www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)





คุณเคยทำผิดบ้างหรือไม่ คุณจัดการความผิดนั้นอย่างไร

คุณเคยรู้สึกผิดบ้างหรือไม่ คุณจัดการความรู้สึกผิดนั้นอย่างไร

...ทุกคนล้วนเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดไป ทุกคนล้วนเคยรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง แต่เราจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร บางคนเลือกที่จะแก้ไข บางคนที่เลือกที่จะปล่อยทิ้ง บางคนเลือกที่จะซุกซ่อนมันเอาไว้

การซ่อนหรือปกปิดต่างจากการแก้ไข เพราะหากวันใดที่มีคนค้นพบ เมื่อนั้นไม่ว่าจะเป็นความผิด หรือ ความรู้สึกผิด ที่เราปล่อยทิ้งให้ตกตะกอนมันจะกลับมาคลุ้งลอยขึ้นปั่นป่วนอีกครั้ง

เรื่องย่อ : Georges Laurent (Daniel Auteuil) ได้รับเทปวิดิโอที่บันทึกชีวิตส่วนตัวของเขาส่งมาที่บ้านโดยไม่ระบุต้นทางผู้ส่ง ได้รับรูปวาดที่ทำให้เขาต้องหวาดหวั่น คนที่ส่งมาไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ในการส่งภาพเหล่านั้น เขาและครอบครัวถูกคุกคามจากใครบางคนที่ไม่มีตัวตน Georges ดูเป็นคนธรรมดาไม่น่าจะมีศัตรูอะไร เขาเป็นเพียงชายธรรมดามีอันจะกินที่ประกอบอาชีพพิธีกรรายการทีวี ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขกับภรรยา (Juliette Binoche) และลูกชาย เขาเริ่มทบทวนมองหาว่าใครที่จะมารุกล้ำชีวิตของเขา ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปจัดการกับใครบางคนที่คิดว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องราว


Spoiler alert ข้อเขียน ถัดจากนี้ไป เล่ารายละเอียดของเรื่อง และ ส่วนสำคัญที่หนัง "ซ่อน" ไว้



เรื่องราวไม่กี่บรรทัดข้างต้นเป็นเรื่องย่อของ Hidden ภาพที่หนังสร้างให้กับ Georges Laurent เป็นเสมือน เหยื่อที่ถูกกระทำและกำลังดิ้นรนปกป้องครอบครัว แต่จริงหรือที่มันเป็นเช่นนั้น ? จริงหรือกับสิ่งที่หนังถ่ายทอดมาให้เราได้รับรู้เป็นความจริง ? เราจะได้รู้ได้อย่างไรว่า ในระหว่างบรรทัดข้างต้น ไม่ได้ซุกซ่อนอะไรอยู่ ข่าวสารข้อมูลที่เราได้รับทางสื่อไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯไม่ได้ปนเปื้อนหรือซ่อนเร้นความจริงอะไรไว้ นโยบายจากผู้นำประเทศหรือรัฐมนตรีที่จะช่วยเหลือประชาชนไม่ได้มีสิ่งหวังผลแอบแฝง (Hidden agenda)

...การใส่ความจริงที่บิดเบือน ความจริงที่เล่าไม่หมด ความจริงที่ล่อหลอก ทำให้คนดูคล้อยตามความจริงที่ทั้ง ตัวละคร (Georges) และ ผู้กำกับ(Michael Haneke) นำเสนอออกมา ก่อนที่หนังจะย้อนกลับมาสะกิดคนดูให้กลับมาคิดว่ามันจริงหรือกับสิ่งที่เราได้รับรู้

ตัวละครของ Georges ปกปิดคนรอบตัว ในขณะที่เขาซ่อนความจริงจากคนรอบตัวก็เท่ากับเขาซ่อนความจริงกับคนดู และ ในเวลาเดียวกันผู้กำกับอย่าง Michael Haneke ก็ซ่อนเรื่องราวบางอย่างของหนังไว้ไม่ให้คนดูรับรู้อีกที

...จากการล่อหลอกของทั้งสองคน (Georges , Michael Haneke) ตั้งแต่ก่อนดูหนังหรืออ่านเรื่องย่อหรือดูหนังแค่ช่วงต้น ทำให้เราจะเห็นภาพของ Georges เป็นชายหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อของการถูกกระทำ แต่เมื่อดูหนังจบทำให้เราต้องกลับมาย้อนคิดว่าจริงหรือที่เป็นเช่นนั้น ในเมื่อที่ผ่านมาชีวิตเขาคือ ผู้กระทำ แถมยังเป็น ผู้กระทำ ที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนรอบตัว

....จากเรื่องย่อข้างต้น หนังดำเนินต่อไปด้วยการให้ Georges พยายามหาคำตอบว่าใครคือคนกระทำกับเขา โดยสิ่งที่เขากระทำก็ไม่ต่างจากการคุกคามคนอื่นเช่นกัน เมื่อเขามั่นใจว่า Majid ชายชาวอัลจีเรียที่อดีตคือลูกอุปถัมภ์ของครอบครัวเขา คือ คนที่คุกคามเขา เขาจึงบุกเข้าไปที่ห้องพักของ Majid แม้หนังจะฉายภาพ Majid เป็นชายที่สุภาพ อ่อนโยน แต่ผมเองกลับไม่เชื่อว่าเขาจะบริสุทธิ์ เพราะคนดูอย่างผมถูกผู้กำกับและตัวละครปกปิดและเล่นกับภาพที่นำเสนออกมา ไม่ว่าจะเป็น

