www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ



...ดนตรีเป็นภาษาสากล ไม่ว่าชาติใดก็สามารถรับรู้ความรู้สึกที่สื่อออกมาทางท่วงทำนองได้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาของชาตินั้นก็ตาม

แม้แต่คนที่สูญเสียประสาทสัมผัสในการได้ยิน ก็ยังสามารถที่จะสัมผัสกับดนตรีได้อาทิเช่น บีโธเฟ่น หรือล่าสุดที่เพิ่งมีหนังสารคดีของ Evelyn Glennie นักดนตรีหูหนวกมือโซโลเพอร์คัสชั่นที่มีชื่อเสียง เธอเรียนรู้เสียงสูงต่ำจากการสัมผัสทางผิวหนัง

...ดนตรีไม่เพียงแต่เป็นการผ่อนคลาย การใช้ดนตรีเพื่อบำบัดรักษาหรือ Music Therapy ได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการมีกระทั่ง Journal of Music Therapy หรือหากจะค้นหาในอินเตอร์เน็ตเพียงใส่คำว่า Mozart effect ก็จะพบบทความที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ดนตรีสามารถบำบัดได้ทั้งภาวะร่างกายและจิตใจ ยังมีงานวิจัยอีกจำนวนมากที่ศึกษาว่า ดนตรีสามารถลดความตึงเครียด ช่วยผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ ช่วยการทำงานของความจำในผู้ป่วยสมองเสื่อม หรือแม้แต่ลดจำนวนครั้งของการเกิดโรคลมชัก ฯลฯ นอกจากเป็นการรักษาแล้ว ดนตรีก็ยังเป็นอีกหนึ่งการปลดปล่อยระบายออกของความรู้สึกที่อยู่ในใจของคนเราอีกด้วย

…..หนังใช้สูตรสำเร็จแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ตัวละครผู้กระทำที่ไม่เคยเข้าใจใคร อาจเป็นผู้คุมจอมโหดหรือในเรื่องนี้เป็นครูใหญ่ มีตัวละครผู้ถูกกระทำที่เป็นอาจเป็นนักโทษหรือเด็กนักเรียน และจะต้องมีขบถที่สุดท้ายกลับใจ พร้อมกับการมาตัวละครเอกซึ่งอาจเป็นฝ่ายใดก็ได้แต่จะเป็นตัวปลดปล่อยให้กับผู้ถูกกระทำ สูตรทำนองนี้พบเห็นได้ตั้งแต่Dead poet society , The Last Castle ,Shawshank Redemption ,Monalisa smile ฯลฯ หนังเรื่องนี้ใช้สูตรนี้มาผสมผสานกับเรื่องราวของดนตรี

ในเรื่องนี้ก็คงสูตรนี้ไว้ทุกประการไม่ยากต่อการคาดเดาแต่อย่างไรว่าหนังจะไปในทิศทางใด เราสามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาในฉากนั้นๆ เช่น ฉากที่แม่ของMorhange นัดครู Mathie ออกไปเจอที่ร้านอาหารหรือการที่ครูMathieuพานักเรียนออกไปเที่ยวนอกโรงเรียน การที่หนังจับประเด็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวนักเรียนก็ค่อนข้างง่ายและตื้นเขิน ตัวละครก็แบ่งขาวดำชัดเจน(เช่นตัวครูใหญ่ก็ไม่ต่างจากผู้คุมใจร้ายที่มีแต่สีดำ) แล้วอะไรที่ทำให้หนังสูตรสำเร็จเรื่องนี้เป็นตัวแทนประเทศฝรั่งเศสเข้าชิงรางวัล oscarและทำรายได้สูงสุดในปีที่ผานมา และชนะใจใครต่อใครหลายคนรวมทั้งผมเอง?

