www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป



ข้อมูล: Memoirs of a Geisha มีความยาว 145 นาที ดัดแปลงจากนิยายชื่อMemoirs of a Geisha ของ Arthur Golden และนิยายอีกเรื่องที่ มิเนโกะ อิวาซากิ เกอิชาตัวจริงซึ่งถูกเขานำชีวิตไปใช้เขียนนิยายออกมาโต้ว่าเรื่องที่ออกมาไม่ตรงความเป็นจริง พร้อมเขียนขึ้นมาเองต่างหากอีกเล่มคือ Geisha, A Life มีแปลเป็นไทยแล้วทั้งคู่ , เรท PG-13 , ผู้กำกับ คือ Rob Marshall ซึ่งผลงานเรื่องนี้เป็นงานกำกับหนังใหญ่ลำดับที่ 2 ถัดจาก Chicago, บทของมิเชลโหยวในเรื่องเดิมมีการติดต่อจางมั่นอวี้แต่เธอปฏิเสธไป , ใน IMDB.com ให้คะแนนเรื่องนี้ 6.7 /10 ส่วนใน //www.rottentomatoes.com ให้เรื่องนี้ Rotten ด้วยคะแนน 35 %


… ผมลดความคาดหวังตัวเองลงไปมากก่อนไปเปิดบันทึกของเกอิชาที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ เพราะเสียงร่ำลือคำวิจารณ์ทั้งจากต่างประเทศและบ้านเรา ส่วนใหญ่มาในแง่กลางๆและส่วนหนึ่งค่อนไปทางผิดหวัง

เกอิชา (Geisha) โดยรากศัพท์ของมันเองมีความหมายว่า ศิลปิน เกอิชาเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับนับหน้าถือตา มีเกียรติในสังคม เฟื่องฟูในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 เป็นอาชีพของสตรีที่ต้องผ่านการฝึกฝนในทางศิลปะ เพื่อให้ความบันเทิงและเพลิดเพลินแก่แขก มีการฝึกฝนเตรียมตัวเพื่อก้าวไปจนถึงระดับสูง โดยพวกเธอไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้าหากเธอไม่ยินยอม หญิงสาวเหล่านี้ในอดีตส่วนหนึ่งจะมาจากการซื้อตัวเด็กๆในหมู่บ้านที่ยากจน (คงคล้ายๆกับตกเขียวของบ้านเรา) เช่นเดียวกับ

...ชิโยะและพี่สาวถูกพ่อขายมาอยู่เมืองเกียวโตอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ชิโยะได้รับเลือกให้เข้าฝีกในสำนักเกอิชา ส่วนพี่สาวถูกส่งไปขายบริการที่ซ่องโสเภณี ชิโยะเฝ้าพยายามจะหนีไปหาพี่สาวเพื่อหาทางกลับบ้าน ระหว่างที่เธอพักอยู่กับแม่ใหญ่เจ้าของสำนักเกอิชาทำให้เธอได้รู้จักกับผู้ที่พักใต้ชายคาเดียวกัน อันประกอบไปด้วย ฮัตซิโมโมะ เกอิชาชั้นแนวหน้าประจำเมือง และ ฟักทอง เด็กผู้หญิงผู้เป็นเพื่อนคนเดียวของเธอที่เฝ้าหวังจะได้เป็นเกอิชาในอนาคตพร้อมหวังจะได้รับการมอบตำแหน่งเป็นเจ้าของกิจการนี้ต่อไป ตรงข้ามกับชิโยะที่ไม่เคยคิดฝันอยากจะเป็นเกอิชาเลย เธอหวังแต่เพียงว่าจะหาทางไปพบพี่สาวและหนีกลับบ้านได้อย่างไร ช่วงเวลาที่เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เธอต้องถูกกลั่นแกล้งโดย ฮัตซิโมโมะ อยู่แทบทุกวี่วัน เพราะ

… หากชิโยะ เปรียบเหมือนน้ำที่พร้อมจะไหลหาทางออกได้อยู่เสมอ ฮัตซิโมโมะ ก็เปรียบเสมือนไฟ ที่พร้อมจะเผาผลาญรอบตัวให้มอดไหม้ แม้จะมีความแตกต่าง แต่ทั้งคู่ก็มีบางอย่างร่วมกัน ทั้งสองคนเหมือนกระจกที่สะท้อนเงาตัวเอง

ชิโยะเหมือนเงาอดีตของฮัตซิโมโมะ - เด็กสาวที่มีความสามารถเปล่งประกายพร้อมจะก้าวมาเป็นเกอิชาคนสำคัญ นั่นจึงทำให้ ฮัตซิโมโมะ หวาดกลัวกับการถูกช่วงชิงอนาคตของตัวเองและหาทางกลั่นแกล้งซายูริ

ฮัตซิโมโมะก็เหมือนเงาอนาคตของชิโยะ ... เกอิชาอันดับต้นๆของเมืองที่สามารถครอบครองใจชายทุกคนที่เธอบริการ แต่สิ่งเดียวที่เธอไม่อาจมีครอบครองคือใจชายคนที่ตัวเองรัก เพราะความรักเป็นข้อต้องห้ามของการเป็นเกอิชา

