The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
ข้อมูล:หนังมีความยาว 149 นาที / กำกับโดย Ron Howard / หนังได้รับเรท PG-13 / ใน IMDB.com ให้คะแนนเรื่องนี้ 6.2/10 ส่วนใน //www.rottentomatoes.com ให้เรื่องนี้ Rotten ด้วยคะแนน 19%
Spoiler alert : บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาเรื่องราวและตอนจบของหนัง
...ชื่อ แดน บราวน์ ดังเป็นจุดพลุเมื่อผลงานของ The Da Vinci Code ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าและกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่มีข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน เพราะการก้าวเข้าไปพลิกเนื้อหาประวัติของศาสนาที่มีมาช้านานโดยอาศัยจินตนาการของเขา มันเท่ากับการถอนรากความจริงและความเชื่อที่ฝังลึกในใจคนมาหลายชั่วคน เพราะอะไรทั้งที่เป็นแค่นิยาย แต่แดน บราวน์กลับทำให้ทั่วโลกสั่นสะเทือนได้ถึงเพียงนี้ ?
ผมเองนั้นได้อ่านผลงานทั้ง 4 เรื่องของเขาครบแล้ว นับตั้งแต่เล่มแรกที่พูดถึงการโกหกหลอกลวงในวงการถอดรหัสดิจิตอล Digital Fortress , การต่อสู้ของสองฟากฝั่งแห่งความเชื่อ + เรื่องราวของสัญลักษณ์ Illuminati ใน Angels and Demons และ การลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่ของนาซ่าใน Deception Point มาจนถึงเล่มล่าสุดนั่นก็คือ The Da Vinci Code ความรู้สึกร่วมจากการอ่านนิยายของเขาทั้งสี่เล่มคือ อ่านสนุกไม่อยากวาง อ่านแล้วเหมือนดูหนังเพราะการบรรยายตัดรวดเร็วไปมาสลับฉากเหมือนในหนัง แต่พออ่านจบแล้วก็จบกัน แม้เวลาจะผ่านไปแล้วก็ไม่รู้สึกอยากอ่านซ้ำแต่อย่างใด ผมชอบเนื้อหาทั้งหลายในนิยายของแดน บราวน์แต่ไม่ชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้
สำหรับผม Digital Fortress เป็นเล่มที่อ่านแล้วสนุกน้อยที่สุด คงเพราะมันเป็นผลงานเรื่องแรกของแดน บราวน์ ตัวโครงเรื่องนั้นค่อนข้างหลวมและง่ายต่อการคาดเดา อ่านแล้วยังไม่รู้สึกน่าเชื่อถือหรือคล้อยตาม ส่วน Deception Point เป็นเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบไป เป็นเล่มที่รู้สึกว่าพอจะฉีกตัวเองออกมาจากสามเล่มที่เหลือได้บ้าง อ่านแล้วเห็นภาพตามชวนให้เชื่อถือ แต่มันก็ไม่ใช่นิยายที่จับเอาทฤษฎียำผสมความจริง+ความเชื่อ เหมือนสองเล่มชื่อดังอย่าง Angels and Demons และ The Davinci code
สองเรื่องนี้เป็นเหมือนพี่น้องที่ถอดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ชนิดที่ว่าใครอ่าน The Davinci code ก่อน ต้องคิดว่า Angels and Demons ลอกกันมา ทั้งที่ความจริงแล้ว Angels and Demons เป็นผลงานลำดับที่ 2 ของ แดน บราวน์ แต่เพิ่งแปลเป็นไทยทีหลัง ส่วน The Davinci code เป็นผลงานลำดับสุดท้าย มันจึงเป็นงานที่อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่ากระชับลงตัวมากที่สุด ผ่านการขัดเกลาเป็นอย่างดี แม้ตัวพล็อตของมันจะเข้มข้นน้อยกว่า มันเหมือนการแอบขโมยวิธีการเล่าเรื่องของ Angels and Demons แล้วมาทำการตัดต่อพันธุกรรมเนื้อหาข้างในใหม่ (จาก การต่อสู้ระหว่างฝ่ายศาสนากับวิทยาศาสตร์ มาเป็นการต่อสู้ของศาสนากับศาสนา) เป็นนิยายที่ออกมากระชับฉับไวและเต็มไปด้วยความคิดของคนเขียนที่เจือปนไปในความจริงอย่างน่าเชื่อถือ
