World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
...ฮอลลีวูด มักจะมีอุบัติการณ์ใจตรงกัน สร้างหนังออกฉายชนกันอยู่เรื่อยๆ เช่น มดชนมด (A bug's life - Ant) ปลาชนปลา (Shark tale - Finding Nemo) ฯลฯ จะเป็นเพราะข่าวรั่ว อยากวัดใจ หรือ อะไรก็ตามแต่ แต่การสร้างงานออกมาชนกันลักษณะนี้ มักจะไม่เป็นผลดีกับเรื่องที่ฉายทีหลังนัก เพราะ ถ้าเรื่องแรกทำออกมาดีกว่า เรื่องหลังก็แทบจะปิดฝาโลงตัวเองได้ตั้งแต่หนังไม่ฉาย
หรือ แม้ว่าเรื่องแรกจะห่วย แต่การไปดูเรื่องหลังแม้จะดีเพียงใด คนดูก็มีภาพของเรื่องแรกที่ทำให้ลดความตื่นเต้น ความน่าสนใจที่ควรจะได้จากเรื่องหลังลงไปเยอะ
และปีนี้ ก็เป็นการชนกันของ 9/11 ระหว่าง United 93 กับ World Trade Center
ทั้งคู่คือหนัง 9/11 เหมือนๆกัน แต่ในตัวตนของหนังนั้น แตกต่างกันมากมาย
United 93 มากับทีมนักแสดงที่ไม่ใช่คนเด่นดัง ส่วน World Trade Center มากับทีมนักแสดงที่ชื่อชั้นเหนือกว่าชัดเจน
United 93 มากับผู้กำกับที่กำลังมาแรงขึ้นทุกขณะจิต (พอล กรีนกราสส์) เรียกได้ว่ากำลังอยู่ช่วงขาขึ้นยิ่งวัดจากผลงานเรื่องล่าสุด (The Bourne Supremacy) ในขณะที่ World Trade Center นำทัพโดยผู้กำกับเก๋าเกมส์ขึ้นหิ้ง (โอลิเวอร์ สโตน) ที่หลายคนเริ่มสงสัยว่าจะเป็นขาลงแล้วหรือไม่ จากผลงานที่ล้มเหลวของหนังเรื่องก่อน (Alexander)
United 93 เน้นความสำคัญกระจายไปกับตัวละครหลายคน World Trade Center ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคนสองคน
United 93 เล่าเรื่องแทบจะไม่แตะเรื่องราวในตึกเลย ส่วน World Trade Center พาคนดูเข้าไปสู่ใจกลางตึกหลังจากโดนเครื่องบินลำแรกพุ่งเข้าชนก่อนที่จะถล่มพังพาบลงมา
United 93 สะท้อน ความหดหู่ ความโหดร้ายในตัวมนุษย์ ผ่านออกมาในเหตุการณ์ 9/11 ส่วน World Trade Center แสดงให้เห็นอีกด้านของมนุษย์ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า ท่ามกลางความเลวร้าย มนุษย์ยังมีความดีงามหลงเหลืออยู่
...บังเอิญที่ผมดู United 93 ไปแล้ว และ ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้ ที่จะฟันธงในใจว่า United 93 นั้น ดีกว่า ทรงพลังมากกว่า สมจริงกว่า กุมอารมณ์ได้มากกว่าหลายช่วงตัวนัก และ เป็นไปอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น ถึงกรณี การสร้างหนังชนกัน แม้ว่าเรื่องที่ฉายทีหลังจะมีประเด็นที่ทำได้ดี แต่หากเรื่องแรกทำออกมาแล้ว ก็ยากที่จะรู้สึกได้ดีเท่า
ตัวอย่างเช่น อารมณ์ประมาณว่า ควรทำดีกับคนที่เรารักในตอนที่มีเวลา ก่อนที่จะสายเกินไป ฉากผู้โดยสารโทรศัพท์กลับบ้านบนเครื่องบินจาก United 93 ชนะฉาก ตัวละครของนิโคลาส เคจ ที่ระลึกถึงภรรยาในซากตึก ชนิดชนะน้อกเอาท์
...กระนั้นก็ดี World Trade Center ก็ไม่ใช่หนังที่ทำออกมาตกเกณฑ์มาตรฐานแต่อย่างใด เรียกได้ว่า เป็นงานกู้ชื่อของโอลิเวอร์ สโตน กลับมาจาก Alexander เสียด้วยซ้ำ