...ความเป็นไฟของ ฮัตซิโมโมะ ทำให้เธอพยายามเอาชนะทุกอย่างให้ได้ เธอพร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการโดยไม่ใคร่ครวญลังเลว่าใครจะเดือดร้อน เหมือนไฟที่จุดแล้วลุกโพลง ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือ การกำจัดคู่แข่ง ในขณะที่ความเป็นน้ำของ ซายูริ การเข้าหาความรักที่เป็นภาพฝันในวัยเด็กทำให้เธอต้อง ฝืนทนกล้ำกลืนทำดีกับโนบุเพื่อนสนิทของท่านประธาน เพราะมันเป็นวิธีการเดียวที่จะได้เข้าถึงตัวเขา เธอต้องลื่นไหลไปตามอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาและค่อยๆหาทางออก

หากดูให้ดีแล้วจะพบว่า ศัตรูที่แท้จริงของ ฮัตซิโมโมะ มิใช่ซายูริที่เป็นน้ำ แต่มันคือตัวเธอเอง เธอก็เป็นเหมือนคนที่ชีวิตนี้ต้องทุกข์ทนกับ ไฟริษยา ที่สุดท้ายก็เผาผลาญทุกสิ่งรอบตัวรวมไปถึงชีวิตตัวเองให้มอดม้วย

....เขาว่ากันว่า ความรักและความเป็นเกอิชา คือ สองสิ่งที่ไม่สามารถไปด้วยกันได้ ทั้ง มาเมฮา ฮัตซิโมโมะ และ ซายูริ ต่างก็ตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งนี้ แต่ด้วยวิถีชีวิตและทัศนคติที่แตกต่างจึงทำให้แต่ละคนจัดการกับความขัดแย้งนี้ต่างกันไป

มาเมฮา มองสัจธรรมของการใช้ชีวิตแบบเกอิชาว่าไม่สามารถจะมีความรักที่ต้องการได้ เธอต้องยอมให้ความเป็นเกอิชาขีดเส้นอยู่เหนือชีวิตตัวเองและความรัก เธอเลือกที่จะยอมรับอยู่กับความรักที่มิอาจครอบครอง และให้ความเป็นเกอิชาอยู่เป็นอันดับหนึ่งในชีวิต

ส่วน ฮัตซิโมโมะ ไม่เป็นเช่นนั้นเธอฝ่าฝืนและทำในสิ่งที่เธอปรารถนาโดยไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายใดๆตามมา เธอไม่ยอมให้ความเป็นเกอิชามามีอิทธิพลเหนือชีวิตที่เธอต้องการ สำหรับเธอ ชีวิตและตัวเอง คือสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

สำหรับซายูริ ลึกๆแล้วเธอคงไม่อยากเป็นอย่างมาเมฮาและ อยากจะลิขิตชีวิตตัวเองทำตามใจปรารถนาเหมือนฮัตซึโมโมะ แต่เธอก็เป็นเหมือนธาตุน้ำที่พยายามไหลหาทางออกให้กับความขัดแย้งนี้โดยไม่สมยอมเหมือนมาเมฮาและไม่เร่าร้อนรุนแรงเหมือนฮัตซิโมโมะ เป้าหมายของการเป็นเกอิชาของเธอก็เพื่อความรัก แม้จะทำได้มากสุดแค่เข้าใกล้แต่ไม่สามารถไขว่คว้า สำหรับเธอ ความรัก สำคัญอยู่เหนือทุกสิ่งในชีวิต

ฟักทอง อาจไม่ได้มีความรักมาเกี่ยวข้อง แต่เธอก็เป็นคนที่น่าสงสาร การเป็น เกอิชาที่รำสู้ใครไม่ได้ วาทศิลป์ไม่เก่งกาจ ทำให้เธอเป็นได้แค่ลูกไล่ของฮัตซิโมโมะและเงาของซายูริ เป้าหมายเธอคือความมั่นคงของชีวิต แต่ทุกครั้งที่เธอจัดการกับชีวิตก็ทำได้แค่ตามหลังสองคนนั้นอยู่ร่ำไป

...คนเราอาจเดินทางบนเส้นทางชีวิตเส้นที่คล้ายคลึงกัน มีปัญหาที่เหมือนๆกัน แต่ด้วยพื้นหลัง ประสบการณ์ และ วิถีชีวิตของแต่ละคน มันนำไปสู่ปลายทางชีวิตที่แตกต่างกัน สุดแต่ว่าใครจะเลือกใช้ชีวิตแบบใด


...ผมเสียดายทรัพยากรหลายๆส่วนของ Memoirs of a Geisha ที่ไม่ได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทั้งที่มันสามารถทำได้มากกว่านี้ หากพินิจพิเคราะห์แล้วทุกตัวละครมีแง่มุมที่สามารถลงลึกไปได้อีก แต่หนังกลับเล่าแค่ตื้นๆพอมีที่มาที่ไป เช่น ตัวละครฮัตซึโมโมะ ความร้ายของเธอนั้นน่าที่จะแสดงให้เห็นชัดขึ้นอีกว่า ในใจเธอนั้นมีอะไรอยู่นอกจากความรังเกียจและริษยา อะไรทำให้เธอเป็นเช่นนี้ เราจะเห็นได้ว่าตัวละครนี้ที่มีมิติขึ้นมาหาใช่เพราะตัวบทแต่เป็นเพราะตัวนักแสดงกงลี่ที่สามารถทำให้ตัวละครดูมีเนื้อหนังมีตัวมีตน