...ความสามารถยำผสม ความจริง กับ จินตนาการ คือความสามารถที่โดดเด่นในงานของ แดนบราวน์ เขาเป็นนักเขียนที่มีความสามารถในการยำข้อมูลได้เก่ง อีกทั้งเขาเองก็เป็นนักเขียนที่ฉลาดในการเลือกค้นหาข้อมูลเพื่อมาต่อยอดความคิดของตัวเอง จนงานของเขากลายเป็นเนื้อเดียวกัน ชนิดที่คนไม่รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงใดๆเลย คงแยกไม่ได้ว่า อะไรคือเรื่องจริง และ อะไรคือเรื่องแต่ง นั่นทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกตามจินตนาการทฤษฎีสมคบคิด( conspiracy theory )มากยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงมันจะมี ความจริงเป็นมูล ชวนให้เชื่อถืออยู่ก่อนแล้ว การท้าทายความเชื่อและค้นพบความลับที่ถูกปิดบัง ย่อมเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่รู้สึกสนุกตื่นเต้นตามไปด้วย
แต่หากจะพูดถึงจุดอ่อนของ แดน บราวน์ ก็คงจะอยู่ตรง งานเขียนทุกชิ้นที่ผ่านมาเหมือนการเดินตามรอยเท้าเดิมๆ ชนิดที่บอกได้เลยว่า หากใครอ่านนิยายของ แดน บราวน์ แค่เล่มเดียว ก็ไม่ยากเลยที่จะทำนายรูปแบบการดำเนินเรื่องตั้งแต่เปิดหน้าแรก(เช่น เดาได้เลยว่าต้องเปิดตัวด้วยการตายของตัวละคร และ ตาคนนี้จะมีส่วนสำคัญต่อเหตุการณ์) และ เดาตัวร้ายของสามเล่มที่เหลือได้ ซึ่งนั่นบ่งบอกว่า แดน บราวน์ เองมีจุดอ่อนในการสลัดกรอบความคิดที่ใช้เล่าเรื่องของตัวเอง
The Da Vinci Code เป็น นิยายที่ใช้ทฤษฎีสมคบคิดของแดนบราวน์แล้วได้รับการกล่าวขวัญขึ้นกันมาก เพราะไม่เพียงความสามารถในการเล่าเรื่อง ผูกปมอย่างสนุกสนาน มันยังท้าทายและสั่นคลอนความเชื่อของมนุษยชาติที่มีมาเป็นพันปี
การตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy grail) นั้น ถูกสร้างต่อๆออกมาหลายเรื่องหลายรูปแบบมาแล้ว เช่น The fisher king , Indiana Jones and the Last Crusade ฯลฯ เดิมมันถูกสร้างด้วยความเชื่อที่ว่า จอกนี้ใครได้ครอบครองจะมีชีวิตอมตะหรือครองโลก แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะท้าทายความคิดเท่าครั้งนี้ เมื่อทฤษฎีใหม่ของ แดน บราวน์ ผูกโยงมาว่า จอกศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เป็นแค่ จอก แต่ จอกศักดิ์สิทธิ์ คือ สัญลักษณ์แทนเลือดเนื้อเชื้อไขของพระเยซู
...และ นั่นคือจุดเริ่มต้นของสมมติฐานแดน บราวน์ว่า พระเยซูเป็นแค่ชายธรรมดาและมีลูกกับภรรยาชื่อ Mary Magdalene หญิงสาวที่เดิมเชื่อว่าเป็นแค่โสเภณีแต่แท้จริงเธอเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ เธอเป็นว่าที่ทายาทสืบต่อดูแลคริสตจักรต่อจากพระเยซู ด้วยเหตุนี้ฝ่ายศาสนจักรส่วนหนึ่ง (Opus Dei)จึงต้องการค้นหาและทำลายหลักฐานการมีตัวตนของ จอกศักดิ์สิทธิ์หรือทายาทผู้สืบทอด ซึ่งเชื่อกันว่า ถูกปกป้องโดย The Priory of Sion มาหลายชั่วคน เหตุที่พวกศาสนจักรต้องหา จอก และ หาหลุมฝังศพของ Mary Magdalene เพราะพวกเขากลัวว่า หากความจริงเปิดเผย ทายาทผู้นั้นจะเข้ามายึดครองและทำลายศาสนจักรเดิม