...เรารู้ดีตั้งแต่ตัวละครตื่นนอนว่า เช้าวันนั้นเขาและชาวโลกต้องพบเจอกับอะไร เรารู้ว่าจุดจบของตัวละครและเครื่องบินเป็นอย่างไร น่าสงสารที่วันนั้น ตัวละครในหนังและใครต่อใคร ไม่ได้รู้ล่วงหน้ามาก่อน
สิบเอกจอห์น แม็คลัฟลินพร้อมลูกทีมต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เขาสารภาพอย่างจริงใจว่า ไม่เคยเตรียมเพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอ
ณ.จุดนั้น จะมีกี่คนกันที่กล้าเดินเข้าไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน เดินเข้าไปยังสถานการณ์ทีไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
... หนังใช้เวลาส่วนมากไปกับสิบเอกจอห์น แม็คลัฟลิน และ ลูกน้อง กับการติดแหง็กในซากปรักหักพังของตึกที่ถล่มลงมา ในขณะที่เขาและลูกทีมตั้งใจเข้าไปช่วยคนตกค้างบนตึกหลังเครื่องบินพุ่งเข้าชน โดยทั้งคู่ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ได้แต่สนทนาส่งเสียงให้แก่กัน เป็นกำลังใจให้แก่กัน เพื่อรอคอยด้วยความหวังว่า จะมีใครรับรู้ว่าพวกเขาติดอยู่ใต้ซากตึกแฝดแห่งนี้ แต่ดูเหมือนโอกาสรอดชีวิตจะริบหรี่เต็มที เพราะไม่เพียงแต่ซากตึกที่กว้างใหญ่จะไม่มีใครหาเจอแล้ว ทั้งคู่ยังถูกก้อนอิฐตกทับจนอาจมีเลือดตกใน กระดูกหัก และ ขาดน้ำขาดอาหาร แถมยังต้องหายใจเข้าไปแต่ฝุ่นควันของซากตึก
การติดอยู่กับที่รอความตายนี้เอง ที่หนังได้ฉายภาพชีวิตของทั้งสองคนให้เราได้รับรู้ คนสองคนที่ถูก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำร้ายชีวิตและได้ย้อนมองเห็นชีวิตของตัวเอง
...จอห์น แม็คลัฟลิน กับ ภรรยา กำลังมีปัญหาความสัมพันธ์ที่ห่างเหินและขาดความเอาใจใส่ความรู้สึกให้แก่กัน จน 9/11 เกือบจะทำให้ต้องจากโลกใบนี้ไป โดยไม่มีโอกาสให้แก้ตัว เรามักไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องใกล้ตัวเพราะเรามองข้ามไปให้ความสำคัญกับเรื่องนอกตัว และ น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่มักจะเห็นคุณค่าเรื่องเช่นนี้ ในวันที่มักจะไม่มีโอกาสแก้ตัวทัน นั่นคือ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
...วิลล์ จิมีโน่ อีกหนึ่งนายตำรวจที่อาสาตามเข้าไปในตึก ก็กำลังจะได้ต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของบ้าน เมื่อภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ทั้งคู่มีชีวิตครอบครัวที่สุขสดใส และ เช่นเดียวกัน 9/11 กำลังจะพรากความสุขนี้ไปจากเขาและครอบครัว
...เมื่อตัวละครหลักที่เป็นแกนกลาง คือ สองตัวละครนี้ หนังก็น่าจะให้ความสำคัญที่จะพัฒนาเนื้อหาเรื่องราวจากพวกเขา น่าเสียดาย ที่หนังกลับไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกผูกพันไปกับสองตัวละครนี้เท่าไหร่นัก ความรู้สึกร่วมของคนดูกลับจะไปผูกพันกับตัวละครอื่นๆมากกว่าไม่ว่าจะเป็น สองภรรยา หรือ หญิงผิวสีที่สูญเสียลูกในตึก