... หนังยังมีหลายประเด็นที่สามารถนำมาผูกให้น่าสนใจได้ เช่น ความรักของเกอิชาที่ไม่มีวันเป็นจริง , วิถีชีวิตและบทเรียนการเป็นเกอิชา , การแข่งขันชิงความเป็นหนึ่งของเธอกับฮัตซิโมโมะ , ความรักที่ซ่อนอยู่บนมิตรภาพของประธานและโนบุที่มีต่อซายูริ , ความสัมพันธ์ของซายูริกับฟักทอง ฯลฯ

โดยทั้งหมดนี้ การเล่าเรื่องส่วนเดียวที่ผมชอบคือ ช่วงที่เป็นสารคดี how to be a เกอิชา แม้ว่ามันจะบิดเบือนความจริงไปบ้างตามที่เกอิชาตัวจริงอ้างไว้ แต่ช่วงเวลานี้มันก็ให้ความแปลกตา ชวนติดตาม ในขณะที่ประเด็นทั้งหลายทั้งปวงที่เหลือ ถูกเล่าออกมาในหนังเหมือนเงื่อนปมที่ผูกไว้อย่างหลวมๆ เล่าไปเรื่อยๆโดยไม่เห็นปลายทางที่ชัดเจนว่า จะนำพาเรื่องราวไปสิ้นสุดลงตรงจุดไหน มันเป็นการเล่าเรื่องที่เยิ่นเย้อและเลื่อนลอยไปเรื่อยๆจนหนังจบ

...อีกจุดอ่อนหนึ่งที่ผมรู้สึกหลังดูจบ คือ หนังยังตีความเป็นเกอิชาออกมาได้ไม่ตรงจุดประสงค์ที่หนังต้องการนำเสนอว่า เกอิชา คือ ศิลปินที่ทรงคุณค่า หนังไม่ทำให้ผมรู้สึกถึง ความมีคุณค่าของความเป็นเกอิชา ได้มากมายเท่าไหร่เลย ความรู้สึกที่ว่า เธอเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่ตอบสนองเพศชายมันดูจะมีมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

...ความสวยงามในองค์ประกอบทางศิลป์ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่แต่ละชุดนั้น งามอลังการได้ใจมาก หรือ สถานที่ก็สวยงามในระดับยอดเยี่ยม แต่องค์ประกอบเหล่านี้เมื่อมาอยู่ในหนังที่เล่าเรื่องแบบตะวันตกเช่นนี้มันทำให้ความรู้สึกแบบตะวันออกแท้ๆถูกกลบหายไป หนังขาดความละเมียดละไมในความรู้สึก แม้ฉากในเรื่องมันจะงดงามเพียงใดแต่หนังไม่ทำให้รู้สึกเลยว่านี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ผมกลับรู้สึกได้แค่ว่า มันเป็นแค่ฉากในญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้เหมือนญี่ปุ่นมากเท่านั้น เหมือนกับ กินอาหารเจที่ทำออกมาเลียนแบบเนื้อสัตว์ที่เหมือนมากๆทั้งรสชาติหน้าตา แต่แม้จะเหมือนมากเพียงใดมันก็ยังไม่ทำให้เชื่อได้อยู่ดีว่ามันคือเนื้อสัตว์จริง

...หัวข้อถกเถียงร้อนแรงอันหนึ่งคือ การนำนักแสดงที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นมารับบทเป็นเกอิชา ฝ่ายคนจีนก่นด่านักแสดงชาติตัวเองที่ลดตัวไปรับบทเป็นเกอิชา และ ฝ่ายคนญี่ปุ่นก็ไม่ยอมรับว่านักแสดงเหล่านั้นจะมาเป็นเกอิชาได้ โดยตัวผู้กำกับ Rob Marshall เอง มีความเชื่อว่านักแสดงที่ดีย่อมสามารถข้ามเชื้อชาติมาเล่นกันได้ เหมือนนักแสดงอังกฤษมารับบทเป็นอเมริกัน โดยเขาอาจลืมนึกไปข้อหนึ่งว่า ความเป็นจีนกับญี่ปุ่นมันไม่ได้แลกเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ แถมทั้งคู่ยังเคยมีกรณีพิพาทกันในอดีต แค่ให้ตัวละครในเรื่องพูดภาษาอังกฤษมันก็ดูแปลกแยกในระดับหนึ่งแล้ว ยิ่งเชื้อชาติของนักแสดงที่ไม่ตรงความจริงอีกมันยิ่งแปลกแยกเข้าไปใหญ่

ผลลัพธ์ที่ออกมาผมเชื่อว่า คนดูทางฝั่งตะวันตกสามารถยอมรับได้ในระดับหนึ่งเพราะเขาไม่ได้มีปูมหลังความขัดแย้ง และ พวกเขาไม่รู้จักคุ้นเคยกับนักแสดงในเรื่อง แต่คนดูฝั่งตะวันออกที่มีเชื้อสายจีนหรือญี่ปุ่นอยู่ หรือคนที่ดูรู้จักคุ้นเคยนักแสดงอย่างจางซี่ยี่และ มิเชล โหยว (เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเธอเล่นได้ดีมากเทียบกับหลายๆเรื่องที่เธอเล่นหนังช่วงปีหลังนี้ แต่หากได้จางม่านอวี้มารับบทนี้ก็ยิ่งจะน่าดูชมมากกว่า อยากดูการเชือดเฉือนทางสายตาของจางม่านอวี้และกงลี่) เมื่อดูในหนัง มันจะมีช่วงเวลาสั้นๆอยู่เป็นพักๆที่ภาพของพวกเธอผุดขึ้นมาขัดแย้งกับภาพความเป็นเกอิชาโดยอัตโนมัติ หากไม่คำนึงถึงในแง่การตลาด ผมเองไม่อยากเชื่อเลยว่าในบรรดานักแสดงญี่ปุ่นทั้งประเทศจะหาคนเหมาะสมกับบทนี้กว่า จางซียี่ ไม่ได้