... การที่ให้สื่อที่ส่งมาคุกคาม Georges เป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในวัยเด็กทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายบ้านเก่า , รูปวาดเหตุการณ์สมัยเด็ก รวมไปถึง เรื่องราวที่ Georges เล่า , ภาพที่ Georges คิด หรือ ฝันของ Georges (ความฝันที่เห็น เด็กคนหนึ่งเชือดไก่แล้วหันหน้ามาเหมือนประสงค์ร้ายกับเด็กอีกคน , ภาพของเด็กคนหนึ่งมีเลือดออกมาจากปาก) ล้วนทำให้คนดูคล้อยตามความคิดเขาและเชื่อไปพร้อมกับเขาอย่างไม่กังขา ว่า คนที่คุกคามเขาน่าจะเป็นใครบางคนที่อยู่ในอดีตร่วมกับเขา และ เป็นผู้ใหญ่ที่โตมาจากเด็กที่เชือดคอไก่อย่างโหดร้ายเย็นชา แล้วตัวเขาเองก็คือเด็กที่ยืนดูด้วยความหวาดผวา

ทั้งที่ความจริงแล้ว

... เขาคือคนที่บีบคั้นและเล่นเล่ห์เหลี่ยมจน Majid ในฐานะลูกอุปถัมภ์ในครอบครัว ต้องออกจากบ้านตัวเองไป เขาคือคนที่รุกไล่ Majid ในตอนโตอย่างไม่ลดละ เขาคือคนที่ฆ่าอนาคตของ Majid ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ภาพที่เห็นเป็นเด็กฆ่าไก่ เป็นความจริง แต่สิ่งที่ปกปิดไว้จากความจริงที่นำเสนอคือ เขาเองเป็นคนใช้เล่ห์กลหลอกล่อให้ Majid ฆ่าไก่ที่เลี้ยงไว้ และสิ่งที่บิดเบือนคือภาพของเด็กเชือดไก่เดินเข้ามาคุกคามเขา ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ภาพที่เห็นเป็นเด็กไอเป็นเลือด เป็นความจริงแค่ว่ามันคือคำพูดที่เขาบอกพ่อแม่ตัวเอง แต่สิ่งที่ปกปิดไว้จากความจริงคือ คำพูดนั้นเป็นการโกหกของเขา เพื่อทำให้พ่อแม่เห็นว่า Majid หลอกลวง และ สิ่งที่บิดเบือนคือ ภาพเด็กไอเป็นเลือด เพราะความจริงไม่เคยมีใครไอเป็นเลือด

...หรือไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกที่ส่งเทปเหล่านั้นและส่งภาพเหล่านั้นมาให้เขา คนที่คุกคามเขามากที่สุดและกระทำเรื่องราวเหล่านี้ คือ ตัวเขาเอง เทปและภาพเหล่านั้นเป็นเพียงตัวแทนของมโนธรรมที่มากระตุ้นให้ความผิด ที่เขาซ่อนเก็บมันไว้ส่วนลึกในใจกลับมาหลอกหลอนให้ทุกข์ทรมานอีกครั้ง

... ความจริง หนังแย้มให้คนดูได้เห็นตัวตนของ Georges ตั้งแต่ฉากเล็กๆฉากหนึ่งที่ Georges เดินออกมาจากบ้านชนกับจักรยานชายผิวดำ เราจะเห็นเขาผรุสวาทด่าทอชายผิวดำ และ ชายผิวดำก็ลงมาโต้ตอบ หนังกระตุกคนดูเล็กๆตั้งแต่ฉากนี้แล้วว่า หากเราคล้อยตามเขา เขาคือคนถูกกระทำ แต่ความจริงเขาไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ ทั้งคู่ต่างก็ผิดที่ไม่ได้ดูอีกฝ่าย แต่ตัวเขาเองที่มักจะเอาตัวเองเป็นใหญ่และมักจะโยนความผิดออกนอกตัว ไม่เคยสนใจใยดีหรือเห็นอกเห็นใจคนอื่น เมื่อเกิดปัญหา เขาพยายามแต่คิดหาทางที่จะแก้ไขปัญหา โดยไม่คำนึงว่าคนใกล้ตัวจะรู้สึกอย่างไร และ มันเป็นมาตั้งแต่เด็ก(สิ่งที่เขาทำกับ Majid ) มาจนถึงปัจจุบัน(ความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาโดยไม่ใส่ใจภรรยา และ สิ่งที่เขาทำกับ Majid ตอนโต)

... แต่ ความจริง เหล่านั้น ถูกซ่อนเร้นและบิดเบือน ด้วยการสมรู้ร่วมคิดของ จิตใต้สำนึกของ Georges ที่กดเก็บความผิดนี้ไว้ กับ การกำกับของ Michael Haneke ที่เล่นเอาเถิดกับคนดูตลอดเวลา ตัวอย่างฉากหนึ่งที่มันสะท้อน ความไม่ใยดีคนอื่นและเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง(Georges) และ การล่อหลอกคนดู(Michael Haneke) ของทั้งสองคน คือ เมื่อ Pierrot ลูกชายของ Georges หายตัวไป เป็นอีกฉากหนึ่งที่ทำให้คนดูคล้อยตามความคิดตัวละครไปว่า ลูกชายถูกลักพาตัวไป จนเมื่อหนังเฉลยว่าเขาไม่ได้ถูกลักพาตัว เราลองมองย้อนกลับไปก็จะพบว่า ไม่มีหลักฐานอันใดให้สงสัยเช่นนั้นเลย เป็นเพียงสมมติฐานหนึ่งของตัวละครเท่านั้น แต่ความคิดของเรานั้นถูกชักนำโดยสองคนนั้น (Georges + Michael Haneke) น่าตลกดีเหมือนกันที่เราในฐานะคนดูก็อาจเผลอตัวคิดไปว่าการกระทำที่ Georges ทำเพื่อทวงลูกชายกลับมาด้วยการบุกไปหา Majid เป็นสิ่งที่เหมาะสมดี ในท้ายที่สุด แม้ว่าลูกชายของเขาจะกลับมาโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Majid หรือการลักพาตัวแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดที่จะคุกคาม Majid เพราะความเชื่อของเขาที่ตั้งมั่นว่า คนทำทั้งหมดคือ Majid นั่นเป็นสิ่งที่หนังเริ่มบอกแล้วว่าผู้กำกับ (Michael Haneke) ไม่ได้ต้องการจับมือกับ ตัวละคร (Georges) อีกต่อไป

