www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Aviator, .....And this is Howard Hughes


.....หลายครั้งเราจะเข้าไปดูหนังโดยไม่รู้อะไรเลยซึ่งก็ให้ความสนุกและเสี่ยงแบบหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่าบางครั้งการเลือกดูหนังเราควรรู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นบ้าง เช่นใครกำกับ หนังเป็นเรื่องของอะไร เพราะมันจะเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าว่าเราควรจะซื้อตั๋วดูดีหรือไม่ เช่น เรื่องนี้ถ้าใครคาดหวังความหล่อเท่ของLeonardo DiCaprioเพียงอย่างเดียวก็อาจจะได้ไปเต็มอิ่ม พร้อมกับเผลอหลับหรือบิดตัวด้วยความเบื่อหน่ายไปเกือบตลอดเรื่อง เพราะ170นาทีของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของLeonardo DiCaprioแต่มันเป็นหนังดราม่าแท้ๆที่เล่าเรื่องของคนเพียงคนเดียว....Howard Hughes...

.....และการเล่าเรื่องเหมือนหนังชีวประวัติของคนๆเดียวตลอดทั้งเรื่อง คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนดูสนุกและมีส่วนร่วม ถ้าคนดูไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อน หรือ คนๆนั้นไม่ได้มีความโดดเด่นมากมายอะไร หรือคนสร้างไม่สามารถทำให้คนดูที่ไม่รู้จักอยากรู้จักเค้ามากขึ้น แต่Martin Scorseseก็สามารถทำให้ผมผู้ซึ่งรู้จักHoward Hughesเพียงผิวเผิน กลับเฝ้าติดตามชีวิตของผู้ชายคนนี้ได้อย่างเอาใจช่วย กดดัน สงสาร และเห็นอกเห็นใจ จนจบเรื่องที่ผมนั่งดูที่โรงสกาล่ารอบ9.50น.(ในราคา80บาท)

......Howard Hughes ที่ผมได้รู้จัก....

ร่ำรวยและไร้พ่อแม่........เติบโตมาด้วยตัวเอง มีความทะเยอทะยาน และทำอะไรเอาแต่ใจสุดขั้ว

ลุ่มหลง..........ในเรื่องของเครื่องบิน

บุคลิกภาพผิดปกติ..............ใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าคนทั่วไป(การเรียงขวด/การเรียงถั่ว/รายละเอียดของเครื่องบินฯลฯ) มีความสมบูรณ์แบบมากกว่าชาวบ้าน ทำอะไรไม่เคยเสร็จเพราะไม่เคยพอใจ ไม่รู้ตัวแต่คนรอบข้างต้องเหนื่อยเพราะตัวเค้าเอง (Obssesive-compulsive personality disorder เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในคาแรคเตอร์ช่วงหลังๆ เช่น แจ็ค นิโคลสันใน As Good As it get หรือ นิโคลาสเคจใน MatchstickMen)

ป่วยทางจิต.........เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ(ย้ำคิด-กลัวเชื้อโรค/กลัวไม่สมบูรณ์แบบกลัวผิดพลาด นำไปสู่ ย้ำทำ- ล้างมือซ้ำๆ/ พูดซ้ำๆทำซ้ำๆ ) และ เริ่มมีจิตหลอนหวาดระแวง แยกตัวจากสังคม

ด้วย4ข้อข้างต้นทำให้ชีวิตของเค้าในหนังเต็มไปด้วย ความทะเยอะทะยานและทำให้เราก็เอาใจช่วยเค้าโดยไม่รู้ตัว แต่นิสัยของเค้าก็ทำให้เรารู้สึกลำบากใจ กระอักกระอ่วน แค้นใจแทนคนรอบข้างเค้าไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือเพื่อนร่วมงาน ทำให้เรารู้สึกสงสารความดันทุรังและอาการเจ็บป่วยของเค้า และสุดท้ายตัวเค้าเองก็ไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดเมื่อในที่สุดHoward Hughes ก็กลับไปอยู่กับตัวเอง ซึ่งตัวเค้าเองที่เป็นคนที่เค้าจะอยู่ด้วยได้ไปตลอดชีวิต