เพราะจางซี่ยี่ สำหรับผมแล้ว ในเรื่องนี้เธอเล่นได้ดี ในแง่ของการแสดงอารมณ์ความรู้สึก แต่การมารับบทเกอิชา เธอกลับไม่สามารถถ่ายทอด แรงดึงดูดของความเป็นเพศหญิงในตัวได้ออกมาเท่ากับที่เธอเล่นใน 2046 เพราะสำหรับบทเกอิชา องค์ประกอบจุดนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เห็นว่าเธอสะกดใจชายนับร้อยนับพันได้อย่างไร และไม่รู้สึกเลยว่าเธอเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดในเรื่องจนเหมาะสมกับได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล เพราะหากจะเลือกใครสักคนที่ดีที่สุดในหนังที่ผมชื่นชมและทำให้ผมเชื่อได้สนิทใจว่าเป็นเกอิชาได้ ใครคนนั้นย่อมเป็น กงลี่

...เพียงชายตามองครั้งเดียวก็สั่นสะเทือนหัวใจชายหนุ่ม ประโยคนี้ที่มาเมฮาใช้ให้ซายูริทดสอบความพร้อมที่จะเป็นเกอิชา ตลอดช่วงเวลาสองชั่วโมงกว่าๆที่ได้ดูผมไม่รู้สึกว่าซายูริสามารถเป็นอย่างที่ประโยคนี้ว่าได้เลย แต่มันเกิดขึ้นกับตัวกงลี่ เธอสวยแบบมีประกายของหญิงร้ายร้อยเล่ห์มารยาที่ทรงพลังทุกอณู แฝงรัศมีแรงดึงดูดเพศชายได้เพียงชำเลืองตา และ เธอสามารถข่มจางซิยี่ลงได้อย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่ชอบ

1.งานกำกับศิลป์ ... เนี้ยบ ประณีต สวยงาม เป็นนางเอกของเรื่องตัวจริง

2.นักแสดงในเรื่อง ... แทบทุกคนในเรื่องไม่ใช่แค่ สามนักแสดงนำหญิง ล้วนให้การแสดงที่เด็ดขาดน่าจดจำ ไล่ไปตั้งแต่ Ken Watanabe แสดงได้นุ่มนวลชวนฝันสำหรับเด็กสาว เขาทำให้ประธานในเรื่องเป็นชายหนุ่มในอุดมคติที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น เมตตาและอ่อนโยน เมื่อถึงฉากจบก็ทำให้ผมก็ยิ่งนึกพาดพิงไปถึง daddy long leg หรือจะเป็น บทแม่ใหญ่เจ้าของบ้าน(Kaori Momoi)ที่แสดงได้เฉียบคม มีทั้งความร้ายและเมตตา

3.กงลี่ และ Suzuka Ohgo (ชิโยะ) ... คนแรกคือคนที่เด่นที่สุดในเรื่อง ส่วนคนหลังต้องชมทีม casting ที่สามารถเลือกนักแสดงที่ดูมีความเชื่อมต่อกับตัวจางซี่ยี่ตอนโตได้ดีทั้งหน้าตาและบุคลิก เธอเล่นได้ดีและน่ารักมาก

4.ดนตรีประกอบ ... ดนตรีภายใต้ฝีมือของ John Williams ปลุกเร้าอารมณ์คนดูได้ดีในหลายๆตอน

สิ่งไม่ชอบ

1.ฉากจบ ... แต่ละช่วงหนังไม่ให้อารมณ์ที่พาคนดูไปถึงพีค ตอนจบก็เช่นกัน เป็นตอนจบที่ดูเหมือนจะซาบซึ้งกินใจ แต่หนังทำออกมาได้แค่จืดๆและทำให้รู้สึกเสียดายเวลาที่ดูมาเกือบสองชั่วโมงครึ่ง มันทำให้รู้สึกว่าจบง่ายๆและให้อารมณ์เหมือนหนังตะวันตกเรื่องหนึ่งที่มาใส่เสื้อผ้าญี่ปุ่น

2.เยิ่นเย้อ เลื่อนลอย ….หนังไม่น่าเบื่อ แต่หลายช่วงที่มันทำให้ผมรู้สึกเยิ่นเย้อ พาลพาให้รู้สึกบางช่วงที่มันเล่าเรื่องอย่างเลื่อนลอย

3. เหือดแห้ง … น้อยฉากมากที่หนังทำให้ผมรู้สึกมีความรู้สึกร่วมหรืออินไปกับเหตุการณ์บนจอ ทั้งที่ตัวเนื้อหาเองน่าจะมีความสามารถในการสะเทือนใจคนดูอยู่หลายตอนแต่หนังกลับได้แค่เล่าเพียงอย่างเดียว หนังสัมผัสใจได้แค่ผิวเผิน หากเป็นเกอิชาก็เป็นเหมือนแค่ฟักทองที่เต้นได้รำได้ให้เราดูอย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่ยังไม่ใช่เกอิชาระดับเดียวกับฮัตซิโมโมะที่สามารถขโมยใจคนพบเห็นทุกครั้งที่ชายตา