นั่นเป็นเพราะ บท จอห์น แม็คลัฟลิน ของ นิโคลาส เคจ ยังขาดรายละเอียดความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา ที่จะปูให้เราเห็นและเข้าใจ หนังแสดงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแค่ผิวเผินเกินไป อีกทั้งการตัดสลับเวลาในอดีตไม่ได้ช่วยให้เข้าใจตัวละครหรือรู้จักครอบครัวเขามากขึ้น แต่เป็นการไปเน้น ฉากทำซึ้งเสียมากกว่า และ เมื่อพยายามบิวท์อารมณ์โดยยังไม่ได้ปู มันก็เป็นเรื่องยากที่จะดึงอารมณ์คนดูส่วนใหญ่ให้คล้อยตามต่อเนื่อง ในขณะที่ชีวิตคู่ของจิมีโน่ ก็ดูจะขาดรายละเอียดไปหน่อย มีแค่ความสวยงามในความสัมพันธ์ชนิดดูดีตื้นๆ หนังไม่ทำให้คนดูรู้จักเขามากไปกว่านี้
การแสดงของ นิโคลาส เคจ และ ไมเคิล พีน่า (ช่างกุญแจจาก crash) ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมหรือย่ำแย่ แต่ บังเอิญที่การแสดงของ มาเรีย เบลโล่ + แม็กกี้ จิลเลนฮาล เด่นและกินขาดมากกว่า กับบทสองภรรยาที่ต้องทนทุกข์กับการรอคอยข่าวสามีด้วยหัวใจที่พร้อมจะแตกสลายทุกวินาที จึงทำให้เธอสองคน เป็นตัวละครที่คนดูจดจำได้หลังหนังจบมากกว่า รวมไปถึงบทเล็กๆเช่นสาวผิวดำที่สูญเสียลูกไปก็เล่นได้ดีเช่นกัน
แรกเริ่มเดิมทีที่เห็นหนังตัวอย่างของ World Trade Center แทบจะไม่อยากเชื่อว่า เป็นผลงานของผู้กำกับที่ถนัดงานในเชิงจริงจังดุดัน อย่าง โอลิเวอร์ สโตน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจกับภาพจากหนังตัวอย่างที่เร้าอารมณ์กันเต็มที่และดูนุ่มไม่แข็งกระด้างเหมือนผลงานเก่าๆของเขา และยังน่าลุ้นว่า เขาจะเรียกฟอร์มตัวเองกลับมาได้หรือไม่ หลังจากเสียรังวัดไปพอสมควรกับ Alexander
จะว่าไป Alexander ไม่ใช่หนังที่เลวร้าย นักแสดงเล่นได้ดี เนื้อหามีการเจาะลึกและแสดงปมในใจของตัวละครตั้งแต่เด็ก ช่วยให้คนดูสามารถเข้าใจพฤติกรรมของเขาเมื่อโตขึ้น ทั้งเรื่องการคบหาคู่ครองและการต่อสู้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น (ใครมองหาหนังที่พูดถึง Oedipal complex ตามทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ แนะนำ Alexander ) แต่ ปัญหาของหนังที่ทำให้คนดูออกจากโรงด้วยความเซ็งๆ มาจากการเล่าเรื่องที่ดูไม่ต่อเนื่อง ไม่กระชับ และ ไม่เป็นปึกแผ่นเท่าไหร่ ส่งผลให้อารมณ์ของหนังมาเป็นระลอกคลื่นเดี๋ยวมีพลังเดี๋ยวน่าเบื่อ อีกทั้งหลายฉากหลายตอนก็โชว์ลีลาลูกเล่นในการถ่ายทำจนคนดูเวียนหัว (เช่น การส่ายกล้องในฉากรบพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็น ฯลฯ)
