่อนแอที่สุด"

ทรายเชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นกับมนุษย์บนโลกนี้ทุกคนก็คงเป็นธรรมดา

ทรายร้องไห้เสียใจคนเดียวจนรู้สึกชินชากับน้ำตาและไม่อายที่จะเสียน้ำตา อย่างน้อยก็ให้มันออกมาบ้าง

แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผ่านไปได้คือลุกขึ้น แล้วเดินออกมาจากความทุกข์นั้น นี่คือสิ่งที่ยากมาก แต่เป็น "ชัยชนะสีขาว" ที่สวยสดงดงาม

แด่พี่ก๋า พี่ทรายใน blog ที่ทรายรัก และเณรหมิงหมิง

ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: cyberlifenlearn วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:0:59:50 น.  

 
ขอให้พี่ชายคุณก๋าไปสู้สุขคติและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณก๋าด้วยนะคะ
และที่สำคัญขอบคุณเรื่องราวที่นำมาถ่ายทอดนะคะ จะนำมาสอนและเป็นคติเตือนใจตัวเองในการดำรงชีวิตค่ะ



โดย: scorpionfish IP: 90.32.58.22 วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:1:41:01 น.  

 
คนเรามีเวลาจำกัดจริงๆ บนโลกใบนี้ อย่างน้อยที่สุดชาติภพนี้พี่ชายคงดีใจที่มีน้องที่แสนประเสริฐ...


โดย: Peeradol33189 IP: 182.52.74.45 วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:7:12:57 น.  

 
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ แล้วยิ่งกับคนที่เรารักแล้วมันทำใจลำบาก ถึงแม้เราจะเคยถูกฝึกฝนมาให้รับมือกับการจากไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาของเราจริงๆมันทำใจยาก อย่างน้อยการที่เราฝึกฝนมามันทำให้เรามีสติพร้อมที่จะรับมือกับการจากไป ถึงเวลานี้คนที่อยู่ก็ต้องพร้อมที่จะทำให้คนที่เรารักที่ยังอยู่กับเราให้มีความสุข จะได้ไม่ทำให้เรารู้สึกเสียใจอีกกับความคิดที่ว่ายังไม่ทันทำอะไรให้เลยแล้วก็จากไปอีก ทำเวลาทุกๆวันให้มีคุณค่าเพราะมันจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้เราได้ทำอีก ข้อคิดที่น้องเขียนในบล๊อกในหนังสือทีพี่ได้อ่านทำให้พี่เก็บมาคิดทวบทวนได้ข้อคิดมากมายทำให้พี่ได้คิดและหยุดอยู่เลิกอยากได้อยากมี และกลับมามองและทำให้คนที่พี่รักมีความสุขกับชีวิตที่พอเพียงจริงๆคะ พี่เป็นกำลังใจให้น้องเสมอคะ


โดย: พี่นู๋ดีค่ะ IP: 110.78.156.77 วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:9:10:31 น.  

 
พี่ชายพี่ก๋าไปสบายแล้ว แต่เรา คนที่ยังอยู่สิคะ ที่ต้องชดใช้กรรมต่อไปค่ะพี่ สู้ๆนะคะ


โดย: เอิง IP: 113.53.48.73 วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:9:19:27 น.  

 
สิ่งที่ยากสิ่งหนึ่งคือ การทำยังไงจะทำให้คนที่อยู่รอบกายเจ็บปวดน้อยลงกับการสูญเสีย...ขอน้อมนบศิษย์พี่ด้วยความเคารพของการเป็นแบบอย่าง...ดำรงสติให้มั่น

ถ้อยคำของแพทย์...มีความสำคัญต่อการต่อเติมกำลังใจให้กับญาติคนไข้...แต่ก็อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง

ปล.แสดงความเสียใจด้วยอีกครั้งค่ะพี่กิจ


โดย: ศิษย์น้อง ณ กองกอย IP: 111.84.20.206 วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:14:23:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]