www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Incredibles, ครอบครัวหรรษา


.....หลังจากที่ผมต้องทนอิจฉาดูกระทู้คนอื่นที่ไปดูมาแล้วหลายกระทู้แต่ตัวเองยังไม่ได้ดูซักที ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้โอกาสที่จะเลิกอิจฉาได้แล้ว เพราะวันนี้เวลา19.15น.ผมจะได้ร่วมผจญภัยไปกับบริษัทPixarนี้เสียที และเพื่อความต้องการจะได้ดูภาพอย่างเต็มตาเต็มอื่ม ผมตัดสินใจสละลิโด้เพื่อไปหาระบบดิจิตอลในโรงSF Emporium

.......อะไรที่ทำให้Pixar ทำอนิเมชั่นออกมาได้อยู่ในระดับแนวหน้าภายในเวลาไม่กี่ปี ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าเพียรพยายามมานานแสนนานก็เป็นได้แค่ลูกไล่ของ waltz disney ทั้งๆที่ก็ไม่ได้จ้างดาราดังๆมาพากษ์ ไม่ได้ใส่เพลงดังๆแล้วให้ตัวละครมาร้อง หรือเป็นเพียงภาพที่สวยงามกว่าเจ้าอื่นๆ ผมเองคิดว่าสิ่งที่เค้ามีมากกว่านั่นคือ

1.เนื้อเรื่อง......อนิเมชั่นของPixar ไม่ได้เป็นแค่นิทานที่เจ้าชายขึ่ม้าไปหาเจ้าหญิงจูบแล้วฟื้นกลับปราสาท แต่เป็นเรื่องราวที่เข้าได้ถึงทุกเพศทุกวัย เป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี และส่วนร่วมของทุกเรื่องเหมือนกับจะเป็นการพูดถึงการเรียนรู้ชีวิต (อีกหนึ่งสตูดิโอที่ผมคิดว่าโดดเด่นเหลือเกินในการให้แง่คิดและปรัชญาคือ สตูดิโอจิบลิ แต่เจ้านั้นมันออกจะยากเกินไปบ้าง)

Finding nemo....การเรียนรู้ถึงความเป็นพ่อที่ไม่จำเป็นจะต้องหมายถึงเฝ้าตามลูกไม่ห่างสายตาแต่เป็นพ่อที่พร้อมจะเฝ้าดูลูกเติบโตด้วยตัวเอง และการเรียนรู้ความกล้าที่จะเสี่ยง กล้าตัดสินใจเมื่อมารู้จักกับปลาขึ้ลืม

Toy story......การเรียนรู้ที่จะกลับมาเห็นคุณค่าบางสิ่ง พูดถึงของใกล้ตัวที่มีคุณค่าแต่เรามักจะละเลยเมื่อมันไร้คุณค่ากับเราแล้ว แต่เล่าโดยมุมมองของตุ๊กตา

A Bug's Life .....จากมดที่ใครๆก็ลืม มดขี้แพ้ แต่มีความฝันและกล้าที่จะออกไปเรียนรู้โลกกว้างและเชื่อมั่นในตัวเอง

2.คาแรคเตอร์.....พระเอกไม่ใช่เป็นแค่เจ้าชายรูปงามที่มีหน้าที่เพียงหาเจ้าหญิงที่นั่งรีดผ้าอยู่ในบ้านพักคนสวนรอการค้นพบ แต่บทตัวละครของ ใส่มิติและความลึกเข้าไปมากกว่านั้น เช่น พ่อวิตกจริตในNemo/ มดที่ถูกลืมอย่างFlik /พระเอกที่ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นกล่องอื่นๆของตัวเองอย่าง บัซไลท์เยียร์ รวมถึงยังมีคาแรคเตอร์ที่คอยเป็นตัวขโมยซีนเช่น ปลามอรี่ขี้ลืม เต่าทองที่ไม่ชอบให้ใครเรียกlady และ หนังมักจะเลือกเล่าในมุมที่คนทั่วไปมักจะหลงลืมหรือเป็นมุมกลับอีกด้านที่คนไม่มอง เช่น เล่าชีวิตของของเล่น/เล่าชีวิตของสัตว์ประหลาดที่กลัวคน