มาถึง WTC ดูเหมือน โอลิเวอร์ สโตน ทำได้ดีขึ้น กระนั้นก็ดี ถึงจะเป็นการพัฒนาขาขึ้นจาก Alexander แต่จุดอ่อนของหนังก็ยังตกที่นั่งเดิม คือ หนังมีนักแสดงที่เล่นได้ดี แต่หนังยังปัญหาลูกเล่นที่พยายามจะใช้เพื่อมาอธิบายความรู้สึกของตัวละคร เช่น ฉากที่สะท้อนศรัทธาทำให้มีพลังสู้ชีวิตที่ไปฉายภาพพระเยซู ดูแล้วก็รู้สึกว่าขัดๆ เหมือนกับตอนที่ใช้สีเข้าไปในฉากรบของ Alexander หนังยังมีบทและการเล่าเรื่องที่เป็นจุดอ่อนอยู่ เพียงแต่ไม่สาหัสเท่า Alexander
เข้าใจว่า ไม่ใช่แค่บทเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ WTC ไปได้ไม่ถึงที่สุด น่าจะเป็น การเลือกสไตล์ของงานที่ไม่ใช่สไตล์ของตัวเอง
เหมือนกับ จะเอาคนมองโลกในแง่ดีอย่างสปีลเบิร์กมาทำหนังสะท้อนความโหดร้ายของมนุษย์ ตัวอย่างเก่าๆที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่า เขาทำออกมาได้ดีจริง เพราะตัวผู้กำกับมีฝีมือ แต่ มันก็ไม่ใช่งานที่ทำอยู่ในระดับมาสเตอร์พีซเหมือนงานหนังเรื่องอื่นๆของเขา เช่นเดียวกัน จะเอาคนที่ทำหนังจริงจัง หนักแน่น และ อัดแน่นด้วยความรุนแรง อย่าง โอลิเวอร์ สโตน (หนังทุกเรื่องของเขาชัดเจนในเรื่องของ แรงขับแห่งความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสงคราม การลอบสังหาร การต่อสู้ ฯลฯ เพียงแต่ว่าบางเรื่องอาจไม่ได้สื่อสารออกมาตรงๆ) มาสร้างหนังที่ดึงอารมณ์ร่วมแบบบิวท์อารมณ์คนดู ก็ดูจะทำได้ไม่เข้าทาง เพราะเขาทำออกมาได้แปร่งๆไม่ชวนให้คนดูต้องอินชนิดเศร้าซึ้งไปกับตัวละครอย่างที่ควรจะเป็น
... ตัวอย่างที่เห็นชัดๆคือ ช่วงเวลาของหนังที่พยายามจะให้คนดูรับรู้ชีวิตที่ผ่านมาของสองตัวละคร ด้วยการตัดสลับเหตุการณ์ปัจจุบันของตัวละครกับอดีต ทำได้ดี แต่ ที่ว่าดีนั้นคือเมื่อไม่ได้เทียบกับเรื่องอื่น เพราะหากใครเคยดู Ladder 49 ที่บอกเล่าชีวิตนักดับเพลิงที่ไปติดในซากตึกไฟไหม้ซึ่งหนทางรอดริบหรี่คล้ายๆกัน และ หนังก็เล่าเรื่องโดยการตัดสลับเหตุการณ์ปัจจุบันในตึกกับอดีตที่ผ่านมาระหว่างเขากับภรรยา เหมือนกับ World Trade Center จะต่างกันก็ตรงที่ Ladder 49 ให้ผลลัพธ์ทางอารมณ์กับคนดูมากกว่าหลายเท่า คนดูรู้สึกอินไปกับตัวละครในเรื่องและสะเทือนใจกับหนังอย่างต่อเนื่องมากกว่า World Trade Center ที่ช่วงเวลาเล่าแฟลชแบ็คนั้น ได้อารมณ์เศร้าเป็นส่วนน้อยและน่าเบื่อเป็นส่วนใหญ่
รวมไปถึง การบิวท์อารมณ์ของ โอลิเวอร์ สโตน ที่ทำได้แค่สอบผ่านแต่คะแนนการบิวท์นั้นยังไม่ดีนัก นักวิจารณ์หลายคนบอกเล่าว่า หนังเรื่องนี้ไม่เชิดชูอเมริกัน ไม่บิวท์อารมณ์ ผมกลับรู้สึกตรงข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ผมกลับรู้สึกว่า หนังแฝงเชิดชูความเป็นฮีโร่ของอเมริกันอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะตัวละครนาวิกโยธินที่โผล่มาแบบ บุรุษในอุดมคติ รวมไปถึง ฉากตอนท้ายที่ช่วยตัวละครออกมาโดยมีเหล่าตำรวจกลุ่มใหญ่ยืนต่อแถวยืนปรบมือและจับมือยินดีนั้น ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง (แม้หนังจะสร้างมาจากเรื่องจริงก็ตามที)