สิ่งที่ชอบ

1.งานสร้าง.....สมจริงและมีเสน่ห์อย่างย้อนยุค ทำให้คนดูอย่างผมที่ไม่ได้เกิดในยุคนั้นแต่ได้ดูก็เชื่อได้โดยไม่ยาก หลายฉากก็ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่งเช่นฉากที่พระเอกขึ้นเครื่องไปถ่ายทำเครื่องบินจำนวนมาก

2.โทนและอารมณ์ของหนัง....ตลอด170นาทีที่ผมได้ดูผมรู้สึกว่าหนังมีความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ไม่มีช่วงไหนหลุดออกไปไม่มีช่วงไหนที่เด่นกลบช่วงอื่น เป็นการกำกับที่ทำให้หนังทั้งเรื่องมีความลงตัวได้อย่างน้อยเรื่องจะทำได้ดี

3.Leonardo DiCaprio .... ไม่แปลกใจที่ได้เข้าชิงรางวัลตามหนังเรื่องนี้มากมายเพราะหนังเป็นโชว์ของเค้าแต่เพียงคนเดียว จริงๆแล้วผมไม่รู้สึกว่าเค้าเล่นได้ดีมากหรือโดดเด่นเป็นพิเศษอะไร(ผมชอบการแสดงของเค้าฉากบนโต๊ะอาหารที่บ้านของKatharine Hepburn ที่แสดงถึงความหมกมุ่นของตัวเอง ความลำบากใจในการเข้าสังคม ความทะเยอทะยานเวลาเล่าเรื่องที่ตัวเองหลงใหล ความผิดหวังเมื่อไม่ได้รับความสนใจ และการพยายามปรับตัวเข้ากับโลกภายนอก ได้ในฉากเดียว) แต่เค้าทำให้เราเชื่อและสนใจในตัวของHoward Hughes ได้จนหนังจบแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

4.Cate Blanchett......เป็นคนที่ผมชื่นชมในการแสดงในเรื่องนี้มากที่สุด ถ้าใครได้ดูเธอเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกอาจคิดว่าเธอคงเป็นแบบในเรื่องจริงๆ แต่ถ้าได้ดูเธอในเรื่องอื่นๆที่เธอเคยแสดงมา(เช่นElizabeth / The Gift /LOTR/Heaven เป็นต้น) แล้วมาเห็นเธอในเรื่องนี้จะพบว่ามันเป็นการแสดงที่ดูเหมือนoveractingแต่จริงๆแล้วมันเป็นการแสดงที่ไม่ได้overactเลย แต่เธอเล่นได้ดีอย่างเหลือเชื่อมากกว่า

5.ความลึกและมิติของตัวละคร....ไม่เพียงแต่ตัวHoward Hughes ที่หนังใส่ความลึกของตัวละคร เรียกได้ว่าเป็นการทำการบ้านมาอย่างดีที่จะจับปมในจิตใจมาตีแผ่ออกมาเป็นพฤติกรรม ที่ทำให้คนดูเชื่อและมีความรู้สึกตามตัวละครนี้ทุกครั้ง (เริ่มต้นจากการปลูกฝังเรื่องกลัวเชื้อโรค{สงสัย} ไปสู่ ความทะเยอทะยาน{เอาใจช่วย} และนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบที่มาพร้อมกับการเอาแต่ใจอย่างสุดขั้ว{รำคาญ} ลงเอยกลับมาที่การกลัวเชื้อโรค ย้ำคิดย้ำทำและหวาดระแวง{สงสาร สมเพช เห็นใจ} )ตัวละครKatharine Hepburnก็ใส่ความเป็นคนที่มากกว่าตัวละครหญิงตัวหนึ่งเข้ามาในจอ ทั้ง2คนเป็นเหมือนความแตกต่างที่เมื่ออยู่ด้วยกันกลับน่าติดตามและน่าสนใจมากกว่า Howard Hughes กับคู่อื่นๆในจอ (ฉากที่บ้านของKatharine Hepburnเป็นการอธิบายตัวตนของทั้งสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี)