...............The Incredibles ก็ไม่ต่างจากเรื่องก่อนๆที่ผ่านมาคือยังเป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี มีคาแรคเตอร์ที่หนังสนุกเหลือเกินที่จะเล่นกับคุณลักษณะพิเศษได้มากกว่าเรื่องอื่นๆ มีเรื่องราวที่พูดถึงมุมที่คนไม่มอง(แทนที่จะเป็นหนังของHeroไปปราบผู้ร้ายตัวเอ้ แต่เป็น heroที่ต้องทำตัวเป็นคนธรรมดา เหมือนผสมผสานเรื่องของX-men2 + Spiderman2 + Unbreakable ) การเรียนรู้ชีวิตจะต้องทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องใช้พลังวิเศษ จากสิ่งที่เคยเป็นและสิ่งที่เคยมี(ชื่อเสียง/พลัง)ที่เป็นสิ่งภายนอกเมื่อสูญเสียไป เราจะใช้ชีวิตด้วยสิ่งภายในของเราได้หรือไม่ (ดูแล้วเชื่อมต่อไปถึงBoundin' ตอนต้นที่พูดถึงการมีชีวิตอยู่ในสิ่งที่ตัวเองมีและสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งผมชอบมากๆที่สอดแทรกเนื้อหากับภาพและเสียงได้อย่างกลมกลืน)

สิ่งที่ชอบ

1.ภาพสวย.....ถ้านับเรื่องยาวที่ฉายโรง(ไม่นับตาแก่เล่นหมากรุกที่เป็นหนังสั้นปะหัว) ผมเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องแรกของPixarที่เป็นเรื่องของ "คน" ซึ่งที่ผ่านมาการที่เป็นโลกของเล่น โลกตุ๊กตา โลกใต้ทะเล หนังสามารถใส่สีสันและจินตนาการได้อย่างเต็มที่ แต่มาพูดถึงเรื่องของคน แล้วไม่น่าจะมีอะไรที่จะตื่นตาตื่นใจได้อีกเพราะเราก็ได้ดูในหนังคนแสดงทั่วไปอยู่แล้ว แต่หนังก็ยังสามารถที่จะให้ความสวยงามของภาพไปพร้อมกับฉากแอคชั่นได้อย่างน่าตื่นตะลึง ภาพที่เห็นในจอมันสวยและสมจริง(ไม่ได้สมจริงที่เหมือนกับโลกจริงแต่สมจริงในความเป็นหนังเรื่องนี้) จนเหมือนกับว่าเราได้อยู่ในโลกนั่นอยู่ด้วยจริงๆ รวมทั้งสีหน้าท่าทางการเคลื่อนไหวที่ทำได้เนี้ยบเหลือเกิน

2.คาแรคเตอร์...เข้าใจสร้างบุคลิกลักษณะของตัวละครแต่ละตัวได้น่ารักน่าชังจนเลือกไม่ถูกว่าในครอบครัวนี้ใครน่ารักที่สุด (แต่ผมเอนเอียงไปทางเจ้าตัวเล็กนะ ยิ่งตอนจบนี่ยิ่งน่าร้ากกก)ไปจนถึงตัวผู้ร้ายและดีไซเนอร์ นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอนิเมชั่นบริษัทนี้ที่ดีกว่าหนังใหญ่คนแสดงหลายต่อหลายเจ้าคือ ทำให้คาแรคเตอร์ที่เราดูมันจับต้องได้ น่าเชื่อถือและให้คนดูมีส่วนร่วมหรืออินไปกับการแสดง(ทั้งที่เป็นอนิเมชั่นนะเนี่ย)