ด้วยสมมติฐานข้างต้น เราจึงได้เห็นการนำความจริงต่างๆ มายำใหญ่ใส่สารพัดอย่างสนุกสนาน อาทิเช่น จากความจริงที่มีอยู่เพียงแค่ว่า Priory of Sion และ Leonardo da Vinci ทั้งคู่อยู่จริง แดน บราวน์ ก็โยงใยไปว่า Leonardo da Vinci เป็นหนึ่งในอดีตผู้นำของ The Priory of Sion ผู้ซึ่งสอดใส่แนวความคิดต่อต้านศาสนาไว้ในงานของตัวเอง ดูได้จากภาพวาด The Last supper ที่ แดน บราวน์ ใส่สมมติฐานตัวเองเข้าไปอีกผ่านแนวคิดที่ให้สังเกตว่า สาวกคนขวามือของพระเยซูคือ Mary Magdalene เพราะการเว้นที่ว่างระหว่างสาวกคนนี้กับพระเยซูเป็นรูปตัว V และ V = สัญลักษณ์เพศหญิง + เป็นรูปจอก อีกทั้งสาวกคนนี้ยังมีสีเสื้อที่ Leonardo da Vinci จงใจวาดสลับกันกับพระเยซู
เพียงทฤษฎีข้างต้นเราอาจจะเคลิ้มคล้อยตามอย่างตาไม่กระพริบ หากเราไม่ได้รู้ความจริงว่า Leonardo da Vinci ตายก่อนหลายสิบปีก่อนที่ The Priory of Sion จะสถาปนาขึ้นมา
..... เราจะพบวิธีการคิดเหล่านี้อยู่ในหนังเต็มไปหมด ที่แดน บราวน์คิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มสมมติฐานของตัวเอง ซึ่งมันก็สร้างความสนุกสนานให้กับคนอ่านตลอดเวลา ในการถอดรหัสที่ แดน บราวน์ เป็นคนผูกไว้ ไม่ว่าจะจริงหรือลวงก็ตาม แต่ น่าเสียดาย ที่ความสนุกจากการถอดนั้นลดลงเมื่อมันอยู่บนจอใหญ่
...ขอสารภาพว่าเมื่อรู้ว่าหนังถูกนำมาสร้างโดย Ron Howard เขาไม่ทำให้ผมเชื่อมือเขาเท่าไรนัก สังเกตได้ว่า แม้หลายงานของเขาจะดีเพียงใด แต่เขาก็อยู่ในกลุ่มผู้กำกับที่ผมรู้สึกว่า เขามักจะระมัดระวังตัวตลอดเวลาในการนำเสนอ หรือเรียกได้ว่า play safe งานของเขาไม่ค่อยจะกล้าที่จะฉีกหนีตลาดออกไป ทำให้ทุกงานออกมาเป็นงานที่กลมกล่อมกลางๆไม่ดีมากมายไม่ร้ายเหลือรับ ในขณะที่ผู้รับผิดชอบด้านการแปลตัวหนังสือมาเป็นบทภาพยนตร์คือ Akiva Goldsman ทั้งสองคน นำพา รหัส จากหนังสือ มาสู่ รหัสบนจอ ได้ชนิดที่เรียกว่า เก็บทุกกระบวนความภายในเวลา 149 นาที ได้อย่างไม่เยิ่นเย้อ ไม่รวบรัดจนเกินไป ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงต้องให้เครดิตกับหนังสือไว้ด้วย เพราะคนที่ได้อ่านก็คงจำได้อยู่แล้วว่า นิยายของ แดน บราวน์ ใช้วิธีบรรยายเรื่องชนิดฉากต่อฉากเหมือนดูหนังในหนังสือไม่มีผิด
การถอดความจากหนังสือมาสู่แผ่นฟิล์มนั้น The Da Vinci code ตกอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Harry potter ภาคแรก (แต่ก็ยังสนุกกว่า) นั่นคือ เดินตามรอยหนังสือแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว มันไม่ได้มีอะไรต่างไปจากหนังสือเลย จริงอยู่การตัดต่อย่อความทั้งหลายภายใต้เวลาจำกัดหนังทำออกมาได้ดี แต่ หนังก็ไม่ได้ให้อะไรที่มากไปกว่าหนังสือเลย
...ดังนั้น หากจะพูดคุยกันเรื่องความชอบของหนังเรื่องนี้ อาจต้องแบ่งคนดูออกเป็นสองกลุ่มนั่นคือ
1. ถ้าคุณตีตั๋วมาถอด แบบไม่รู้เรื่องราวมาก่อน ไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ เชื่อได้เลยว่า มีโอกาสงงกับตัวหนังเป็นอย่างยิ่ง คนดูจำเป็นต้องจดจำความหมายของชื่อที่พูดถึงในตอนต้นไว้ให้ดี มิฉะนั้นอาจอึ้งกิมกี่ ชนิดที่ว่าดูไปงงไปว่า ตามหาจอก แล้วจะถอด(รหัส)กันทำไมให้วุ่นวาย แต่ สำหรับคนที่ตามเนื้อหาทันจะพบว่า มันสนุกเพลิดเพลินทีเดียว กับหนังที่มีปมเงื่อนให้เลาะทีละปม ควบคู่ไปกับการค้นพบความจริง(ที่ถูกแต่งขึ้น)ใหม่ๆซึ่งท้าทายความรู้เก่าๆที่เคยมี หนังแนวนี้มีให้ดูกันไม่บ่อยนัก เรื่องล่าสุดที่ทำออกมาได้ความบันเทิงเต็มเปี่ยม (และผมคิดว่าสนุกกว่า The Da Vinci Code เสียอีก) ก็คือ National Treasure