….การก้าวเข้ามาของครู Mathieu มาสู่โรงเรียนกินนอนประจำที่มีหลักจัดการกับเด็กนักเรียนด้วยวิธี แรงมาก็ต้องแรงตอบ(Action-Reaction) ครูใหญ่อาจคิดว่าหลักการนี้จะสามารถจัดการกับความดื้อรั้น ความรุนแรงได้หากลืมไปว่าหลักการนี้ในอีกมุมก็เหมือนกับการดึงเชือกฝ่ายหนึ่งดึงอีกฝ่ายก็จะดึงกลับ เมื่อการสื่อสารระหว่างกันไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้การพูดคุยระหว่างกันก็เป็นแค่การส่งต่อของคำพูดแต่ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อใจถึงกันได้ ดังนั้นสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงได้คือครูใหญ่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้เป็นบางครั้ง แต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนภายในเด็กคนนั้นได้

พฤติกรรมเป็นแค่การระบายออกของสิ่งที่อยู่ภายใน หากเทียบกับหัวหอมพฤติกรรมก็อาจจะเป็นแค่เปลือกนอกที่สุด


การที่เราด่าใครทะเลาะกับใคร การที่เราตะโกนโห่ร้องดีใจ ล้วนมาจากความรู้สึกที่อยู่ภายใน หากเอาพลาสเตอร์ปิดปากได้ก็จะหยุดการทะเลาะ การด่า การตะโกนได้แต่ไม่สามารถที่จะจัดการกับความรู้สึกภายในได้อยู่ดี

.....ครู Mathieu ต่างจากครูใหญ่คือเขาเลือกที่จะพยายามเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กเหล่านั้น เขาไม่ได้มุ่งมองแต่ที่พฤติกรรมแต่มองเข้าไปในใจของลูกศิษย์ เมื่อลูกศิษย์ทำผิดเขาไม่เลือกวิธีลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงตอบ(Action-Reaction) เขาทำโทษโดยให้เด็กได้รับรู้ว่าสิ่งที่เด็กคนนั้นทำไปเกิดผลอะไรและคนผิดต้องเรียนรู้ในการรับผิดชอบกับผลนั้นๆ(เช่นการให้เด็กต้องไปดูแลคนที่เขาทำร้าย)

....เด็กที่เดิมเรียนรู้แต่การเรียนๆเล่นๆแกล้งคนอื่นไปวันๆ บางคนก็ได้แต่เฝ้ารอพ่อแม่ที่ไม่มีวันกลับมา เมื่อทำผิดก็ได้แต่ลงโทษและพ้นโทษก็ออกมาประพฤติตัวซ้ำๆเดิม การก้าวเข้ามาของครู Mathieuเป็นเสมือนการมาประตูบานเล็กๆที่อาจไม่ประสบความสำเร็จในวงดนตรีเหมือนกับครู Holland ใน Mr. Holland's Opus ไม่ได้มาปฏิวัติตัวตนจิตวิญญาณของเหล่านักเรียนอย่างยิ่งใหญ่อย่างครู Keating ใน Dead Poets Society หรือทำให้เด็กนักเรียนได้มีเส้นทางเดินของตัวเองชัดเจนโดยครู Katherine Watson ในMona Lisa Smile

....มิหนำซ้ำในตอนต้นลูกศิษย์ของเขาที่โตแล้วยังแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครูของเขาคนนี้ชื่ออะไร หนังมีบทสรุปตอนท้ายว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กๆที่ครู Mathieu ได้ทิ้งไว้ ความสำเร็จเล็กๆของครู Mathieu นี้อาจมิใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งเล็กๆนี้มิใช่หรือที่ทำให้ Morhange ได้เป็นมากกว่าเด็กมีปัญหาที่คอยหนีเรียน ทำให้เด็กนักเรียนในชั้นรู้จักการรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ได้รู้จักดนตรี รู้ว่าตัวเองก็มีคุณค่าไม่ใช่เด็กเหลือขอที่อยู่อย่างไร้ค่าไปวันๆ และที่สำคัญได้รับรู้ว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเข้าใจและสนใจเขาอย่างจริงจัง