สรุป ... ไม่ผิดหวังเพราะผมไม่ได้หวังไปมาก หนังไม่น่าเบื่อ ดูได้สนุกเรื่อยๆเพลินๆ แต่ มันก็ขาดความกระชับ และ ขาดความสามารถในการพาอารมณ์คนดูให้ไปถึงขีดสุด มันทำให้ผมอยากดูเรื่องนี้ถูกสร้างโดยคนญี่ปุ่นอีกสักครั้ง น่าสนใจว่าอารมณ์ของหนังมันจะต่างกันอย่างไร เพราะผลงานที่ออกมาชิ้นนี้เปรียบเป็นได้แค่ ชาเขียวสำเร็จรูปชั้นดีที่ผลิตออกมาจากโรงงานต่างชาติ (นักแสดง , ผู้กำกับ , ฉาก , ฯลฯ) มีคุณภาพรสชาติใกล้เคียงกับต้นตำรับ แต่เวลากินมันผสมน้ำมากเกินไป(การเล่าเรื่อง , อารมณ์ของหนัง)จนทำให้ไม่เข้มข้นและเสน่ห์เจือจาง มันยังไม่สามารถให้ความกลมกล่อมและเสน่ห์ในตัวเหมือนชาเขียวที่แท้จริงที่เด็ดจากต้นที่ปลูกในญี่ปุ่น



ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2549 0:53:50 น. 27 comments
Counter : 6491 Pageviews.

 
อ่านขาด จริง ๆ ค่ะ
มีน้องที่ออฟฟิส ฝากถามว่า the prime เป็นไงบ้างคะ


โดย: varissaporn327 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:13:27 น.  

 
^
^
.. ผมชอบ Prime นะครับ ชอบที่หนังพูดถึง ประเด็นความรักและความสัมพันธ์ได้น่าสนใจ อย่างที่เขียนไว้หน้าแรกว่า หนังชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนเมื่อพัฒนาไปอีกขึ้นหนึ่ง ความรักมิใช่อาหารเพียงอย่างเดียวที่จะหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ให้ยืนยาวได้ตลอดไป แต่ความชอบก็คงแล้วแต่คนจริงๆเพราะคนที่ดูบางคนก็บอกเรื่อยๆออกไปทางเบื่อๆไม่ตลกอย่างที่คิด

...เขียนถึงไว้แล้วครับ อยู่ก่อนเรื่องนี้เอง ลองคลิกอ่านดูก่อนได้ครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:25:49 น.  

 
ยังไม่ได้ดูค่ะ บอกตรงๆว่าเสียดายตั้งแต่ตอนที่ได้ยินว่าใช้นักแสดงจีนเล่นเป็นคนญี่ปุ่น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เล่นได้หรือเล่นไม่ได้หรอกค่ะ

ได้ยินหลายคนพูดถึงเพลงประกอบ ยังไงต้องไปลองหามาฟังหน่อยแล้ว


โดย: SevenDaffodils วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:39:22 น.  

 
คิดว่า ประเด็นหลักก็คือ ผู้กำกับ ไม่เข้าใจ ความเป็นตะวันออก หนังเรื่องนี้จึงออกมาไม่ลุ่มลึก
ไม่รู้สึก ถึงความ "เย็นยะเยือก " เหมือนเราดูหนังญึ่ปุ่น ที่กำกับโดยคนญึ่ปุ่นเอง

เขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน ตอนพูดถึงหนังสือว่าด้วยสุนทรียศาสตร์แบบญึ่ปุ่น "เยินเงาสลัว "


โดย: grappa วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:6:51:31 น.  

 
เพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก วิเคราะห์วิจารณ์หนังได้ดีจังเลยค่ะ ไม่ชอบตอนจบเหมือนกัน น่าจะทำได้ดีกว่านี้


โดย: BeEsKy (ไม่ได้ล็อคอิน) IP: 70.225.185.175 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:26:54 น.  

 
ที่จีนห้ามฉาย ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ คงต้องรอดูดีวีดี ชอบที่คุณบรรยายมากๆเลย


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:10:37 น.  

 
รู้สึกขัดใจเล็กๆกับตอนจบของหนังเหมือนกันค่ะ มันเหมือนโหวงๆ สรุปหนังด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค แล้วมีบางตอนที่ไม่ค่อยเข้าใจ....


อ่อ คำถามมันจะสปอยล์ไปนิดๆนะคะ
.
.
.
.
ไม่เข้าใจว่าทำไมโนบุถึงไม่เข้าร่วมประมูลล่ะคะ เห็นมาเมฮาบอกนางเอกว่า มันไม่ใช่วิถีทางแบบของเขา....ฟังแล้วยังงงอยู่ดี


โดย: W i n t e r b e r r y IP: 203.155.135.100 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:40:53 น.  

 
คงไม่ดูเรื่องนี้ในโรงอะค่ะ หลังจากรวบรวมหลายๆ ความเห็นแล้ว


อาทิตย์นี้ถ้าว่าง

ว่าจะดู Prime กระสือวาเลนไทน์อะค่ะ

อ้ออาจจะ Munich ด้วย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:58:14 น.  