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ยังคิดไม่ออก

สรุป......ผมอยากดูเรื่องนี้ในตอนแรกเพียงเพราะมันเป็นหนังของMartin Scorsese และเห็นว่าเข้าชิงรางวัลมากมาย จึงสงสัยว่ามันมีดีอะไรทั้งที่หนังตัวอย่างดูไม่น่าสนใจเลย แต่เมื่อเข้าไปแล้วพร้อมกับความคาดหวังในระดับหนังดราม่าชีวประวัติที่เข้าชิงรางวัล ผมก็พบว่าหนังได้ตอบสนองความพอใจในระดับไม่ผิดหวังและดีกว่าที่คิด เพราะจากที่ผมไม่รู้จักHoward Hughes ตอนนี้ผมอยากอ่านเรื่องของเค้ามากขึ้นและชื่อนี้ยังติดหูติดตาผมออกมาจนถึงตอนนี้ แต่มันอาจเป็นความง่วงนอนและเสียดายตังค์ถ้าความคาดหวังของคุณจะพบกับหนังที่เข้มข้นกดดันเร้าใจ หรือ อยากดูแค่Leonardo DiCaprio

ปล..ครั้งหน้ามาเจอกันกับCloserที่ผมอยากดูมากเหลือเกินพร้อมกับการเล่าเรื่องจากเชียงใหม่ ตอนนี้ขอไปแพ็คของเตรียมเดินทางก่อนครับ แล้วจะกลับมากรุงเทพอีก2อาทิตย์เพื่อค้นหาNeverlandและพบกับTheFockers ในปี2046

**********************************
ตามไปอ่านความเห็นท่านอื่นๆและลิงค์ประวัติของ Howard Hughesพร้อมกับผลโหวตได้ที่กระทู้ีนี้เลยครับ
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3236004/A3236004.html
**********************************


Create Date : 25 มกราคม 2548
Last Update : 26 มกราคม 2548 18:16:51 น. 7 comments
Counter : 2122 Pageviews.

 
ดูแล้วเหมือนกันครับ ผมชอบเคท แบลนเชตท์ ที่สุดเลยครับ และแถมแอบดีใจเล็กๆที่มีสุดที่รักของผม (เกวน สเตฟานี่) แวบเข้ามาในหน้าจอแบบสวยสุดๆ ด้วยครับ


โดย: hamee IP: 202.183.190.14 วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:11:52:34 น.  

 
ขอแอบ ขโมย ไปทำรายงานนะคะ


โดย: BB IP: 210.86.128.51 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:9:56:49 น.  

 
ชอบค่ะ


โดย: บะหมี่หยกหกก้อน IP: 202.44.136.50 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:14:53:04 น.  

 
ผมก็ทึ่งในบทของ Cate Blanchett ไม่น่าเชื่อว่าจะแสดงออกมาได้ขนาดนั้น เก่งจริงๆ


โดย: อธติ23 IP: 203.148.236.130 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:43:15 น.  

 
"ตอนนี้ผมอยากอ่านเรื่องของเค้ามากขึ้น"


รู้สึกเช่นเดียวกันเลยคะ


โดย: แก้มป่อง IP: 202.142.193.16 วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:20:29:15 น.  

 
เป็นโรคเดียวกับ Howard Hughes เลยค่ะ
กลัวจังเวลาดู
แต่ชอบ Leonardo เค้าเล่นเก่งมากๆ


โดย: thedude IP: 124.120.53.130 วันที่: 1 มกราคม 2550 เวลา:22:28:20 น.  

 
หนังยาวไปครับ เลยทำให้เบื่อได้เหมือนกัน ถ้ากระชับกว่านี้ก็คงดี ไม่แปลกใจที่ออสการ์ในปีนั้นปู่คลิ้นท์จะเอาชนะลุงมาร์ตี้ได้


โดย: Ripley IP: 202.5.95.205 วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:15:36:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.