....เรามักจะจำได้แต่คนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเราเสมอ หากมองย้อนกลับไปตัวเราทุกวันนี้ที่ยืนหยัดอยู่ ชีวิตที่เราเป็น สิ่งที่เรามี หากคิดตั้งใจมองกลับไปคงมีใครหลายคนที่เคยเปิดประตูบานเล็กๆให้กับเรา ใครหลายคนที่อาจเป็นแค่คนเล็กๆอาจเป็นครูวิชาอังกฤษสมัยประถมที่สอนให้ตั้งใจเรียนและคอยเอาใจใส่ อาจเป็นคุณตาข้างบ้านที่สอนความมีน้ำใจผ่านการหยิบยื่นผลไม้เล็กๆน้อยๆ อาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แต่ใครเหล่านั้นต่างล้วนคือคนที่มีส่วนในการที่ทำให้เราเป็นเราได้ในทุกวันนี้และมักจะเป็นคนที่เรามักจะลืมอยู่เสมอ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเล็กๆเหล่านี้นั้นมันยิ่งใหญ่มากเพียงใด

....หนังเล่าเรื่องได้ชนิดที่เรียกว่าเรื่อยๆมาก ไม่ซับซ้อนไม่มีความขัดแย้งในตัวละครให้มากมาย ตัวละครระบายสีขาวดำไว้ชัดเจน บทที่จะเร่งเร้าอารมณ์เอาให้คนดูตายคาจอหนังก็ไม่ทำ(เช่นฉากโชว์การร้องประสานเสียงหากเป็นหนังสูตรสำเร็จจริงอาจต้องตามมาด้วยซีนความตื่นตะลึงประทับใจถล่มทลายของคนดูแต่นี่กลับจบเพียงแค่การให้นักเรียนคนหนึ่งกลับมาร้องเพลง) การแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวนักเรียนผมว่ามันก็ว่ากันง่ายๆ แต่ในบรรดาความง่ายและเรียบเรื่อยของหนังนี่เองที่ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาจับใจคนดูได้ง่ายๆไปด้วยหากไม่สามารถดึงอารมณ์คนดูไปกับหนังได้ จุดนี้เองที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่องในวงกว้างเพราะ ผู้กำกับคุมอารมณ์ของหนังและดำเนินเรื่องได้สม่ำเสมอ ขณะดูทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเพลงของเด็กนักเรียนเหล่านี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นบางอย่างในใจของพวกเขาอย่างแน่นอน

ถ้าเทียบหนังเรื่องนี้กับเครื่องยนต์ต้องบอกได้ว่าหนังขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวลไม่กระตุกไม่กระโชกโฮกฮาก คนดูไม่ต้องพยายามที่จะต้องมานั่งวิเคราะห์รายละเอียดหากแต่หลับตานั่งไปเรื่อยๆจะพบกับความสุขที่หนังเรื่องนี้มอบให้ และเมื่อถึงปลายทางหนังก็จบลงเหมือนกับเครื่องยนต์ที่ดับอย่างแผ่วเบา ง่ายๆ แต่ได้ใจ ผมเชื่อว่าดนตรีและเสียงประสานในหนังคงไม่ได้ส่งผลแต่เฉพาะเด็กนักเรียนและครูในโรงเรียนเท่านั้นแต่ยังมีส่วนที่ทำให้96 นาทีในโรงสกาล่ารอบ20.30น.ของผมและคนดูอื่นๆได้มีความสุขไปกับหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ชอบ