...Michael Haneke ทำให้เราเห็นต่อมาว่า Georges เป็นคนที่ทำอะไรตามที่ตัวเองคิดไม่ได้ทำตามความเป็นจริง และ ที่สำคัญแม้จะเลยผ่านโศกนาฏกรรมตอนท้ายไปโดยไม่มีหลักฐานว่า Majid ผิด ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ เราจะเห็น Georges แสดงความรู้สึกผิดต่อความผิดที่ตัวเองเคยกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบัน เขาแค่รู้สึกใจหายและโล่งใจที่ “ผู้คุกคาม” ในความเชื่อของเขาได้จากไปแล้ว ความตายของ Majid ไม่ใช่การเฉลยทุกอย่าง ไม่พบหลักฐานต่อการคุกคามใดๆทั้งนั้น การตายของ Majid สำหรับ Georges แล้วอาจเป็นแค่การสำเร็จความใคร่(รู้)ว่าใครทำในความคิดเป็นการระบายความกังวลใจทั้งหลายออกไป และ สิ่งที่สะท้อนตัวตนของเขาในท้ายที่สุดก็แสดงออกด้วยการกินยานอนหลับและปิดม่านนอน ซ่อนตัวเองในโลกใบนี้ต่อไป

... จะว่าไป Michael Haneke เองก็ไม่ได้หลอกลวงหรือใจร้ายกับคนดูนัก เขาเองก็บอกใบ้คนดูตั้งแต่ ในซีนแรกที่หนังตั้งกล้องทิ้งไว้จากในตรอกแห่งหนึ่งทำให้คนดูเกิดความอยากรู้ว่า หนังกำลังจะให้ดูอะไร แต่กลับเป็นว่า ภาพที่เห็นไม่ได้เป็นภาพที่จะให้เราดู แต่มันเป็นภาพจากวิดิโอที่ถูกอัดมาให้ตัวละครในเรื่องกำลังนั่งดูอยู่ เขาเตือนเราแล้วว่า สิ่งที่เราเห็นมันอาจไมใช่สิ่งที่เรากำลังคิดอยู่ และหนังก็เล่นเอาเถิดกับคนดูต่ออีกหลายต่อหลายครั้ง

ฉากหนึ่งที่คนดูอย่างผมรู้สึกเหมือนโดนแกล้ง คือ ฉากที่ถ่ายไกลๆไปหน้าบ้านเก่าของ Georges ในอดีต เราเห็นแต่ไกลๆเหมือนหนังแกล้งให้อยากรู้มากว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น หนังมีเสียงอู้อี้ๆให้ได้ยินเหมือนแกล้งให้เราอยากรู้ว่าเขาพูดอะไรกัน จนคนดูอย่างผมอยากลุกไปใกล้ๆจอให้เห็นและได้ยินชัดๆ แล้วหนังก็ไม่เฉลย แต่ก็พอให้เราเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

... หนังยังสะท้อนเรื่องของ “ความจริง” ที่คนเรารับรู้ในทุกวันนี้จากสื่อรอบตัวเรา ผ่าน ตัว Georges ที่ไม่ใช่ตัวละครอย่างที่คิด , อาชีพของ Georges กับการเป็นพิธีกร อาชีพที่สามารถถ่ายทอดความจริงให้คนดูรับรู้และก็สามารถตัดต่อ ซุกซ่อน บิดเบือน ความจริงนั้นได้เช่นเดียวกัน , เรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารเกี่ยวกับหมา ทั้งหลายทั้งปวงนี้บอกเราว่า ความจริงจากสิ่งที่เชื่อ มันไม่ได้หมายความถึง ความจริงแท้ที่เกิดขึ้นเสมอไป

...กระทั่งหนังจบ หนังก็ยังมิวายหยอกเล่นกับคนดูเพราะ ฉากสุดท้ายก่อน end title ขึ้น ในมุมหนึ่งของจอเป็นภาพของลูกชายของ Georges และ ลูกชายของ Majid คุยกัน ซึ่งอาจหมายถึงว่า ลูกชาย Majid คือคนวางแผนทั้งหมดและฉากนั้นเขากำลังบอกอะไรบางอย่างกับลูกชายของ Georges (อาจจะเป็นเรื่องแม่มีชู้ หรือ บอกให้ไม่ต้องกลับบ้าน) หรือ อาจจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลย พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ว่าจะมีความหมายอย่างไร แต่มันตอกย้ำคนดูอีกครั้งว่า หลายอย่างที่บอกเล่ามาก่อนหน้านี้ มีอะไรซุกซ่อนไว้ ทั้งจากตัวละครลูกชายของทั้งสองคน และ จากตัวหนังที่ไม่เปิดเผยความจริงทั้งหมด ประมาณว่าถ้าจอพูดได้มันคงบอกว่า ถ้าฉันไม่เล่าเธอก็ไม่รู้หรอก ว่าฉันซ่อนอะไรไว้อีก และ เราควรจะเชื่อสิ่งที่เราเห็นที่ผ่านมามากน้อยแค่ไหน