 
เห็นด้วยที่ว่า กงลี่แสดงเยี่ยมยอดจริงๆค่ะ
แต่ความเป็นเกอิชาในตัวนางเอกเนี่ย เราว่าอยู่ที่ดวงตาสีฟ้าของเค้า กับการแสดง และวาจาการพูดคมๆของเค้าอะไรเงี้ยค่ะ
อาจจะสัมผัสค่อนข้างยากเสียหน่อย แต่คิดว่า ความเป็นเกอิชาของจางซี่ยี่ กับ กงลี่ มันคนละมิติกันน่ะค่ะ

..
สรุปว่าชอบชิโย แหะๆ เด็กอะไร น่ารักเป็นบ้า


โดย: A MeloDy IP: 58.8.196.75 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:13:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ
รู้สึกว่าดูแล้วไม่อินว่ากำลังดูชีวิตเกอิชาญี่ปุ่น แม้ว่าองค์ประกอบเสื้อผ้าหน้าผม ฉากจะเหมือนมากแต่ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นอยู่ดี
เพราะ
1.บุคลิกตัวละครญี่ปุ่นในเรื่องนี้มีบุคลิกแบบคนอเมริกันคือกล้าเปิดความรู้สึกออกมาตรงๆ แสดงออกมาเห็นๆ ทั้งกิริยาท่าทางจนออกจะโฉ่งฉ่างเกินคนญี่ปุ่น โดยมองว่าวัฒนธรรมสไตล์ญี่ปุ่น คนค่อนข้างเก็บอารมณ์ความรู้สึกมาก บางครั้งรู้สึกรู้สึกรุนแรงมากๆแล้วยังอยู่ภายใต้ท่าทีนิ่งๆเฉยๆ หรือออกเป็นแนวเย็นเยียบ
จึงรู้สึกว่าcharacterไม่เนียน
2.บทหนังออกจะลอยๆเกินไป เหมือนคุณผมอยู่ข้างหลังคุณว่าคือ ขาดความลึกทำให้บทที่ตัวละครเล่นดูไม่มีมิติ อาจด้วยคนทำเป็นคนตะวันตกที่ยังขาดความเข้าใจความลึกในจิตใจคนเอเชีย(ว่าภายใต้ท่าทีที่แสดงออกน้อย จริงๆรู้สึกอยู่นะ เยอะด้วย)
3.นักแสดงหญิงหลัก 3 คนเป็นคนจีน ชนิดที่เห็นก็จำได้เลยว่ามาจากไหนเพราะดังมากๆๆๆๆ ดังนั้นจึงไม่อินว่าเป็นญี่ปุ่นไปได้(ถ้าหานักแสดงจีนไม่ดัง แต่เล่นดีอาจจะอินได้มากกว่า)
แต่ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเองดีที่สุด
- อยากดูเหมือนกันกับคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ คือในแบบฉบับคนญี่ปุ่นทำมากที่สุด คิดว่าคงเห็นแรงผลักดันในใจของตัวละครได้ลุ่มลึกและมีพลังกว่านี้
-การแสดงของนักแสดงทุกคนในเรื่องเล่นดี มองว่าดีเกินบทที่ได้รับด้วยซ้ำทำให้ตัวละครไม่แบนเกินไป
-ปกติรู้สึกว่าจางซิยี่น่ารัก แต่เรื่องนี้ออกจะดูจืดๆๆไปหน่อย ไม่รู้เกี่ยวกับตาสีฟ้าที่ไม่เข้าใบหน้าเธอหรือเปล่า เลยดูซีดๆชอบกล
-กงลี่เล่นได้ดี มีมิติ มีเสน่ห์ สง่าและเย้ายวนใจอย่างมากๆๆๆ
-เห็นด้วยกับคุณ A MeloDy ว่าเสน่ห์ของซายูริในแบบที่จางซิยี่เล่น อยู่ที่วาทะศิลป์ และการร่ายรำ
-บทมาเมฮะ ถ้าเป็นจางมั่นอี้ น่าจะดีกว่าในแง่มี sex appeal มากกว่า โดยมิเชล โหย่ว ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครได้ดี แต่ขาด sex appeal ที่เกอิชาชื่อดังพึงมี


โดย: เย็ชา IP: 202.28.181.9 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:31:39 น.  

 
มาจ่ายค่าบริการครับ
ผมคิดว่าหนังแทบไม่ได้ปูเนื้อเรื่องความรักของซายูริกับท่านประธานเลยครับ ว่ามาจากอะไร แค่เจอกันแล้วปิ๊งเลย ผมก็เลยเอ่อๆ นิดๆ กับตอนจบ แต่ที่แน่ๆ ชอบฮัตสึโมโมะ มากๆ ที่ทำให้หนังมีสีสัน และฟักทองที่แอบร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ และเห็นด้วยกับคุณผมอยู่ข้างหลังคุณครับว่าการกำกับศิลป์เยี่ยมมากจริงๆ


โดย: เข็มขัดสั้น IP: 202.183.190.14 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:20:44 น.  

 
คงจะไม่ได้ดูทั้ง Geisha กับ Prime แล้วล่ะค่ะ แต่ Munich คงจะไม่พลาดแน่ๆ


โดย: azzurrini วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:51:14 น.  