2. สำหรับผมในฐานะคนอ่านหนังสือมาก่อน ความแตกต่างที่สัมผัสได้ชัดเจนเมื่อมาเป็นหนัง คือ ความทึ่งของเรื่องราวลดน้อยถอยลงไปมาก ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรายละเอียดเอามาใส่ในหนังได้ครบเพราะมีเวลาจำกัด แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ตัดทิ้งไป เช่น วิธีการปกป้องความลับของเหล่าเซเนโซซ์ทั้งสี่คน , มูลเหตุความตายของครอบครัวโซฟี , แรงจูงใจของ Sir Leigh Teabing ฯลฯ รายละเอียดเหล่านี้ทำให้เราทึ่งกับกระบวนการต่อสู้ของแต่ละฝ่าย
จริงอยู่ส่วนหนึ่งที่สนุกน้อยลงเป็นเพราะรู้เรื่องมาก่อนแล้ว รู้ว่าใครคือตัวร้าย แต่ ตัวบทหนังเองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า สามารถสร้างความแตกต่างที่ดีออกมาได้ ไม่จำเป็นเลยที่คนอ่านหนังสือมาก่อนแล้วจะรู้สึกสนุกกับหนังน้อยลงเสมอไป ตัวอย่างที่ดีอาทิเช่น The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events แสดงให้เห็นว่า หนังสามารถดัดแปลงโดยยังคงเค้าโครงเนื้อหาเดิมได้และใช้ความเป็นหนังเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไปจากหนังสือ โชว์กึ๋นของผู้กำกับให้เห็นออกมา
นอกจากการถอดความแบบทุกกระเบียดนิ้วแล้ว ผมยังมีความรู้สึกเหมือนกับว่า Ron Howard ค่อนข้างเกร็งกับงานชิ้นนี้ หนังเดินเรื่องไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นรัดกุมแต่แข็งๆ ไม่มีชีวิตชีวา ยิ่งผมได้อ่านหนังสือมาก่อนแล้วยิ่งรู้สึกว่าช่วงแรกของหนังที่เน้นปมปริศนาตื่นเต้น ตกใจ หรือ การตายใน แกรนด์แกเลอรี่ นั้นออกมาดูธรรมดาสามัญเหมือนหนังทริลเลอร์ทั่วๆไป
...นอกจากนี้ ความฉลาดเฉลียวในการถอดรหัสเมื่อมาอยู่ในหนังมันดูตื้นๆง่ายๆเหลือเกิน บทของหนังให้ความสำคัญกับจุดนี้น้อยลง ให้เวลากับความหมายของรหัสน้อยชนิดคนดูไม่ทันขบคิดตัวละครก็คิดเสร็จแล้วเปลี่ยนฉากแล้ว หนังไม่โชว์ให้เห็นว่าตัวเอกนั้นมีความสามารถในการถอดอย่างไร ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะ ผมเองไม่เชื่อถือ Tom Hanks ในบทศาสตราจารย์ด้านศาสนวิทยาสัญลักษณ์ แม้เขาจะเล่นได้ดีเพียงใด ผมก็ยังรู้สึกว่านี่ไม่ใช่บทที่เหมาะสำหรับเขาอยู่ดี ในเรื่องนี้มีนักแสดงเพียงสองคนที่ผมรู้สึกเห็นภาพเหมือนกับที่จินตนาการไว้ตอนอ่านหนังสือนั่นคือ Ian McKellen และ Bezu Fache ที่รับบทโดย Jean Reno (รายนี้ได้ข้อมูลมาว่า แดน บราวน์ คิดถึงตัวเขาตั้งแต่สร้างคาแรกเตอร์นี้ในนิยาย) Audrey Tautou เล่นเข้ากับบทได้ดีกว่าที่คาด เสียตรงที่ว่า ผมเองมีภาพของโซฟี มาโซตอนสาวๆในบทนี้มาอยู่ในหัวตลอดเวลา ส่วน Paul Bettany ในบท Silas ก็ให้การแสดงไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่หวัง ...งานด้านภาพในหนังเรื่องนี้ หลายฉากหลายเรื่องราวในหนังทำออกมาได้ดูหนักแน่นและดูน่าเชื่อถือ การแปรตัวหนังสือมาเป็นภาพใช้เทคนิคของความเป็นภาพยนตร์ได้คุ้มค่า เช่น การมองแล้วคิดเห็นเป็นรหัสของพระเอก , ฉากที่เป็นช่วงเวลาย้อนยุคไปในอดีตหลายพันปีก่อน , การนำภาพอดีตมาซ้อนทับกับปัจจุบัน หรือจะเป็นลูกเล่นในช่วงที่ Sir Leigh Teabing อธิบายความเป็นมาของสมมติฐานต่างๆ ดูน่าตื่นตาไม่ใช่เล่น จะมีน่าผิดหวังอยู่จุดหนึ่งก็ตรงที่ หนังไม่สามารถถ่ายสถานที่ในหนังให้เห็นภาพได้ขลังเท่าจินตนาการตอนอ่านหนังสือ หนังใช้ประโยชน์จากตัวสถานที่ได้ไม่คุ้มค่า