... Hidden เป็นหนังที่ขณะดูผมรู้สึกง่วงน้อยๆเป็นช่วงๆ เมื่อดูหนังไปถึงตอนที่ Michael Haneke เริ่มแย้มพรายสิ่งที่ซ่อนไว้แล้วเริ่มทบทวนความคิดตัวเองทำให้ผมตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และ มันทำให้ผมนั่งตัวเกร็งลุ้นติดตามไปจนหนังจบ หนังกรุ่นไปด้วยความรู้สึกที่มีความรุนแรงตลอดเวลาทั้งที่ตัวหนังเองมีฉากที่รุนแรงและชวนช็อคแค่ฉากเดียว หนังอาจไม่ได้ยอกย้อนเหมือน Memento แต่มันมีความคล้ายคลึงอยู่ตรงที่คนดูจะต้องหมุนทวนความคิดตัวเองเมื่อหนังจบลง และ หนังกลายเป็นหนังทีดีมากอีกเรื่องหนึ่งเมื่อได้กลับมารวบรวมภาพท้งหมดแล้วกลับมานั่งเขียนถึง Hidden จึงเป็นหนังที่อาจต้องใช้ความคิดร่วมด้วยจึงจะมีส่วนสนุกกับมันและมันเป็นหนัง Thriller ที่ไม่ได้เร่งเร้าแต่ราบเรียบและซุกซ่อนของดีในตัวมากมาย

....ต้นปีเพิ่งมีหนังของลูกศิษย์ฮานาเก้ที่เข้าโรงเมืองไทยไปและเพิ่งออก DVD มาคือ Hotel ของ Jessica Hausner หากใครชื่นชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็น่าจะชอบอีกเรื่องได้ไม่ยาก แม้ว่าทั้งคู่จะไม่เฉลยปริศนาที่คนดูอยากรู้ (เกิดอะไรขึ้นที่ Hotel , ใครเป็นคนทำเทปใน Hidden ) อย่างเป็นรูปธรรม แต่ทั้งคู่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรับผิดชอบต่อหนังตัวเองกับการทิ้งคำถามเหล่านี้ไว้

… Hotel อาจชวนหงุดหงิดใจมากกว่าเมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน เพราะประเด็นมันพุ่งตรงไปที่เดียวคือ "มีอะไรในโรงแรมแห่งนั้น" แต่สิ่งที่หนังต้องการเล่นกับคนดูไม่ใช่ ใจความ ของหนัง แต่เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่สร้างความกลัวและจินตนาการของคนดูให้จบเรื่องราวเอง

...ในขณะที่ Hidden ประเด็น "ใครเป็นคนทำเทป" แทบจะเป็นประเด็นปลีกย่อยไปในทันทีเมื่อหนังจบลง Hotel อาจไม่ได้เล่นที่ใจความของหนัง แต่ Hidden เล่นทั้งวิธีการเล่าเรื่องที่ล่อหลอกคนดูของผู้กำกับ และเล่นที่ใจความของหนังด้วย เพียงแต่ประเด็น คนทำเทป ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในหนังเรื่องนี้ (แต่หากเป็นหนังHollywood มันก็จะกลายเป็นประเด็นหลักขึ้นมาทันทีพร้อมการไล่ล่าและเฉลยในตอนจบ) แต่ประเด็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจคนเราต่างหากที่หนังพยายามสำรวจและนำเสนออกมา

สุดท้ายไม่ว่าใครคือคนทำเทปที่แท้จริงใน Hidden มันไม่ได้มีผลอะไรต่อการคุกคามตัวละครที่เราติดตามแม้แต่น้อย เพราะในความคิดของ Georges ความตึงเครียดมันจบลงแล้วเมื่อ Majid ตาย หรือผู้กำกับอยากจะบอกคนดูที่อยากรู้เรื่อง คนทำเทป ต่อไปอีกว่า แล้วเราจะอยากรู้ต่อไปทำไมในเมื่อคนที่ได้รับผลกระทบไม่ได้เดือดร้อนอะไรอีกต่อไป

สิ่งที่ชอบ

1.การซ่อนของตัวละคร และ การซ่อนของผู้กำกับ ... ผมชื่นชมการทำหนังเรื่องนี้มาก เพราะหนังมีสารที่ต้องการสื่อออกมาชัดเจน และ สารที่สื่อออกมาสอดคล้องกับทักษะการเล่าเรื่องของผู้กำกับ ไม่ใช่แค่ความยอดเยี่ยมในการสร้างแต่มันยังเล่นกับความคิดและความรู้สึกคนดุ ทำให้หนังเปี่ยมด้วยความลึกซึ้ง ซับซ้อน และ ชวนครุ่นคิด

2.Michael Haneke … ความยอดเยี่ยมทุกอย่างในหนังทั้งเขียนบทและกำกับเรื่องคือบทพิสูจน์ตัว Michael Haneke อีกครั้งหลังจากที่คนดูบางคนอาจรู้จักเขามาแล้วจาก The Piano Teacher บางคนก็รู้จักเขาจาก Funny Games แต่ต่อไปทุกคนที่พูดถึง Michael Haneke หนังที่ต้องถูกหยิบยกมาเทียบเคียงชื่อของเขาต้องมี Hidden เป็นหนึ่งในนั้น นี่เป็นหนังที่แสดงความยอดเยี่ยมของผู้กำกับอย่างชัดเจน (ทุกครั้งที่เห็นชื่อนี้ผมอดไม่ได้ที่จะเผลออ่านในใจว่า ฮานาก้า หรือ ไฮเนเก้น ทุกที)