1.ง่ายๆแต่ได้ใจ.....ขนบเดิม เดาได้ ไม่มีปมหรือพัฒนาการของเนื้อหาหรือตัวละครอะไรที่เหนือกว่าหนังในแนวทางนี้เรื่องอื่น หนังเป็นสูตรสำเร็จในการสร้างความรู้สึกดีกับคนดูจริงแต่หนังใช้เพียงสูตรมาเป็นกรอบเท่านั้นหนังจงใจสร้างเนื้อหาที่เร้าอารมณ์แต่หนังไม่ได้จงใจเร้าอารมณ์ ผมคิดว่าหนังที่จงใจสร้างความรู้สึกดีไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไปขึ้นกับว่าผู้กำกับรู้จุดมุ่งหมายตัวเองแม่นยำในหนังตัวเองมากเพียงใด ไม่จำเป็นต้องมีความทะเยอทะยานมากมาย หนังง่ายๆเรื่องหนึ่งหากใส่ใจไม่มักง่ายและเข้าใจกับมันเชื่อว่าคนดูก็พร้อมจะอ้าแขนรับเสมอ หนังเรื่องนี้จึงได้ใจไปอย่างง่ายดาย ทั้งด้วยการเล่าลำดับเรื่อง การแสดงของทีมนักแสดงและที่สำคัญเสียงประสาน บทเพลง เสียงดนตรีในเรื่อง

2.ทีมนักแสดง....แม้ว่าหนังจะระบายสีตัวละครให้ดำขาวชัดเจน แต่ตัวละครทุกตัวนั้นก็รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป(ยกเว้นครูใหญ่ที่ตอนท้ายออกจะกลายเป็นคาแรกเตอร์ด้านเดียวเหมือนผู้คุมในShawshank Redemptionมากไปหน่อย แถมหน้าตาท่าทางยังคล้ายกันอีก) ผมชอบการแสดงของ Gérard Jugnot ในบทครู Mathieu เขาไม่ได้ก้าวเข้ามาอย่างมั่นใจแบบGTO ไม่ได้อ่อนเชิงไร้ประสบการณ์ แต่แววตาการแสดงออกของเขามันบ่งบอกได้ถึงความท้าทาย ความหวั่นใจ และความใส่ใจต่อเด็กนักเรียนมากเพียงใด

3.ดนตรี เพลงและเสียงประสาน....หากคุณรู้สึกว่าหนังน่าเบื่อไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่ผมก็เชื่อเหลือเกินว่าดนตรีช่วยคุณได้555(พิมพ์เลข5ก็อดนึกถึง5+3ในเรื่องไม่ได้)แค่การได้ฟังเพลงในเรื่องประกอบภาพบนจอก็เป็นความรื่นรมย์แล้ว

4.ฉากจบ....ง่ายดีครับ ผมชอบ หนังตอบความคาดหวังและความเคยชินคนดู(ที่อาจจะคาดว่าต้องมีการประท้วง ร้องเพลงข้ามวันข้ามคืน ฯลฯ)ผ่านความคิดของ Mathieuที่เอ่ยออกมาตอนที่เดินออกจากโรงเรียนว่าหรือจะมีเด็กๆกล้าขัดคำสั่งมาร่ำร้องบอกลาแต่ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ปานนั้น มีเพียงการกระทำเล็กๆเท่านั้นที่เด็กเหล่านั้นมอบให้กับครูMathieu และเพียงเท่านี้แหละก็มีคุณค่าเพียงพอแล้วสำหรับเขาและคนดู

4.ซับไตเติลไทย...ที่ชอบมิใช่เป็นเพียงเพราะเป็นชื่อคุณเจไดยุทธที่คุ้นเคยจากพันทิพ แต่เป็นเพราะการแปลที่จับใจความและเข้าใจง่าย ภาษาสละสลวยกลมกลืนน่าชื่นชม

สิ่งที่ชอบน้อย


1.ความง่ายและตื้น....มันอดไม่ได้อยู่เหมือนกัน ที่จะเผลอไปสนใจในรายละเอียดแล้วก็จะทำให้รู้สึกว่าทำไมอะไรมันช่างง่ายดายปานนี้ พัฒนาการที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนมันดูง่ายดายเหลือเกิน แล้วจะว่าไปมันก็ไม่รู้มันไปเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? อย่างที่ผมรู้สึกคือหนังจับประเด็นตื้นๆไม่ลงลึกอะไรมากมายแต่ก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าหนังลงลึกไปมากกว่านี้ใส่รายละเอียดในตัวละครมากไปกว่านี้ สมดุลย์ของหนังจะเสียไปด้วยหรือไม่