...แม้ตัวหนังจะทำให้ผมผิดหวัง แต่ 10 นาทีสุดท้ายที่หนังวิ่งไล่กันจนเหนื่อยแล้วพูดถึง ความศรัทธา กลับเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบมากที่สุด
Robert Langdon บอกเราตั้งแต่แรกแล้วมาบอกอีกทีตอนท้ายนี้ว่า ให้ระวังในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เพราะเราจะเชื่อสิ่งใดนั้นบางทีไม่ได้เชื่อเพราะตาเห็นแต่เป็นเพราะใจคิด มนุษย์เรานั้นหากปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ความเชื่อถูกปลูกไว้ในใจ เมื่อมันเติบโตหยั่งรากลึกในใจเราจนกลืนกินตัวเราไป มันส่งผลให้ เราไม่ได้แปลความจริงตามสิ่งที่เป็นอยู่แต่แปลความอย่างที่ใจเชื่อ
เช่นเดียวกับ ตัวละครฝ่ายตัวร้ายหลายๆตัวในนิยายของ แดน บราวน์ ที่มักจะติดกับดักความเชื่อในใจตัวเองที่สร้างขึ้นมา ความคิดที่ว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อคือความถูกต้อง จนพาลพาให้พวกเขาทำสิ่งที่ชั่วร้าย และ กลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่ต้องใช้ชีวิตไปกับ ศรัทธาที่บิดเบือน ไม่ว่าจะเป็น
Silas ... อุทิศร่างกายและจิตวิญญาณรับใช้ ท่านอาจารย์ ด้วยศรัทธาที่เชื่อว่าการกระทำของเขา เป็นการกระทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้า
Bishop Aringarosa ... เพียงเพื่อรักษาศาสนจักร เขายอมทำทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่การฆ่าคน ด้วยศรัทธาที่เชื่อว่า ตัวเองทำเพื่อปกป้องศาสนาที่ตัวเองศรัทธา
Bezu Fache ... ยอมทำทุกวิถีทางแม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งผิดก็เพื่อจับตัว Robert Langdon เพียงเพราะคำบอกของผู้นำศาสนาที่เขานับถือ
Sir Leigh Teabing ... จมดิ่งไปกับความเชื่อที่ตัวเองหลวมตัวศรัทธาอย่างงมงาย เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ความจริงที่เขาคิดเปิดเผยออกมา โดยไม่คำนึงว่ามันคือความจริงหรือเป็นเพียงความเชื่อของเขาเอง
....ทุกฝ่ายล้วนทุ่มเทกายใจอย่างสุดกำลังเพราะเชื่อว่า สิ่งที่พวกเขาศรัทธา คือความดี ก่อนที่สุดท้ายบางคนจะพบว่า สิ่งที่ทุ่มเทไปมันหาใช่ ความดีที่ตัวเองศรัทธา มันคือ ศรัทธาที่บิดเบือน บางคนต้องเจ็บปวดกับการถูกทรยศบางคนต้องตายจากไปโดยยังไม่อาจเชื่อว่าศรัทธาของตัวเองอุทิศให้กับความชั่วร้ายหาใช่พระเจ้าที่นับถือ ในขณะที่บางคนแม้มีชีวิตอยู่ต่อแต่ก็ยังหลงอยู่กับความเชื่อเหมือนกับบัวที่ไม่มีโอกาสได้โผล่มาพ้นผืนน้ำ แม้วันสุดท้ายของชีวิต
เราศรัทธากันไปเพื่ออะไร ทำไมบางคนเชื่อมั่นในบางสิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา ?