สรุป ... การคว้ารางวัลมามากมายทั้งจาก Cannes Film Festival / European Film Awards อาจไม่ใช่ตัวยืนยันถึงความสนุกของหนังเรื่องนี้ เพราะคนไม่คุ้นเคยกับแนวทางที่เนิบนาบอาจไม่คิดว่านี่คือหนัง thriller เสียด้วยซ้ำ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังตื่นเต้น ฉับไว เร่งเร้าอารมณ์ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบคิดอะไรหลังดูหนังจบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะไม่คุ้นเคยก็เป็นหนังที่แนะนำอยากให้ลองดูอยู่ดี เพราะ นี่คือหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผมอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ยอดเยี่ยม ทั้ง เนื้อหาสาระ และ ความเป็นภาพยนตร์ (การกำกับ , ทักษะการเล่าเรื่อง , บทภาพยนตร์ รวมไปถึงองค์ประกอบปลีกย่อยอื่นๆของตัวหนังเอง)

ปล ... หลังจากดูเรื่องนี้จบมันกระตุ้นให้ผมอยากกลับไปดู Code unknown ที่ค้างไว้ให้จบโดยเร็ว ทั้งสองเรื่องนี้มีฉากหนึ่งคล้ายคลึงกันเหลือเกินและเกิดขึ้นขณะที่ตัวละครกำลังเดินบนถนน เป็นการสะท้อนสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คนเรามักจะมองข้ามไป นั่นคือ การไม่ใส่ใจคนอื่น



บทความเฉพาะกิจ : เชิญชวนมาพูดมาคุยถึง พ่อ ในหนังที่คุณประทับใจที่บล็อค >> ปีนี้คุณคิดถึง "พ่อ" ในหนังเรื่องไหน และ คุณประทับใจเพราะอะไร? (คลิกที่ชื่อได้เลยครับ)




ขอคิดค่าบริการต่อ 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป

ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง


Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 27 มกราคม 2549 1:03:24 น. 34 comments
Counter : 6020 Pageviews.

 
ด้วยความรุนแรงในบางฉากที่มีคนพูดถึงทำให้เรารู้สึกไม่กล้าที่จะดูหนังเรื่องนี้ค่ะ


แต่พออ่านงานของคุณแล้วรู้สึกอยากดูจัง แต่กลัวภูมิต้านทานตัวเองไม่พอน่ะ


เอ..ทำไงดีน้อเนี่ย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:10:40:49 น.  

 
อยากดูงิ...

แต่อยู่ตั้งเฮาส์แน่ะ ไม่รู้จะถ่อไปเยี่ยงไร - -*


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:14:03:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เป็นหนังที่สนุกเมื่อดูจบแล้วย้อนกลับไปคิดๆๆ
เล่าเรื่องได้แยบยล และสะท้อนตัวตนของมนุษย์ได้ดี ว่ามนุษย์ซ่อนนู่นซ่อนนี่จนเป็นนิสัยทำไปโดยไม่รู้ตัว ใครทักยังไม่รู้เลย เพราะบางคนซ่อนมากจนกระทั่งตัวเองยังไม่เห็นตัวตนจริงของตัวเองเลย

Spoiler
คิดว่าสุดท้ายแล้วพระเอกก็ซ่อนๆกลบๆไม่ให้ตัวเองเห็น เรื่องที่ไม่ดีของตัวเองต่อไป (ล่าสุดทำให้.......)โดยการไม่พูดถึง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วนอนด้วยยานอนหลับ แต่จะเห็นว่าความไม่ดีมันก็ออกมาฟ้องในความฝัน และคิดเองเล่นๆว่าถ้าเกิดมีใครทำปริศนาอย่างนี้กลับพระเอกอีกครั้ง เรื่องที่ซุกซ่อนไว้ในใจ(.....)จะโผล่กลับมาอีกและพระเอกก็ต้องโทษคนอื่นไม่จบสิ้นเช่น........(เพราะพระเอกซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ ไม่ให้ตัวเองเห็น)

ดูหนังเรื่องนี้คิดถึงละครเวทีเรื่องนึง รู้สึกดัดแปลงจากหนังฝรั่งเศส ที่ครอบครัวนึงตื่นเช้าขึ้นมาเจอเด็กอยู่ในตะกร้าวางอยู่หน้าบ้าน ซึ่งส่งผลกระทบใจกับคนในครอบครัวทุกคน และความจริงที่แต่ละคนในครอบครัวซ่อนกันไว้ก็เผยออกมาหมด

ปล.เพื่อให้เข้ากับหนังจึงขอซ่อนข้อมูลบางส่วนค่ะ


โดย: (....................) IP: 202.28.181.9 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:15:52:41 น.  

 
การซ่อนมากทำให้เรื่องยุ่งยากและแย่มากขึ้น
ดังนั้นจะไม่ซ่อนว่า คุณผมอยู่ข้างหลังคุณเขียนได้ดีค่ะ


โดย: (..........................) IP: 202.28.181.9 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:15:56:52 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ ... ฉากรุนแรงตรงๆมีเพียงฉากเดียวสั้นๆครับ ไม่ได้โหดร้ายทารุณแต่อย่างใด

nanoguy ... น่าเสียดายเรื่องนี้น่าจะเข้าลิโดด้วย คนจะได้ดูกันเยอะๆ

(..........................) ... อิๆ ดีใจที่ไม่ผิดหวัง




โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:12:52:18 น.  

 
O I C
ขอบคุณค่า


โดย: vhs IP: 203.146.192.172 วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:22:08:10 น.  

 
ไม่คิดจะดูเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าดู แต่เพราะเราไม่นิยมหนังที่มีความรุนแรงอยู่น่ะค่ะ
เราเลยใช้วิธีอ่านงานของผู้กำกับคนนี้แทน ได้อ่านใน Bioscope ด้วย ก็พบว่างานของ ผกก คนนี้ออกแนวที่มีภาพรุนแรงนะ
จริงๆมีเรื่องหนึ่งที่เราเผลอไปดูโดยไม่รู้ว่าเป็นงานของเขา ก็คือ Piano Teacher แล้วก็พบว่าจนบัดนี้บางภาพในหนังยังตามมาหลอนเราได้เรื่อยๆเลย โดยเฉพาะฉากสุดท้ายในหนังเรื่องนี้ เอาเป็นว่าทุกครั้งที่เห็นคำว่า Piano Teacher ก็จะนึกถึงฉากสุดท้ายทุกที เหอ เหอ
หลังจากมารู้ว่าเป็นงานของ ผกก คนนี้ ก็เลยไม่กล้านำตัวเองไปดูเรื่องอื่นๆของเขาอีก แต่อยากรู้จักหนังของเขานะ เราเลยใช้วิธีอ่านจากคนที่ไปดูมาแล้วนี่แหละ


โดย: cottonbook วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:19:46:42 น.  