สรุป.....ไม่รู้ว่าการที่ผมรักหนังเรื่องนี้จะเป็นเพราะมีหลายส่วนที่ตรงกับตัวเองด้วยหรือไม่ทั้งการที่ตัวเองก็เคยอยู่โรงเรียนประจำ เคยมีครูดีๆที่ใส่ใจกับลูกศิษย์แบบนี้จริง(สำหรับตัวเองหนังเรื่องนี้มีอารมณ์ของการถวิลหาอดีต(Nostalgia)อยู่มากโขขณะดูอยู่ก็ยังอดคิดถึงครูสมัยมัธยมท่านหนึ่งของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ครูของผมช่างเหมือนกับครูคนนี้เหลือเกินทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจ) จึงทำให้เป็นอีก1ช่วงเวลาของการดูหนังที่ผมมีความสุขมากตลอดช่วงเวลาที่ดู แม้ว่าหนังจะจงใจสร้างความประทับใจสำหรับผมแต่มันได้ผลอย่างเต็มที่ ความรู้สึกผ่อนคลายระหว่างชม เสียงดนตรีที่ขับขานในหนังที่ใครต่อใครคงตกหลุมรักเป็นแน่(ผมคนหนึ่งที่อยากได้OST.มาไว้ในครอบครองเหลือเกิน) เป็นภาพยนตร์ที่ง่ายๆแต่ได้ใจไปเต็มๆ

ปล...ช่วงนี้กำลังขะมักเขม้นกับการชำแหละรายละเอียดของหนังเรื่อง Mulholland dr. ผมเพิ่งค้นพบเมื่อหยิบกลับมาดูอีกรอบว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยิ่งดูยิ่งค้นพบยิ่งสนุกกับการค้นหาหรือจะตีความก็ทำได้ สนุกกว่าmementoที่หากดูรอบ2หรือ3ก็จะเปลือยเปล่าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว เสร็จเมื่อไหร่มาคุยกันครับหรือถ้าใครยังไม่เคยดูหรือเป็นคนชอบดูหนังช่างคิดขอแนะนำหนังนัวร์ๆแต่บทเจ๋งมากมายของเดวิด ลินช์เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง



ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




Create Date : 12 เมษายน 2548
Last Update : 23 มีนาคม 2549 8:46:28 น. 25 comments
Counter : 8421 Pageviews.

 
นั่นสิครับ หนังมันดู "ง่าย" และ "ลงล็อก" มากเกินเหตุ
.,,,บางครั้ง บางสิ่งบางอย่างถ้ามัน "ง่าย" มากจนเกินไป
ความประทับใจที่เราจะมีให้ เลย "ไม่ง่าย" ตาม อิอิ


โดย: it ซียู วันที่: 12 เมษายน 2548 เวลา:10:31:49 น.  

 
ว่าจะไปดูตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วครับ แต่เกิดอารามขี้เกียจซะงั้น ว่าจะไปดูวันนี้ล่ะครับ...


โดย: nanoguy วันที่: 12 เมษายน 2548 เวลา:11:44:51 น.  

 
^^ยาวจังเรยย.....แวะมาทักทายค่ะ >>happy holidays naka


โดย: Mu_in_love วันที่: 12 เมษายน 2548 เวลา:14:18:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ
หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างมาก
เนื่องจากหนังเรื่องนี้ถ้าดูเพื่อต้องการเนื้อหาที่ซับซ้อนจะรู้สึกผิดหวังได้เพราะดำเนินง่ายๆคาดเดาได้ แต่ถ้าดูโดยปล่อยใจสัมผัสกับอารมณ์ของหนัง จะพบความรู้สึกที่อิ่มเอมใจ อบอุ่นใจกลับติดไม้ติดมือและติดในความทรงจำที่ดีออกมาจากโรงค่ะ
ปล. เห็นด้วยกับคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ หนังเรื่องนี้มีหลายส่วนที่บอกวิธีรักเด็กให้ถูกทางค่ะ