นั่นจึงทำให้ผมซึ่งได้ดู United 93 มาก่อนแล้ว เห็นความแตกต่างของสองเรื่องนี้ชัดเจน เพราะ United 93 คือตัวอย่างของการไม่พยายามบิวท์อารมณ์ และ ไม่ได้เชิดชูความเป็นอเมริกัน แต่ เน้นเรื่องราวความเป็น คน มากกว่าชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้น หากพูดถึงการจำลองเหตุการณ์ในวันนั้น หรือจะเป็น ความสมจริง แม้ World Trade Center จะฝ่าควันเข้าไปถึงภายในเวิลเทรด แต่กลับไม่สามารถดึงคนดูให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์ในวันนั้นเท่ากับ United 93 ฉากเดียวที่หนังทำได้อย่างน่าทึ่งคือ ตอนที่ตึกถล่มลงมาและถล่มซ้ำๆ จนทำให้หัวใจคนดูหนักอึ้งและอยากบอกว่า "พอทีเถอะ"
กระนั้นก็ดี สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเหมือนๆกันคือ เรื่องของ "ฮีโร่"
ตัวละครหลักๆทั้งสองเรื่องนี้ (United 93 / World Trade Center) ล้วนล้มเหลวในปฏิบัติการณ์ที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ เหล่าผู้โดยสารใน United 93ไม่สามารถยึดเครื่องบินให้แล่นลงอย่างปลอดภัย และ ทีมตำรวจจาก World Trade Center ต้องเสียชีวิตและถูกฝังทั้งเป็นในตึกโดยที่ยังไม่ได้ทันมีโอกาสจะช่วยใคร
แต่พวกเขา ล้วนสมควร กับการได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่ เพราะ บางครั้งความเป็นฮีโร่ เราไม่ได้วัดกันเฉพาะที่ผลงาน
...ผู้โดยสารในเครื่องบิน อาจจะยึดเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง แต่ เขาก็ทำเพื่อคนที่รออยู่ทางบ้าน เขาทำเท่าที่ทำได้ และ ไม่ยอมปล่อยให้ผู้ร้ายไปถึงเป้าหมายที่จะทำลายอีกหลายชีวิต
...เหล่านายตำรวจที่เข้าไปในตึก ก็เช่นกัน การตัดสินใจเดินเข้าไปในตึกด้วยสภาพที่เหมือนกับคนตาบอดเพราะ ไม่เคยมีแผนการณ์รับมือสภาวการณ์เช่นนี้มาก่อน แถมยังไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นๆแน่ๆ รอบข้างล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่พวกเขาไม่รีรอและไม่ลังเลใจที่จะเดินก้าวเข้าไปเพื่อช่วยผู้คนภายในตึกนั้น
ในยุคสมัยที่ผู้คนชื่นชม คน กันที่ผลลัพธ์ของความสำเร็จ จนลืมไปว่า สิ่งที่น่ายกย่องนอกเหนือไปจากนั้นคือ ความคิดและอุดมการณ์ของมนุษย์มากกว่า ยังมี ผู้คน อีกหลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ทำสิ่งที่ดีงามเพื่อโลกใบนี้ เพียงแต่ว่า ผลงานของพวกเขา ไม่ได้ออกมาเป็นชิ้นเป็นตัวเป็นตน บางคนก็ล้มเหลว แต่พวกเขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างไม่หยุดหย่อน และ ไม่ได้หวังผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
ตรงข้าม กับบางคนที่มีผลงานให้คนชื่นชม แต่ เจตจำนงของการสร้างผลงานไม่ได้มุ่งหวังในการช่วยเหลือใคร เพียงแค่เติมเต็ม คำสรรเสริญเยินยอให้กับตัวเอง และคอยเก็บเกี่ยว ความเป็นฮีโร่ ที่ถูกจัดแต่งให้เท่านั้นเอง