 
ไปดูมาเหมือนกันค่ะ เมื่อวาน
ตอนจบของเรื่องนี่ถึงกับอึ้งไปสามนาที เพราะรู้สึกว่าหนังตัดจบตอนที่จุดความสงสัยกำลังขึ้นถึงขีดสุด..

แต่ก็ทำให้รู้ว่า ประเด็นของเรื่องไม่ได้อยู่ที่กล้องและใครถ่ายเลย..


โดย: กุ๊กๆ IP: 210.246.75.52 วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:12:53:52 น.  

 
ดีใจที่รอบที่ไปดูคนเกือบครึ่งโรง เพราะเคยไปดุเรื่องHotel คนน้อยมาก เพียง4-5 คน นานๆได้ดูหนังแบบต้องคิดลับสมองซะมั่ง ดีกว่าดูหนังสูตรสำเร็จทั้งหลายน่ะ


โดย: เคน IP: 58.136.64.44 วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:3:56:33 น.  

 
ยอมรับว่าผิดหวังเล็กน้อย
เพราะคาดหวังจะได้ความรู้สึกแบบ funny game(หนังที่ผมชอบมากเรื่องหนึ่ง)
...
แต่แบบอ่านบทวิจารณ์ก็ได้ทราบว่าหนัง"ลึก"มากๆ


โดย: post office IP: 202.44.136.50 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:12:00:38 น.  

 
หลอกให้คิดหาตัวการ ตั้งแต่ต้น แต่พอดูไป ชักยังไงๆแล้ว โดนหลอกตั้งแต่เรื่องย่อของหนังเลย ผู้กำกับแกเจ๋งจริงๆ..

มีอีกหลายๆจุดที่ผมคิดว่าหนังยังต้องการสื่อไปถึงประเด็นบางอย่างแต่ยังไม่ไม่แน่ใจ สงสัยคงต้องไปดูอีกรอบ

ขอบคุณครับ..


โดย: ิbunger_man IP: 61.90.192.254 วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:15:48:17 น.  

 
ชอบในสไตล์ของการสร้างความฉงนชวนติดตาม และระทึกในอารมณ์อย่างเงียบๆ และเล่นกับจิตวิทยาของตัวละคร ทำให้ชวนติดตามอยู่ตลอดเวลา ด้วยลักษณะภาพที่ตรงไปตรงมาไม่ปรุงแต่งแบบฮอลลีวู้ด การนำเสนอในลักษณะสัญลักษณ์และนามธรรมดูกลมกลืนไปกับชีวิตจริงจนบางครั้งทำให้คนดูติดไปกับภาพจนจินตนาการตามไอเดียของผู้กำกับไม่ทัน และคิดว่าผู้กำกับคงฉวยโอกาสในการตีความซึ่งอาจมองได้หลายมุมของหนัง ทำให้รอดจากการถูกโจมตี (จากคนดู)ได้เหมือนกัน..อิอิ บอกตามตรงว่าไม่มีอะไรเคลียร์สักอย่างในเรื่อง (ซึ่งเป็นความจงใจ) แม้แต่บทสนทนา คนดูมีหน้าที่ตีความเอาเอง ซึ่งแต่ละคนอาจจะเข้าใจไม่เหมือนกันก็ได้ สิ่งที่น่าสนใจคือการแสดงที่เด่นและบรรยากาศที่ชวนฉงนสนเท่ห์ รวมทั้งฉากกระชากอารมณ์สั้นๆ (การฆ่าตัวตาย) ที่ทุบอารมณ์คนดูได้ชะงัด แต่บอกตามตรงว่าถ้าจะถกกันจริงๆ แล้ว น่าจะมีจุดอ่อนอยู่ในบทอยู่ไม่น้อยที่ให้กังขา แต่เนื่องจากสไตล์ของหนังได้ excuse ไว้ล่วงหน้าว่า คนดูต้องหัดใช้สติปัญญาตีความเอาเอง เพราะฉะนั้น ผู้ชมหลายคนคงอึดอัดไม่น้อยที่จะลุกขึ้นมาออกความเห็น เพราะอาจจะกลายเป็นขยายความฉลาดน้อยได้ง่ายๆ เหอๆ..ผู้กำกับเก่งตรงนี้แหละ ดูแล้วอึ้งกิมกี่ไป..นานนน


โดย: Bkkbear IP: 61.90.123.19 วันที่: 19 ธันวาคม 2548 เวลา:23:38:06 น.  

 
ไปดูมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ขอคิดทบทวนอีกที แล้วจะเข้ามาแอบอ่านอีก


โดย: Chapter 1-17 IP: 221.128.113.254 วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:23:49:02 น.  