3.คุณลักษณะ.....ต้องชมคนคิดมากๆๆ ที่เข้าใจเลือกหาคุณลักษณะของheroมาใส่แต่ละบุคลิกของคนในครอบครัว ทั้งที่มันก็มีอยู่มากมายเช่นตาเลเซอร์ พลังไฟ ฯลฯ คงจะเลือกมั่วๆไม่ได้เพราะมันจะต้องนำไปสู่การพึ่งพาอาศัยและรับมือเหล่าร้ายให้สอดคล้องกัน ดังที่จะเห็นในหลายฉากที่ครอบครัวมาผนึกกำลังกัน

4.บทที่น่าสงสาร......มีอยู่2ตัวที่ดูแล้วแอบอดสงสารในใจไม่ได้ คือ ตัวผู้ร้าย(Syndrome)ที่มีปมตั้งแต่เด็กเพียงแค่อยากทำงานอย่างเป็นฮีโร่แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับก็เลยนำไปสู่การอยากจะเอาอย่างและการแข่งขันและการเอาชนะสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้เป็น และ Mirageที่คนรักเหมือนพร้อมจะสละเธอทิ้งไปและคนที่เธอชื่นชมก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว

5.Edna 'E' Mode .............ใครหนอช่างคิดบทนี้ขึ้นมา ทั้งลีลาทั้งเสียงและสำเนียงมันช่างเด็ดดวงเหลือเกิน เป็นบทที่ผมชอบมากๆและปลุกผมจากความง่วงในครึ่งแรกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเป็นตัวขโมยซีนอย่างแท้จริง ดูจนจบยังหวังให้เธอได้โผล่มาอีกแต่น่าเสียดายที่ไม่มีแล้ว(และเพิ่งรู้ว่าบทนี้ให้เสียงโดยผู้กำกับเรื่องนี้เอง)

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.20-30นาทีแรก.....ในช่วงแรกผมไม่ค่อยสนุกกับหนังมากนักจนเกือบหลับช่วงที่พระเอกไปรับภารกิจปราบหุ่นยนต์ มันเนือยๆจนเกือบหลับ ยังคิดเลยว่าท่าจะผิดหวังซะแล้วเรื่องนี้ไหนเห็นมีแต่คนว่าดีนักดีหนาแต่หลังจากEdna 'E' Modeมาปลุกผมก็ทำให้ผมตื่นได้เต็มที่เสียที

2.Frozone .....เป็นบทที่เฉยๆมาก เวลาที่เค้าออกมาแล้วมันดูไม่มีความหมายเท่าไรเลย เหมือนผู้สร้างไม่ใส่ใจกับตัวนี้มากนัก คิดดูถ้าให้ยืนคู่กับเจ้าตัวเล็กตอนที่ยังไม่แสดงฤทธิ์ผมว่าเจ้าตัวเล็กยังดูน่าดูกว่าเลย

3.ขาดความกินใจ......ทุกเรื่องของPixar มีตอนที่ทำให้ผมซาบซึ้งกินใจอยู่จนน้ำตาซึมแทบทุกเรื่องจนเป็นเหมือนเอกลักษณ์อีกด้านของหนังที่ทำได้ดีในจุดนี้ทั้งที่ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องของคนเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องนี้พอเป็นเรื่องของคนเรื่องราวในส่วนของดราม่าที่พูดถึงความรักและความสัมพันธ์กลับทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก


สรุป................แน่นอนครับไม่เสียดายตังค์และคุ้มค่าอย่างยิ่ง แนะนำอยากให้ไปดูโรงที่เป็นดิจิตอลเหลือเกินเพราะภาพที่ออกมามันสุดยอดจริงๆ(คุ้มค่ากับการนอกใจเครือApexซักครั้ง) ความสนุกและบันเทิงได้อย่างเต็มที่แน่นอนแต่สิ่งที่อาจขาดหายไปคือความลึกซึ้งกินใจที่ผมว่าเรื่องก่อนๆทำได้ดีกว่าเรื่องนี้ จึงทำให้สุดยอดความประทับใจกับPixarของผมยังคงเป็นA Bug's LifeและToy story2อยู่เหมือนเดิมรอคอยเรื่องใหม่ว่าจะไปได้ไกลอีกเท่าไร ----แล้วครั้งหน้าไป"หมานคร"ด้วยกันมั้ยครับ----



ปล........Spoil สำหรับหนังและแฟนการ์ตูน 20th century boy................