โดย: sunsun IP: 61.91.117.171 วันที่: 13 เมษายน 2548 เวลา:11:51:28 น.  

 
it ซียู ....หนังฝรั่งเศสของคุณกับผมท่าทางจะสวนทิศกัน ถ้าจำไม่ผิดคุณชอบการหมั้นที่ยาวนานแต่ผมเฉยๆ สลับกับเรื่องนี้กันเลยครับ เข้าไปอ่านเรื่องนี้ในบล้อกคุณทีไร ไม่อยากออกมาทุกทีฟังเพลงเพลิน (ตลกดีอ่านความเห็นนึงในพันทิพที่ผมเอากระทู้นี้ไปตั้งไว้ ว่าหนังเหมือนละครหลังข่าวช่อง7ชั้นดี >> ผมคิดในใจว่าเออ มันก็จริงอยู่นะ)


nanoguy ....ไปดูมาแล้วก็กลับมาคุยกันนะครับ

Mu_in_love ....สวัสดีวันหยุดเช่นกันครับ (เรื่องยาวผมก็ว่างั้น ช่วงหลังยิ่งพิมพ์ชักยิ่งยาวไปทุกที)

sunsun....สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ ได้หยุดพักผ่อนจากงานยาวๆบ้างซักที เมื่อวานนี้งานยุ่งหรือเปล่าครับ



โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 13 เมษายน 2548 เวลา:21:20:53 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์และวันครอบครัวค่ะ วันมะรืนงานไม่ยุ่ง แต่เกือบหลงทางนิดหน่อย แต่ก็สนุกน่าตื่นเต้นรับวันสงกรานต์ค่ะ
ขอแสดงความยินดีด้วยกับการผ่านเข้ารอบของลิเวอร์พูลค่ะ


โดย: sunsun IP: 61.90.115.31 วันที่: 14 เมษายน 2548 เวลา:13:59:13 น.  

 
ดูมาแล้วครับ... ผมก็รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้นะ...

แต่ตอนเข้าไปดู (ไม่ใช่แค่กับเรื่องนี้หรอกครับ แต่กับทุกเรื่อง) ผมจะพยายามไม่เดาตอนจบของหนัง เพราะเกิดเดาได้ มันจะทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สนุกขึ้นมาซะเปล่าๆ

ที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่อง ที่ทำให้ผมผิดหวัง ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์ทำหัวว่างๆแล้วเชียว...

กลับมาที่ The Chorus ในหนังยังมีหลายตอนนะครับ ที่ผิดจากที่ผมคิดไว้ในใจเหมือนกัน โดยเฉพาะใน Subplot ของ Mondain ที่หนังดูเหมือนจะทิ้งๆขว้างๆยังไงชอบกล...

เห็นด้วยกับพี่นะครับ ว่าหนังไม่ได้เร่งรัดเร้าอารมณ์คนดูจนเกินเหตุ ไม่ได้ต้องการให้คนดูบ่อน้ำตาแตกคาโรง แต่มันสร้างความรู้สึกให้กับคนดูได้

พอคิดถึงตรงนี้ ที่ Mondain ลงเอยอย่างในเรื่อง ก็น่าจะเป็นจุดที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น หนังอาจจะดูจงใจเร้าอารมณ์คนดูมากไป หากจะให้เรื่องเป็นไปตามที่ใครหลายๆคนคิด ซึ่งก้คือการลากเอา Mondain เข้ามาในวงอย่างยากลำบาก

เดี๋ยวนี้ครูแบบ Clement Mathieu ในเรื่องแทบจะหายไปจากสังคมไทยแล้ว... อยากจะทราบจริงๆ ว่าที่ไหนยังหลงเหลือครูที่พยายามเข้าใจนักเรียน โดยไม่ดูเพียงเปลือกนอกเท่านั้น

แต่เมืองไทยกลับเหลือแต่ครูอย่าง Rachin ซะเยอะ...