 
ขอแก้การสะกดชื่อของตัวละครที่คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" หลงรักนิดนึงค่ะ

ฮัตสึโมโมะ ที่ถูกต้องต้องสะกดแบบให้มีสระอึบน ส.เสือ หรือ ซ.โซ่ ค่ะ เพราะภาษาญี่ปุ่นเมื่อเขียนออกมาเป็นภาษาฝรั่งจะเขียนได้ดังนี้ค่ะ --> Hatsumomo

อย่างอื่นคิดตรงกันค่ะ หนังทำได้แย่ถึงแย่มาก ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ หนังยาวเกินไป ขาดความกระชับ และส่วนที่แย่ที่สุดคือ ความไม่สมจริงในการใช้ภาษา หากเป็นไปได้ดิฉันก็อยากจะเห็นหนังสือเล่มนี้สร้างเป็นหนังโดยทีมคนญี่ปุ่นและนักแสดงญี่ปุ่นทั้งหมด และอยากให้พูดภาษาญี่ปุ่นทั้งเรื่องด้วย

แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือ พวกองค์ประกอบศิลป์ทั้งหลาย และ Score ที่ John Williams ได้ทำขึ้นไว้ค่ะ

ปล. นักแสดงญี่ปุ่นที่ดิฉันชอบและแสดงได้เฉียบขาดทีสุดคือ "Momoi Kaori" คนนี้เป็นนักแสดงหญิงที่สวยมากของญี่ปุ่น ดิฉันชื่นชมเธอมานานแล้ว ตีบทแตกกระจุยทุกบทที่เธอเล่น ... ดีใจที่เห็นเธอขึ้นจอเงินฮอลลีวู้ดค่ะ


โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.169.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:05:54 น.  

 
ผมดูวันเดียวกับ Prime ซึ่งก็แน่นอนว่าชอบ Prime มากกว่า เพราะ Geisha นั้น เหตุผลต่างๆ คุณผมอยู่ข้างหลังคุณและเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ ข้างบนก็ได้วิเคราะห์วิจารณ์กันไปอย่างละเอียดลออหมดแล้ว เห็นด้วยกับหลายๆ ความเห็นที่ว่า
- กงลี่ ชอบมาก สวย ร้าย ได้ใจ
- ฟักทอง ชอบฉากเซอร์ไพรซ์ เพราะตอนแรกรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้น่าสงสารมาก เป็นลูกไล่ให้ชาวบ้านตลอด แสนดี โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ตอนที่เธอแปลงกายเป็น "หญิงงามเมือง" ไปแล้ว เลยไม่นึกว่าจะมีวินาทีที่เป็นของเธอเองด้วย
- ตอนจบ บทสรุปง่ายไปที่จบแบบนั้น


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:11:21 น.  

 
ผมว่า แค่องค์ประกอบศิลป์กับก่งลี่ ก็ทำให้ผมไม่รู้สึกเสียดายเงินที่ได้ไปดูเกอิชานะครับ

ส่วนตัวแล้ว ผมก็คิดเหมือนกับพี่ เพราะว่า ก่งลี่ เหมือนเกอิชามากที่สุดในเรื่อง (รวมถึงแม่ใหญ่ของโอกิย่าด้วย) ในขณะที่จางจื้ออี้กลับยังดูมีความเป็น "จีน" เกินไปที่จะเป็นเกอิชา ฉากเดียวที่ผมว่าเธอมีความเป็น "ญี่ปุ่น" คือฉากที่เธอร่ายรำบนเวที (สังเกตได้ว่า เป็นฉากเดียวที่เธอปล่อยผมดำยาวสยาย ในขณะที่ฉากอื่น เธอต้องเกล้าผมไว้บนหัวตลอด)

เรื่องนี้ ก่งลี่ สะกดผมอยู่จริงๆครับ ในขณะที่น่าเสียดายบท มาเมฮะ ที่จางมั่นอวี้ไม่ยอมมาเล่น เพราะเธอไม่อยากลดตัวมารับบทเกอิชา ไม่งั้นบทนี้จะน่าเชื่อถือมากกว่าตอนที่ให้มิเชลล์ โหยวมาเล่นเยอะมากเลย..

ว่าแต่พี่คิดเหมือนผมรึเปล่าครับ ว่าจางจื้ออี้กับก่งลี่มีบางมุมที่เหมือนกันจนน่าขนลุก ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของคนสร้างรึเปล่านะครับ


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:38:56 น.  

 
เข้ามาอ่าน เพราะยังไม่ได้ดู รอลงแผ่นดีก่า


โดย: โจเซฟิน วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:38:56 น.  

 
ไปดูมาแล้วค่า เลยเข้ามาอ่านและเข้ามาจ่ายค่าบริการด้วยค่ะ

ป.ล. ชิโยะตอนเด็กน่ารักมากๆๆๆ เลย


โดย: ลิปดา-พิลิปดา (ไม่ได้ล็อคอิน) IP: 161.200.130.218 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:4:41:59 น.  

 
เพิ่งดูมาวันนี้ โดยรวมแล้วรู้สึกแค่ ok แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก เพราะเกอิชา น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นสิ แต่ในหนังกลับมีแต่ดาราจีน แล้วหนังบางช่วงก็รู้สึกว่ามัน เข้าไม่ถึงอารมณ์ อึมครึม เรื่อยๆเฉื่อยๆ


โดย: gifu IP: 202.28.181.9 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:07:47 น.  

 
-ขอบคุณนะคะ แต่คงต้องรอดูแผ่น อยู่ในที่ที่มิมีโรงหนังค่ะ


โดย: nam IP: 58.147.28.7 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:37:12 น.  

 
จะไปดูเกอิชา แต่รอบเหลืออยู่แต่รอบดึก ไม่มีทางเลือกเลยกลายเป็น Broback Mountain แทน... ดูแล้วเกิดอาการคันปากเป็นอันมาก ไม่ทราบว่าดูแล้วรู้สึกยังไง ? มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันหน่อย..


โดย: ผ่านมา IP: 58.10.176.212 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:45:16 น.  