 
สวัสดีครับบบบ
เพิ่งไปดูมาวันนี้ครับผม...
หนังมันแบบว่า....
ถ้ามีใครถามผมอย่างจริงจังนะว่าหนังสนุกมั้ย?
ผมตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า "ไม่สนุกว่ะ"
คือความคิดผมน่ะ...ไอ้เรื่องที่ Hanake แกเล่านี่มันไม่ได้น่าสนุกเลย
แต่ทว่า...
หนังมันกลับทำสิ่งเหล่านี้...
กดก้นผมไม่ให้ไปลุกจากทีนั่ง
ล่อสายตาผมไม่ให้ละจากจอแม้ซักวินาที
กระตุ้นต่อมสันดานความอยากรู้ของมนุษย์อย่างผมได้อย่างรุนแรงมากๆ

บอกได้คำเดียวครับว่า "ฉากนั้น"
ทำให้ผม..........ช๊อค
แบบว่า Hanake แกเล่นทีเผลอน่ะครับเลยช็อคไปเลย
ส่วนที่เหลือของหนังเรื่องนี้ที่ผมจับประเด็นได้ก่อนเลยก็เห็นจะเป็นเรื่องของ "ความไว้วางใจ" ครับ (เดี๋ยวไว้ผมจะเขียนถึงประเด็นนี้บ้างในบล๊อก)
ได้มาอ่านของคุณ I behind u แล้วก็ยิ่งเห็นประเด็นอื่นๆชัดเจนขึ้นครับ

ยังไงซะก็ยังต้องคอยให้ความคิดมันตกตะกอนก่อนคงมีอะไรจะคุยมากกว่านี้
ผมยอมรับเลยว่าดูเสร็จออกมาจากโรงนี่แบบว่า
ยังหลอนๆเอ๋อๆไปพักนึงเลย ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว


โดย: kimprite IP: 58.10.209.91 วันที่: 24 ธันวาคม 2548 เวลา:23:28:48 น.  

 
^
^
^
ลืม Identify myself
ผมเองครับ


โดย: kimprite วันที่: 24 ธันวาคม 2548 เวลา:23:30:46 น.  

 
^
^
... เขียนเสร็จแล้วจะตามไปอ่านนะครับ เป็นอีกเรื่องที่เมื่อไหร่ตกตะกอนทางความคิดแล้วจะรู้สึกชอบมันมากขึ้น เพราะผมเองตอนดูยังไม่ได้ชอบเท่าตอนกลับมานั่งเขียน


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 25 ธันวาคม 2548 เวลา:20:41:31 น.  

 
แถวบ้านไม่มีฉาย สงสัยต้องรอดีวีดี


โดย: :) IP: 24.226.45.166 วันที่: 3 มกราคม 2549 เวลา:2:51:41 น.  

 
ขอบคุณมากที่ช่วยไขข้อข้องใจในการดูหนังค่ะ
เพราะไปดูเรื่องนี้มาแล้ว ง๊ง...งง


โดย: always in love IP: 203.170.228.172 วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:1:21:02 น.  

 
ไปดูแล้วกลับมาอ่านทันที เพราะอยากรู้ว่าคนอื่นจะว่าหนังดีหรือเปล่า ทีนี้เลยคิดอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลย

แต่ก็เขียนถึงแล้ว และขออนุญาตลิงค์มาที่หน้านี้ด้วยค่ะ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:01:58 น.  

 
ป๋มว่า เป็นลูกชายเค้ามากกว่าแน่ๆ

แม่มีชู้แน่ๆ

โอ๊ย ชอบนะ แต่บอกเฮ้าให้เบาๆแอร์หน่อยได้ม๊าย


โดย: หนังสือเต็มบ้าน แต่ไม่มีใครเอามาอ่านสักกะเล่ม IP: 58.10.168.154 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:05:30 น.  

 
ใช่..หนังสือเต็มบ้านแต่ไหงไม่มีใครเอามาอ่านซักเล่ม มีความหมายไรแฝงอยู่มั้ยเอ่ย


โดย: แอบชมแล้วงงงวย IP: 58.8.20.8 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:36:46 น.  

 
แอร์เฮ้าไม่ได้แรงนะ คนไปนั่งกันน้อยเอง

อะว้าก ฮ่ะๆๆๆ กร๊าก กรำจริงจริ๊ง

เรื่องหนังสืออาจจะมีความหมายแฝงก็ได้ พระเอกดันเป็นนักวิจารณ์วรรณกรรมด้วยนี่ มันอยู่กับหนังสือจนด้านชาแล้วล่ะมั้ง อะไรทำนองนั้น

มั่วนะ คิดสดๆ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.11.1.102 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:35:09 น.  

 
หลับคะ ดูยังไม่จบเลย


โดย: แก้มป่อง IP: 202.142.193.16 วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:14:12:41 น.  

 
เราดูแล้วคิดอะไรเองไม่ได้ขนาดนี้เลยแฮะ
อ่าน review ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ แล้วได้มุมมองใหม่ๆดีค่ะ
ตอนหยิบมาดูนี่ไม่ได้คิดมากเลย เลย"ช็อค"มากๆ(จี๊ดขึ้นหัวเลย) น่ากลัวสุดๆอะ ดูไปก็ภาวนาให้จบเร็วๆ:P


โดย: SkySeries IP: 202.28.180.201 วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:18:33:48 น.  

 
อยากแนะนำเพิ่มอีกนิดว่า หนังของ Haneke เข้าไปดูในโรง จะได้อรรถรสมากกว่าดู DVD ที่บ้านมาก โดยเฉพาะความกดดันที่หนังพยายามทำ จะได้รับไปเต็มๆ

อย่างเช่นเรื่อง Funny Game ในฉากหลังจากที่ระเบิดหัวเสร็จแล้วแช่กล้องนิ่ง ๆ ฉากนั้นทรมานคนดูที่สุด เหมือนเวลามันหยุดนิ่งไปนานมาก นานจะคนดูหลายคนเริ่มรับไม่ได้แล้วเดินออกจากโรงทีละคน ๆ จะคนเกือบหมดโรงเลย

เรื่อง Hidden นี่ตอนแรกไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่พาแฟนไปดู (กลัวจะโดนด่าล่ะงานนี้ ว่าพามาดูหนังอะไร) แต่ออกจากโรงมาไม่เลวร้ายอย่างที่คิดแฮะ ยังมีเรื่องให้คบคิดคุยกันในรถอีกเป็นวัน


โดย: cafeine IP: 58.8.155.7 วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:20:29:17 น.  