หลายๆครั้งที่เราพบว่า คนรอบตัวเรา มุ่งหลงไปกับความเชื่อ มุ่งหลงไปกับสิ่งที่ตัวเองศรัทธา จนกลายเป็นว่า ชีวิตเรา = ความเชื่อนั้น เราอุทิศชีวิตให้กับความเชื่อ ไม่ได้เผื่อไว้ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง จนหลายๆครั้งที่เราไม่เข้าใจว่า ทำไมคนรอบข้างเราไม่เข้าใจ เวลาเราทุ่มเทขายบ้านขายที่เพื่อบริจาคเงินทำความดีแบบสะสมทรัพย์ด้วยความเข้าใจว่าทำเช่นนี้แล้วความดีจะพอกพูน , เราไม่เข้าใจเมื่อเห็น บางคนเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อทำลายชีวิตคนอื่นเพราะเชื่อว่าเป็นคำสอนของศาสนาตัวเอง , เพื่อนบางคนเวลาพูดคุย ไม่เคยคุยกับเราได้รู้เรื่องเพราะเขาคุยแต่เรื่องสินค้าของตัวเองราวกับว่ามันเป็นเรื่องราวชีวิตของเขา ฯลฯ ความเชื่อและศรัทธาเหล่านั้นมันหลอมตัวตนของคนให้สูญสลายไป และ จะน่ากลัวเพียงใดหากศรัทธานั้นมันไม่ใช่ ความดี ที่วาดฝัน
ประโยคเปรียบเปรย "ศรัทธา" ที่นำพาความเชื่อมั่นในการมีชีวิตอยู่ต่อที่ Robert Langdon เปรยขึ้นมาตอนท้าย บ่งบอก ความหมายของศรัทธา ว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับอำนาจอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์คาถาที่บันดาลให้คนอัศจรรย์ใจ มันไม่ได้สำคัญว่าเราจะเชื่อถือนิกายนี้หรือนิกายนั้นแล้วมันจะดีกว่ากัน ความศรัทธาไม่ได้มีเพื่อให้มนุษย์แก่งแย่งกันเก็บสะสม ศรัทธาที่บริสุทธิ์แท้จริง ย่อมเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ ก่อเกิดให้คนมีความหวัง มีความรักมีเมตตาให้แก่กัน
สิ่งที่ชอบ
1.ช่วง 10 นาทีท้าย ... หนังทั้งเรื่องไม่มีอะไรที่ผมรู้สึกแปลกแตกต่างจากอ่านหนังสือ แต่ฉากเฉลยตอนท้ายหลังจาก Sir Leigh Teabing ถูกจับ ที่ร่ำๆว่าจะโดนตัดออก นอกจากจะเป็นการคลายปมอาการกลัวที่แคบของพระเอกที่ขมวดไว้ตอนต้นแล้ว(ซึ่งตอนแรกก็งงๆว่าจะมีไว้เพื่ออะไร) ยังเป็นการให้ความหมายของคำว่า ศรัทธา ว่าเป็นเช่นไรได้เป็นอย่างดี บรรยากาศช่วงเฉลยตัวตนและการเปิดเผยตัวสมาชิกของ Priory of Sion ทำออกมาได้ดูขลังดี
2. Ian McKellen .... เล่นเป็นคนดีมีอารมณ์ขันตอนแรกๆได้เนียนมาก ครั้นเมื่อต้องเฉลยว่าเป็นคนร้ายที่ลุ่มหลงในความเชื่อผิดๆจนเหมือนคนเสียสติตอนท้าย ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน
3.ฉากถอด(รหัส)โดย Sir Leigh Teabing... ช่วงเวลาก่อนที่ทุกคนกำลังจะหนีออกจากบ้าน แล้ว ท่านเซอร์อธิบายความเชื่อตัวเอง เกี่ยวกับ ปูมหลังความลับของคริสตจักร หรือการถอดรหัส ภาพThe Last supper เป็นช่วงที่หนังใช้เทคนิคภาพยนตร์เล่นถอดรหัสได้อย่างสนุกสนาน แถม ยังทำให้ความเชื่อที่สร้างขึ้นมามันดูน่าเชื่อถือภายใต้เวลาอันจำกัด
สิ่งทีไม่ชอบ
1.การดัดแปลง ... ส่วนที่ชอบของบทก็คือการตัดออกมาได้กระชับเหมาะเจาะ แต่ส่วนที่ไม่ชอบคือการขาดความกล้าที่จะดัดแปลง ช่วงแรกของหนังแรกๆก็ยังตื่นเต้นอยู่ตรงได้เห็นภาพที่เราอ่านจากอักษรมาเป็นภาพจริง แต่พอเล่าเรื่องไปเรื่อยๆมันก็เริ่มเรื่อยๆจริงๆ ไม่มีความน่าตื่นเต้นใดๆ การไขปริศนาก็ไม่ชวนให้ติดตาม สำหรับคนรู้เรื่องแล้วอย่างผมจึงได้แต่เคลิ้มๆไปเรื่อยๆไม่ถึงกับหลับ รอดูแค่ว่า ตัวหนังสือที่เราอ่านจะเปลี่ยนมาเป็นภาพอย่างไรต่อเท่านั้นเอง
2.ถอดรหัส ... การถอดรหัสในเรื่องมันง่ายและดูเหมือนเล่นกล มันไม่ให้ความรู้สึกทึ่งเหมือนตอนที่อ่านหนังสือ