โดย: nanoguy วันที่: 15 เมษายน 2548 เวลา:12:49:50 น.  

 
ว่าแต่พี่เอา Emoticon ใส่ในบทความของพี่ยังไงอ่ะครับ

ของผมมันใส่ไม่ด้าย...


โดย: nanoguy วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:13:33:48 น.  

 
อยากดูเรื่องนี้มากมาย
แต่คงจะต้องให้สอบเสร็จก่อน


โดย: ปลาทองแก้มยุ้ย วันที่: 17 เมษายน 2548 เวลา:19:39:35 น.  

 
แวะมาหาหนังดูซักเรื่อง สองเรื่อง


โดย: merf1970 วันที่: 18 เมษายน 2548 เวลา:20:03:09 น.  

 
ชอบเพลงประกอบที่นำมาใส่หน้านี้
ไพเราะดีค่ะ


โดย: sunsun IP: 61.91.203.104 วันที่: 20 เมษายน 2548 เวลา:19:20:48 น.  

 
ได้ยินเพลงแล้วน้ำตาจะไหล ใครมี soundtrack เต็มๆ ขอแบ่งมั่งได้มั๊ยคร๊าบบบบบบบบ พลีสสสสส

ส่วนหนังไม่ต้องพุดถึง แค่เพลงผมก็รักแล้ว


โดย: redlum god IP: 203.170.228.229 วันที่: 21 เมษายน 2548 เวลา:10:20:31 น.  

 
อยากดูคะ
มันอารมณ์เดียว
เพราะชอบแนวนี้ (Dead poet society,Mr.Holland's opus)หวังว่าจะไม่รีบออกน้า


โดย: tong IP: 203.118.118.81 วันที่: 26 เมษายน 2548 เวลา:23:17:08 น.  

 
คิดว่าหนังน่าจะโอเคครับ คืออยากดู แต่จะดูก็ต้องซื้อแผ่นร้อยกว่าบาท คิดว่าหนังแบบนี้ผมไม่ค่อยชอบดูซ้ำสอง ไว้รองบเยอะๆ ก่อนครับ คงได้เก็บเรื่องนี้

ว่าแต่เพลงที่เปิดนี้เพลงไรครับ ตอนม.6 เคยไปงานสัปดาห์ฝรั่งเศสที่ รร. St.John แล้วสาวๆ St.John ก็ออกมาประสานเสียงเพลงนี้ในหอประชุม ยังจำได้ติดหูเลย


โดย: ayres IP: 203.113.16.241 วันที่: 23 มีนาคม 2549 เวลา:13:34:45 น.  

 
คิดว่าที่หนังมันง่ายๆ ตื้นๆ ไม่คิดว่ามันคือจุดอ่อน คือมันดูสมจริง ลองนึกดูชีวิตจริง บางครั้งมันก็ไม่ยากที่จะเข้าใจอะไร


โดย: s IP: 203.113.76.10 วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:12:34:39 น.  

 
เพลงของ The Chorus เพราะดี ไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน


โดย: 000 IP: 58.8.183.42 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:21:17:34 น.  

 
อยาก ได้ dvd เรื่อง Mr.Holland's Opus มากๆ คิดว่าจะหาได้ที่ไหนอะ ...............................................อยากได้จริงๆ ช่วยติดต่อกลับมาที่ absolutvanilia@excite.com ด้วยน้า ขอบใจจ้า


โดย: น้ำหอม IP: 58.9.140.25 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:53:25 น.  

 
เป็นหนังที่สนุกและกินใจมาก


โดย: ใคร???... IP: 203.152.14.185 วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:48:00 น.  