 
^
^
...Brokeback Mountain สำหรับผมให้ความรู้สึกเหมือนได้ดู Sideways ปีก่อน ในแง่ที่เป็นหนังเล่าเรื่องของคนไม่กี่คน หนังเล็กๆแต่คุมอารมณ์และความต่อเนื่องได้คงเส้นคงวา เป็นหนังที่อ่อนไหวและละเมียดละไม เชื่อว่าใครที่ได้ดูไม่ว่าจะเพศชายหรือหญิงหรือเพศที่สาม ก็ประทับใจกับมันได้ไม่ยากเย็นครับ กำลังจะเขียนถึงเร็วๆนี้ครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:15:44 น.  

 
จะแวะเข้ามาอ่านเรื่อง BrokeBack ค่ะ แต่บังเอิญได้อ่านเรื่อง Geisha เสียก่อน
เห็นด้วยในเรื่องของ การมองเห็นอนาคตของเด็กคนหนึ่งที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ จึงทำให้คนคนหนึ่งเผาผลาญ และพยายามขัดขวางอย่างที่สุด ไม่เว้นจนถึงบทสุดท้ายของเธอ

แม้จะไม่ให้รายละเอียดที่มากมาย แต่คงจะทำให้ใครๆ เข้าใจคำว่า Geisha ได้มากขึ้น

บทสรุปดูแปลกๆ ไป เพราะมองไม่เห็นความต่อเนื่องของความสัมพันธ์ของท่านประธานกับชิโยะ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นเรื่องนี้ค่ะ


โดย: mda IP: 203.159.12.16 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:56:37 น.  

 
กำลังหาโรงดูเกอิชาอยู่ ไม่รู้เหลือที่ไหนมั่งนะครับ ส่วน Brokeback จะรอให้เจ้าของบล็อกวิจารณ์ดูก่อน แล้วจะตามมาคอมเมนต์ ในส่วนตัวก็ชอบในบรรยากาศและสไตล์นะ แต่ในฐานะที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว อยากจะบอกว่า..ขาดความอะไรไปบางอย่าง..โดยเฉพาะ ความสมจริง..


โดย: ผ่านมา IP: 61.90.121.223 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:02:04 น.  

 
ได้ดูมาแล้วหลังจากเหลือเพียงรอบเดียว ก็ดีใจได้ดู เพราะ Production Value ถือว่าอลังการงานสร้างอย่างที่ว่า มันเป็นหนังสูตรสำเร็จฮอลลีวู้ดอีกรูปแบบหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ประณีตในงานถ่ายทำในแต่ละช็อทอย่างชนิดโชว์ฝีมือการจัดแสงและมุมกล้อง ด้วยการทำการบ้านมาอย่างดีเยี่ยม องค์ประกอบของ Production design ราวกับได้ดูมิวสิคัลตระการตา(อย่างที่ร็อบ มาแชลล์เคยกำกับชิคาโก) อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งวิธีเล่าก็ไม่ต่างกันเท่าไร เต็มไปด้วยสีสัน เป็นจังหวะจะโคนราวกับดนตรี (ต้องชมว่าดนตรีประกอบเด่นมาก และได้อารมณ์ญี่ปุ่นผสมสากลอย่างกลมกลืนไม่เลวทีเดียว) และให้พล็อตนำคาแรคเตอร์ตามสไตล์อเมริกันแท้ ก็ไม่แปลกใจที่คุณเจ้าของบล็อกถึงไม่ปลื้มในการเขียนบทที่ไม่สามารถขุดลึกไปถึงก้นบึ้งของกิเลสมนุษย์ เพราะจังหวะของเรื่องให้ไปกับ Situation ที่จะเกิดขึ้นเสียส่วนใหญ่

ค่อนข้างเห็นด้วยกับช่วงต้นของเรื่องที่ดูน่าสนใจชวนติดตามกว่า และตอนจบที่เบลอร์ๆ เหมือนอยากจะทิ้งท้ายให้คนดูคิดต่อ (แต่ปรากฎว่าดูจบกลับลืมๆ ไปเฉยซะงั้น) แต่ในฐานะเคยทำหนังมาก่อนก็นึกชมทีมงานที่สามารถถ่ายทำงานที่ซับซ้อนแบบนี้ได้ประณีตสวยงามเกินคาด เสียดายแต่ความเป็นตะวันออกแบบพูดฝรั่งฟังยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี


โดย: ผ่านมา IP: 61.90.121.155 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:02:33 น.  

 
เพิ่งได้ดูแผ่นค่ะ สนุกดี
รู้สึกว่าเป็นหนังฝรั่งเล่าเรื่องญี่ปุ่น
ไม่รู้สึกว่าเป็นหนังตะวันออกเลย
ไม่ได้ผิดหวังอะไร เพราะไม่ได้คาดหวัง
ชอบประโยคบรรยายเกี่ยวกับสายน้ำ..
ชอบกงลี่เหมือนกันค่ะ
และ
ไม่ชอบตอนจบที่มันง่ายจัง



โดย: mononoke IP: 124.120.83.229 วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:36:10 น.  

 
สุดยอดค่ะ


โดย: ProJEcTEarTH IP: 203.151.38.48 วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:25:44 น.  

 
หนูชอบเรื่องนี้นะ

การใช้ สถานที่ ภาพ มันให้ความรุ้สึกที่สื่อได้ชัดว่าตรงการอะไรดี


โดย: มิน้ IP: 192.168.0.21, 124.121.144.14 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:21:57:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
9 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.