 
เกลียด + เบื่อ หนังแบบนี้ครับ
ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
ธีมที่บอกไม่ได้มีแก่นสารพอที่จะเสียเวลามานั่งพิจารณา เอาเวลาไปอ่าน คู่มือมนุษย์ ค่อยๆพิเคราะห์ น่าจะได้สาระกว่า ถ้าเทียบกันนาทีต่อนาที หรือแคลอรี่ต่อแคลอรี่ที่เสียไปในการใช้สมองคิด ... ความเห็นตัวส่วนตัวคือหนังเรื่องนี้เป็นหนังฟูมฟาย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่


โดย: สมภพ IP: 58.8.136.12 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:10:19:57 น.  

 
คุณสมภพกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่...
ตัวผมกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ผมอยู่ข้างหลังคุณทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
คุณไมเคิลทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่


โดย: กวน IP: 58.9.27.193 วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:2:01:52 น.  

 
ขอบคุณที่ได้ให้ความเห็น เพราะเพิ่งดูเมื่อคืนโดยบังเอิญ คิดว่าเป็นหนังที่สะเทือนใจมาก เเละต้องใช้สมองมากจริงๆ


โดย: ตาล IP: 125.26.111.239 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:22:15:45 น.  

 

บังเอิญได้ดูค่ะ
อึดอัดมากกว่าจะดูได้จนจบ
แต่พอจบ .. คิดว่า ไม่น่านั่งดูเลย
งง ก็ งง ว่าเราพลาดตรงไหนของหนังไปรึปล่าว
ขอบคุณที่ช่วย review ค่ะ


โดย: ไม่น่าเข้าใจยาก วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:03:28 น.  

 
เหมือนการเมืองไทย สิ่งที่เราเห็น กับสิ่งที่เป็นความจริง


โดย: ชอบหนังแบบนี้ IP: 125.27.205.169 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:14:49:38 น.  

 
วิเคราะห์ถึงรายละเอียดในจุดต่างๆได้ดีครับ ขอชื่นชม
ผมพึ่งดูเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แล้วอยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังเลยผ่านเข้ามาอ่านน่ะครับ
ขอเสริมประเด็นเรื่อง เชื้อชาติ ว่า George มีความรู้สึกเกลียด กลัว Majid เพราะความต่างของเชื้อชาติ? ซึ่งเราเห็นประเด็นนี้อีกในฉาก ที่ใช้คนดำขี่จักรยานเฉี่ยว George ตอนเดินออกจากโรงพักและมีปากเสียงกัน ทำไมต้องเป็นคนดำ? ต้องการสื่อ? หรือเป็นความบังเอิญ?
ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในส่วนที่ George กลับไปหาแม่แล้วพูดคุยกันว่า มีนัยยะอะไรหรือไม่


โดย: jb IP: 68.173.94.254 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:10:02 น.  

 
เพิ่งได้ดูหนังเมื่อตะกี้เอง และยอมรับนะว่าซื้อแผ่นมาเพราะเห็นได้รางวัลเยอะมากกก(18 awards)...แต่พอดูจบแล้วแบบ เอ่ออออออ งง หนังแบบห่วยยแตก...

แต่พอเราเข้าใจ และรู้ความหมานนัยๆของมันแล้วก้อ อยากแนะนำต่อจิงๆ

ถึงแม้จะถ่าย การแสดง และดำเนินเรื่องไม่ได้ดีเลิศ ฉูดฉาดดขนาดนั้น แต่ความหมาย HIDDENของหนังเรื่องนี้นั้นเจ๋งจิงๆค่ะ:)


โดย: ยังอยากรู้ IP: 58.9.152.93 วันที่: 31 ธันวาคม 2551 เวลา:22:31:22 น.  

 
ผมอายุ 18 ปีหนะครับ ชอบดูหนังรางวัลเหมือนกัน ตอนนี้กำลังจะไปเรียนที่ม.รังสิต

เป็นหนังเรื่องเดียวที่ไม่อยากเปิดให้คนที่บ้านดูต่อ

หนังมันแบบเป็นคล้ายกับเกมส์จับผิดภาพหรือค้นหาคำปริศนาอะไรประมาณนั้น คือผมไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมช็อคมากๆๆๆๆๆๆๆ ตอนกรีดคอนั่นแหละ ถ้าไม่มีตอนนั้นหนังเรื่องนี้คงจะไม่ถูกพูดปากต่อปากหรอก การทำหนังผมคิดว่าเราจะต้อ
ยืดถือคนดูที่เขาดูรู้เรื่องเป็นสำคัญ คนดูรากหญ้า
ดูแล้วทำไมถึงรู้ว่าได้ตั้งสิบแปดรางวัล อะไรประมาณนั้นครับ แต่เขาได้เยอะจริงๆนะ สงสัยคนประเทศแถบนั้นจะประทับใจกับหนังแนวนี้
งบประมาณคงจะไม่เยอะเลย เหมือนผู้กำกับจะขี้เขียจทำอะไรแบบนั้นด้วยซ้ำไป แต่ดูการแสดงของตัวละครแล้วสุดยอดมาก เหมือนว่าไม่ตัดฉากมุมกล้องมุมเดียวและแต่ละฉากยาวเป็นสิบยี่สิบนาทีก็สมควรกับรางวัลนะครับ


โดย: นิวสิว IP: 202.149.25.225 วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:04:41 น.  

 
ขอบคุนครับผม .. กระจ่างมานิดนึง : )


โดย: Charles IP: 124.120.25.67 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:2:19:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.