 
ชอบมากๆ เลยครับ
โดยเฉพาะเพลงประสานเสียงในเรื่องเนี่ย
เพลงที่เปิดนี่ใช่เพลง Cerf-Volant (Kite) หรือเปล่าครับ
ผมชอบเพลงนี้มากๆเหมือนกัน
อีกเพลงที่ชอบก็คือ Vois sur ton chemin (look on your way)

แล้วยังมี La nuit และ Kyrie อีกที่เพราะมากๆ
ถ้ากระทู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ช่วยลงลิงก์ที่จะดาวน์โหลดเพลงพวกนี้ให้หน่อยได้ไหมครับ เพราะผมไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน อยากได้เก็บไว้จริงๆ


โดย: โจ้ IP: 61.47.18.98 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:15:58:40 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้มากเลยค่า


โดย: null IP: 222.123.148.240 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:52:32 น.  

 
ชอบเหมือนกันครับ


โดย: sakuii IP: 124.120.104.166 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:10:15:06 น.  

 
ไปตื้อเช่าที่ร้านซีดี ตั้ง 2 วัน ไม่มี เซ็งมาก อยากดูมากๆ


โดย: jj IP: 124.120.20.120 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:19:32:26 น.  

 
สุดยอดไปเลยครับบบ

สนุกมากๆๆๆๆ


โดย: รักหนังเรื่องนี้!! IP: 58.8.11.40 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:29:42 น.  

 
ดูเรื่องนี้มานานแล้วชอบนะไม่รู้สึกว่าหนังตื้นอะไรความรู้สึกบางอย่างมันไม่ต้องลึกนักหรอกเวลาดูหนัง แค่ได้ฟังเพลงเรื่องเล่าดีๆสักเรื่องกับลูกๆ ที่พร้อมจะร้องเพลงตามหนังไปอย่างเงียบก็มีความสุขแล้วจริงมั้ย


โดย: oui IP: 58.9.75.41 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:20:21:03 น.  

 
เพิ่งได้มีโอกาสดู
ชอบ ประทับใจ
โดยเฉพาะเพลงประกอบในหนัง
เนื้อหาดี กินใจ
บางฉาก น้ำตานินหลั่งออกมาแบบไม่รู้ตัว

ดูติดต่อกัน 3 วันเลยครับ

หนังเรียบง่ายก็จริง
แต่ในความเรียบง่ายนั้น
มีอะไรซ่อนอยู่ ทุกฉาก ทุกตอน

ดูแล้วนึกถึง Nuovo Cinema Paradiso (1988)
เลยต้องหยิบ Nuovo Cinema Paradiso
มาดูอีกรอบ

ให้ความรู้สึกบางอย่างคล้าย ๆ กัน
แม้กระทั่งตอนเปิดเรื่อง
อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

" ....เรามักจะจำได้แต่คนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเราเสมอ หากมองย้อนกลับไปตัวเราทุกวันนี้ที่ยืนหยัดอยู่ ชีวิตที่เราเป็น สิ่งที่เรามี หากคิดตั้งใจมองกลับไปคงมีใครหลายคนที่เคยเปิดประตูบานเล็กๆให้กับเรา ใครหลายคนที่อาจเป็นแค่คนเล็กๆอาจเป็นครูวิชาอังกฤษสมัยประถมที่สอนให้ตั้งใจเรียนและคอยเอาใจใส่ อาจเป็นคุณตาข้างบ้านที่สอนความมีน้ำใจผ่านการหยิบยื่นผลไม้เล็กๆน้อยๆ อาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แต่ใครเหล่านั้นต่างล้วนคือคนที่มีส่วนในการที่ทำให้เราเป็นเราได้ในทุกวันนี้และมักจะเป็นคนที่เรามักจะลืมอยู่เสมอ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเล็กๆเหล่านี้นั้นมันยิ่งใหญ่มากเพียงใด "

เขียนออกมาได้อย่างเห็นภาพ


โดย: เสียงแคน IP: 172.19.1.17, 203.158.176.19 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:8:04:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 เมษายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.