3.สถานที่ ... ไม่รู้เป็นยังไง แต่ตอนอ่านหนังสือแม้ผมจะไม่เห็นภาพสถานที่จริงผมก็ยังรู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้ ครั้นได้มาค้นดูรูปในอินเตอร์เน็ต หลายสถานที่ก็ยังดูขลัง แต่พอมาอยู่ในหนัง สถานที่ทั้งหลายถ่ายทำออกมาเลือกมุมเลือกตำแหน่งที่ถ่ายได้ไม่สมกับที่คนอ่านวาดหวังไว้เลย ไม่ว่าจะเป็น ตัวพิพิธภัณฑ์ Louvre , ภายในแกรนด์ แกเลอรี่ , โบสถ์เทมเปิ้ล ฯลฯ สรุป ... สำหรับคนไม่เคยรู้เรื่องไม่เคยอ่านหนังสือ ดูแล้วตามทัน > สนุก เป็นแอคชั่นธริลเลอร์ที่ดี , ดูแล้วตามไม่ทัน > งง แล้วจะสนุกตอนมาอ่านอีกที , สำหรับคนอ่านแล้ว(อย่างผม) ค่อนไปทางผิดหวัง ยอมรับว่าหนังทำได้ดีพอสมควร แต่มันไม่มีอะไรที่แสดงความสร้างสรรค์ออกมา มันไม่ถึงกับน่าเบื่อ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ดูได้เรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะสนุก แต่เหมือนรอดูฉากที่อ่านในหนังสือให้โผล่มาบนจอ มีอืดๆง่วงๆบ้างช่วงแรกๆ พอหนังจบแล้วก็แล้วกันไป
ป.ล. หนังจะตัดอะไรก็ตัดไป แต่ส่วนที่ผมเสียดายมากที่สุดที่ถูกตัดหายไป คือ นาฬิกามิคกี้เมาส์
ป.ล.2 ... ยังอาสาเป็นหน้าม้ามาเชียร์ต่อ หนังยังไม่ออกจากโรง >> Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย หรือ แวะเวียนมาพูดคุยถาม-ตอบนอกเหนือบทความนี้ คลิกไปคุยกัน --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 21 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2549 1:01:39 น. |
|
43 comments
|
Counter : 12702 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Susie วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:57:06 น. |
|
|
|
โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:54:45 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 203.113.16.250 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:10:29 น. |
|
|
|
โดย: จั่น* IP: 58.8.71.92 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:34:35 น. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:02:59 น. |
|
|
|
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:46:56 น. |
|
|
|
โดย: tong IP: 202.28.181.10 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:36:00 น. |
|
|
|
โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 203.144.196.34 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:08:53 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:47:48 น. |
|
|
|
โดย: zixzent IP: 203.113.16.250 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:03:37 น. |
|
|
|
โดย: เวรกรรม IP: 193.48.219.8 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:28:03 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:46:25 น. |
|
|
|
โดย: เฟ-ริส IP: 125.25.12.17 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:05:26 น. |
|
|
|
โดย: โทโมะ` ฮิโร IP: 58.8.71.146 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:26:35 น. |
|
|
|