ดังนั้นไม่ใช่แค่คนสองคนที่จะได้เห็น ความดีงาม ท่ามกลางความชั่วร้ายทีเกิดขึ้นใน 9/11 แต่ หนังก็ถ่ายทอดให้สายตาคนดูอีกเป็นล้านๆได้เห็นเช่นกันว่า ในวันนั้น ความดีงาม ยังมีอยู่ทุกแห่งหน และ พร้อมจะกำเนิดมาต่อสู้กับความชั่วร้ายบนโลกใบนี้เสมอ ตราบใดที่ผู้คนยังไม่ละทิ้งความรักและศรัทธาในกันและกัน แม้โลกจะบอบช้ำและเจ็บป่วยเท่าใด ก็สามารถจะเยียวยาฟื้นฟูได้ทุกเวลา
สิ่งที่ชอบ
1.มาเรีย เบลโล่ + แม็กกี้ จิลเลนฮาล ... ทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่ไม่ดังมาก แต่ผมเองชอบมากทั้งคู่ รายแรกเพิ่งผ่านตาและยังติดภาพเลิฟซีนบนบันไดใน A history of violence ไปหมาดๆ ส่วนรายหลังผมกับเธอได้รู้จักกันจาก Secretary (แหม อยากเขียนถึงหนังเรื่องนี้มากๆ) ตั้งแต่นั้นมาได้ดูเธอเล่นหนังเรื่องไหน แม้หนังจะไม่ดังมากแต่เธอก็คือส่วนที่ดีที่สุดของหนังอยู่เสมอ
ทั้งคู่รับบทภรรยาหัวใจสลายกับข่าวร้ายที่ไม่ได้รับการยืนยันได้อย่างเยี่ยมยอด โดยมีความแตกต่างกันก็ตรงที่ รายแรกต้องพยายามคุมสถานการณ์ในครอบครัวให้สงบ ส่วนรายหลังครอบครัวต้องช่วยกันคุมเธอไม่ให้สติแตก
2.ฉากตึกถล่มจากด้านใน ... ทำได้สมจริงจนน่ากลัว แถมตามมาด้วยการถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งสร้างความอึดอัดกดดันเอาใจช่วยจากคนดูได้มากยิ่งขึ้น
3.มุมมองที่มีต่อ 9/11
การต้องการสะท้อนความดีงามที่มีอยู่ของมนุษย์ บนซากปรักหักพังจากความชั่วร้ายของมนุษย์ เป็น อีกมุมมองที่ฉีกตัวเองได้น่าสนใจ ทำให้ไม่ซ้ำกับหนังหลายเรื่องๆที่มักจะสะท้อนแต่ความเลวร้าย ของ เหตุการณ์อันเป็นโศกนาฏกรรม
สิ่งทีไม่ชอบ
1.ไปไม่ถึง ... จะให้ได้อารมณ์สะเทือนใจ ซึ้งตามแบบฉบับหนังดราม่าเร้าอารมณ์ก็พอได้ แต่ ดูแล้วก็อดเทียบกับ Ladder 49 ไม่ได้ซึ่งเรื่องนั้นก็ทำได้ดีกว่า ครั้นจะให้ได้ความสมจริง ทรงพลัง และ มีอารมณ์ร่วมไปกับผู้คนในวันนั้นก็ดูจะห่างไกลจาก United 93 เรียกได้ว่า หนังทำได้ดีแต่ไปได้ไม่ถึงสุดๆทั้งสองทาง
2.ระลอกคลื่น ... อารมณ์ของหนังยังคงไม่ต่อเนื่องเหมือนกับตอนดู Alexander คือ บางช่วงก็รู้สึกอินไปกับตัวละคร ไม่กี่นาทีต่อมากลับรู้สึกเบื่ออยากให้ฉากผ่านไปไวไว
3.บิวท์ไม่อิน ... ผมเองไม่ค่อยมีปัญหากับหนังจงใจบิวท์อารมณ์ แต่เรื่องนี้บิวท์ไม่ขึ้น มิหนำซ้ำยังดูแปร่งๆในหลายฉากที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น จะว่าไป ผมออกจะประทับใจ+อินกับหนังตัวอย่างมากกว่าหนังทั้งเรื่องเสียด้วยซ้ำ
สรุป ... ใครได้ดู United 93 แล้วชอบ สำหรับเรื่องนี้จะดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดายรอแผ่นได้ แต่ถ้ายังไม่ได้ดู ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ 9/11 ที่ทำให้คุณประทับใจได้ เพียงเสียดายที่ว่า หนังมีศักยภาพที่น่าจะไปได้ดีกว่านี้ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าได้ผู้กำกับที่อยู่ในสายบิวท์อารมณ์คนดูเก่งๆ หรือ เปลี่ยนอารมณ์ของหนังโดยลดความอบอุ่นอ่อนโยนลงไปแล้วเลือกนำเสนออย่างแข็งแกร่งดุดันอย่างที่ โอลิเวอร์ สโตน ถนัด ดูจะน่าสนใจมิใช่น้อย