ใครอ่าน 20th century boy บ้างครับ ผมเองรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงเหลือเกินในเรื่องของ
"เพื่อน"ที่อิจฉาเคนจิอยากได้การยอมรับ จนทำไปสู่แผนการล้างโลก----->ก็คล้ายคลึงกับตัวSyndromeในเรื่องนี้
ตัวหุ่นยนต์------>รูปร่างเหมือนในหุ่นปี2000ในการ์ตูนเลย
พูดไปแล้วก็อยากอ่านเล่มถัดไปเร็วๆๆๆ

6/12/2004


Create Date : 25 มกราคม 2548
Last Update : 28 มกราคม 2548 21:55:11 น. 6 comments
Counter : 2163 Pageviews.

 
ผมไปเช่า VCD มาดู (แต่พากย์ไทย) ชอบในเนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้อย่างมาก มันได้อารมณ์แบบคนแสดงจริง (ถึงแม้จะมีอิทธฤทธิ์ต่างๆ ก็ตาม)
ที่ไม่ชอบเลยก็คือ เสียงพากย์ไทย ฟังแล้วรับไม่ได้จริงๆ ที่เอาดารามาพากย์เสียง ฟังแล้วมันไม่ได้อารมณ์ของตัวละครนั้นๆ ได้เลย


โดย: เปี๊ยก IP: 202.57.158.217 วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:49:23 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกันครับ สนุกตื่นตาตื่นใจดี
แต่ผมรู้สึกว่าความสามารถพิเศษของครอบครัวนี้ไปคล้ายกับ Fantastic Four เข้าอย่างจังเลย


โดย: dogdoy IP: 65.5.244.254 วันที่: 9 สิงหาคม 2548 เวลา:12:54:24 น.  

 
ของกราฟฟิกของเรื่องมากเลยค่ะ แล้วก้อเนื้อเรื่องส่วนของความสามารถในตัวละครลงตัวมาก โดยรวมแล้วชอบนะ


โดย: สาธู้........ IP: 221.128.97.231 วันที่: 19 ตุลาคม 2548 เวลา:20:13:01 น.  

 
ชอบ Edna สุดๆ ไปเลยค่ะ เสียงเขาแบบว่าสุดยอดเลย พูดมาคำเดียวก็นะ...


โดย: Vicky IP: 58.10.29.120 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:13:29 น.  

 
Pixar เป็นค่ายที่ผลิตการ์ตูนได้ดี ทั้งความสนุก สาระ และที่เด่นสุดภาพสวย สีสวย ค่ะ
เนื้อเรื่องสนุกดี เหมือนกันค่ะ ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกดูแล้วง่วงนอน หลับไปเลย เป็นชั่วโมง โชคดีดู DVD ที่บ้าน จึงตื่นมาดูต่อจนจบได้ค่ะ
ช่วงหลังจากครึ่งชั่วโมงนั้นสนุกดี และมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีลูกมาร่วมขบวนการ
เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่าหลายคนอยากเป็น ฮีโร่ อยากให้คนยอมรับ ทำให้ตัวเองดูมีค่า เมื่อได้มาทำให้คนนั้นมีความมั่นใจมากขึ้น เหมือน ไวโอเล็ท หรือ ถ้าใครไม่มีใครยอมรับความเป็นฮีโร่ ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เช่น พระเอกตอนทำงานออฟฟิซ ไวโอเล็ทช่วงแรก หรือ ตัวร้ายเลยพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความมั่นใจ
และสาระอีกอย่างคือ ความผูกพันธ์ในครอบครัว สามารถเอาชนะปัญหา อุปสรรคข้างนอกได้เสมอ


โดย: incredible body IP: 58.9.158.126 วันที่: 13 เมษายน 2549 เวลา:23:04:42 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากครับ รองจาก Toy story


โดย: บิกวอร์ส IP: 203.188.13.213 วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:18:25:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.