โดย: FeEziLLa IP: 65.96.162.62 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:10:11 น. |
|
|
|
โดย: davin sir IP: 203.154.97.196 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:55:11 น. |
|
|
|
โดย: โกโต้ เคนสุเกะ IP: 125.24.83.27 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:32:30 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไล่ฝน IP: 203.155.135.100 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:17:03 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:47:08 น. |
|
|
|
โดย: choc ,มิ้น IP: 58.8.9.65 วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:09:24 น. |
|
|
|
โดย: aorengja IP: 203.107.204.221 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:44:44 น. |
|
|
|
โดย: Elrond วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:08:06 น. |
|
|
|
โดย: Keep the Faith IP: 202.28.181.9 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:38:39 น. |
|
|
|
โดย: Lily of the Valley IP: 203.151.137.74 วันที่: 26 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:06:40 น. |
|
|
|
โดย: degpor6 IP: 125.24.98.142 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:04:04 น. |
|
|
|
โดย: Life's like that IP: 58.64.82.209 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:45:00 น. |
|
|
|
โดย: เคียงจันทร์ IP: 61.19.47.117 วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:46:25 น. |
|
|
|
โดย: +-[มิโช่น้อยๆ]-+ (Cecile_FCB ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:42:50 น. |
|
|
|
โดย: praewjang IP: 202.28.181.9 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:13:46 น. |
|
|
|
โดย: อมิตา พัชรภา ผลดี IP: 70.157.205.21 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:10:55:32 น. |
|
|
|
โดย: คนที่คุณอาจรู้ว่าใคร IP: 210.1.33.130 วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:21:24:39 น. |
|
|
|
โดย: Keep the Faith IP: 58.9.157.8 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:22:51:25 น. |
|
|
|
โดย: GB IP: 58.9.46.153 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:22:39:17 น. |
|
|
|
โดย: snowbell IP: 58.136.73.115 วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:3:03:10 น. |
|
|
|
โดย: sovo (http://kangalala.spaces.msn.com) IP: 222.148.10.19 วันที่: 2 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:17:54 น. |
|
|
|
โดย: deedee IP: 58.8.174.50 วันที่: 7 กันยายน 2549 เวลา:19:43:55 น. |
|
|
|
โดย: ท่านกิ้ด IP: 203.114.103.53 วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:13:09:25 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|
ชอบและทึ่งในจินตนาการ ที่เค้าคิดน่ะค่ะ คิดได้ไงกับการนำเรื่องนั้นมาโยง ประเด็นโน้นมาเกี่ยวข้อง รวมทั้งจินตนาการเรื่องพระเจ้าด้วย
พอเดินออกมาก็คิดว่าเรื่องในหนังมันก็มีความเป็นไปได้จริง ๆ เหมือนกันนะคะ