ป.ล. วันนี้ไปดูหนังฝรั่งเศสเรื่อง L' Enfant ขอเชียร์ครับ เข้าฉายที่ลิโด้ เสียดาย อีกหนึ่งหนังดีที่การโปรโมทย่ำแย่ หนังสนุกดีและเข้าใจหยิบเรื่องมาสร้าง ชนิดดูจบอาจต้องคิดว่า ทั้งเรื่องมีแค่นี้เนี่ยนะ แต่กลับมีประเด็นอะไรหลายๆอย่างที่สอดแทรกไว้อย่างไม่รู้ตัว หนังไม่มีหักมุม ไม่ซับซ้อน แต่ดูจบแล้วมีอะไรให้พูดให้คุยได้เยอะเหมือนกัน แถมยังเล่าเรื่องได้ชวนให้ต้องติดตามตลอด แต่ทำใจกับตอนจบที่ เอ่อ ยังไม่บอกดีก่า
เริ่มต้นอ่าน Blog นี้มีข้อสงสัย + แวะเวียนมาพูดคุยถาม-ตอบ คลิกไปคุยกันที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 25 กันยายน 2549 |
Last Update : 26 กันยายน 2549 1:27:57 น. |
|
16 comments
|
Counter : 2282 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 203.113.35.12 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:1:13:27 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:10:09:36 น. |
|
|
|
โดย: knin IP: 210.167.165.67 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:12:11:11 น. |
|
|
|
โดย: Tai-Sarunya วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:13:08:11 น. |
|
|
|
โดย: Tai-Sarunya วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:13:13:29 น. |
|
|
|
โดย: kengCAD วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:20:29:57 น. |
|
|
|
โดย: poser (poser ) วันที่: 26 กันยายน 2549 เวลา:0:24:07 น. |
|
|
|
โดย: hAmlet IP: 124.121.140.60 วันที่: 26 กันยายน 2549 เวลา:2:36:59 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 203.113.34.8 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:2:11:53 น. |
|
|
|
โดย: assholy IP: 124.120.216.32 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:16:13:06 น. |
|
|
|
โดย: Clear Ice วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:8:47:24 น. |
|
|
|
โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.181.222 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:39:51 น. |
|
|
|
โดย: ฉันอยู่ข้างหลังคุณอีกที IP: 202.28.181.9 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:55:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|
เท่าที่อ่านจากบทวิจารณ์ที่เขาแปลมาจากอเมริกา ส่วนใหญ่ก็ว่าดี แต่ดีไม่เท่า United 93 เลยเตรียมใจเอาไว้ก่อนนานแล้วล่ะครับ..
สอบเสร็จเมื่อไหร่ทั้ง WTC แล้วก็ The Child (L'Enfant) เสร็จผมแน่