www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?



...หนังสยองขวัญที่สร้างจากตำนานหรือเรื่องเล่ามีมานักต่อนัก ปีศาจรุ่นพี่ๆล้วนก็เคยมาปรากฎโฉมบนจอกันมากมายภายใต้สูตรสำเร็จที่ไม่ยากต่อการคาดเดา การจะประสบความสำเร็จหรือไม่คงต้องขึ้นกับกึ๋นของผู้สร้างว่าทำออกมาได้น่าดูมากแค่ไหน อย่างรุ่นพี่เก่าๆที่มีประสบความสำเร็จมีภาคต่อตามมาอย่างCandyman หรือรุ่นพี่ๆล่าสุดที่เพิ่งจบไปและประสบความสำเร็จอย่าง Jeepers creepers แต่ก็มีหลายคนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างรุ่นพี่สถาบันเดียวกันที่เป็นตำนานเรื่องเล่าให้เด็กฟังเหมือนกันอย่าง Tooth Fairy ใน Darkness falls

...จะว่าไปตอนเริ่มเรื่องผมก็รู้สึกว่ามันแทบจะลอกแบบการเดินเรื่องมาจากรุ่นพี่อย่าง Darkness falls คือ เริ่มจากประสบการณ์ที่เลวร้ายในวัยเด็กที่พระเอกต้องพบเจอเหตุการณ์คนในครอบครัวถูกทำร้ายจากปีศาจในเรื่องเล่า ต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางคนรอบข้างที่มองว่าเป็นอาการป่วยจิตไม่มีใครเชื่อคำพูดของพระเอก ก่อนที่ฝันร้ายนั้นจะตามมาหลอกหลอนอีกครั้งตอนโต ในเรื่องนี้เรื่องเล่าที่มีต่อกันมาคือปีศาจในตู้เสื้อผ้าที่ชื่อว่าBoogeyman แม้ว่าการเริ่มต้นจะคล้ายคลึงกันมีจุดอ่อนคล้ายๆกับรุ่นพี่เก่าๆเช่น การมีตัวละครที่ต้องทำอะไรโง่ๆที่คนไม่ทำกัน(ถ้าไม่ทำก็คนดูคงไม่เจอความสยอง เช่น การให้พระเอกตอนโตกลับไปค้างบ้านตอนกลางคืน ฯลฯ) แต่ข้อดีของเรื่องนี้คือหนังทำได้อย่างน่าติดตามมากกว่า หนังดูเหมือนจะมีอะไรต่อมิอะไร ทำให้หนังดูเหมือนจะมี “อะไร”ดีๆที่อาจจะต่างจากปีศาจรุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็น ที่มาของเด็กผู้หญิง ,ประตูวิเศษของโดเรมอน,การไม่ให้เห็นตัวปีศาจชัดๆ ฯลฯ นอกจากนี้หนังยังคุมอารมณ์ของหนังให้เดินเรื่องไปข้างหน้าได้อย่างไม่ออกนอกลู่นอกทางด้วยภาพที่ออกโทนสีเดียวกันตลอดเรื่องและจังหวะหลอกคนดูชนิดโฉ่งฉ่าง เสียงดัง เดาได้ว่ามันมาแน่ๆ กระนั้นก็ดีก็ยอมรับว่าจังหวะตกใจของหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่มันได้ผล(ฉากอีกาที่ผมรู้สึกว่าทำได้ดูคลาสสิคดีกับจังหวะและอารมณ์ในตอนนั้น หรือฉากงานศพแม่รู้ทั้งรู้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆแต่ถึงตอนนั้นก็ยังตกใจอยู่ดี) ในส่วนของความระทึกและสยองขวัญผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรแล้ว (สำหรับตัวเองเป็นการชดเชยความผิดหวังมาจาก TheRing2 ผมคิดว่าเรื่องนั้นตอบโจทย์ความต้องการของคนดูได้ไม่ดีพอ)

....เรียกได้ว่าหนังก่อเชื้อที่พร้อมจะจุดประกายไอเดียต่างๆให้เกิดขึ้นได้มากมายในการหาทางออกคลี่คลายเรื่องราวของหนัง หนังสร้างความหวังให้ผมตอนดูว่าตอนเฉลยมันต้องอธิบายเรื่องราวได้อย่างแบบสุดกึ๋น หรือ มีจุดหักมุมเด็ดๆแน่เพราะหนังทิ้งอะไรดีๆไว้ในตอนต้นมากมาย แต่สุดท้ายกลับเหมือนผู้สร้างเกิดช็อตขึ้นมาดื้อๆตัดจบแบบผมเองต้องงงงวยชั่วขณะว่า เอ๊ะ นี่มันอะไร ทำแบบนี้ไปทำไม รู้ได้ยังไงว่าต้องทำแบบนี้?(คือจะใส่เนื้อหาที่มาที่ไปให้มากกว่านี้สักนิดอย่างไรก็ได้ แต่หนังกลับจบแค่สโลแกนของ1-2-callว่า “อย่ากลัว” ) หนังฉลาดมากที่คำถามเหล่านี้ของคนดูจะผุดขึ้นเมื่อหนังจบพอดี เรียกได้ว่าตลอด90นาทีที่ผมนั่งดูที่SF Emporiumรอบ20.05น.วันเสาร์ที่ผ่านมา หนังสร้างความสยองระทึกและสร้างความคาดหวังให้กับผมได้เป็นอย่างดีก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปในพริบตาเมื่อหนังจบลง

สิ่งที่ชอบ

1.อะไรต่อมิอะไรที่หนังวางทิ้งไว้ ....มันทำให้ผมดูแล้วรู้สึกว่าหนังอาจมีอะไรที่มันมีความลึกลับหรือการหักมุมอย่างชาญฉลาดรอดูอยู่ เช่น เรื่องของเด็กผู้หญิง หรือ เรื่องประตูวิเศษของโดราเอมอน การตัดสลับสถานที่ไปมาและอาการของพระเอก ทุกองค์ประกอบที่หนังมีพร้อมจะปิดฉากเรื่องราวได้หลากหลายแบบ

2.ตกใจได้ผล....ช่วงนี้ไม่ได้ดูหนังที่ทำให้ตกใจได้ผลแบบนี้มานานยอมรับว่าหนังทำจุดนี้ได้ดี ผมคิดว่าถึงแม้หนังหลายเรื่องจะทำพล็อตหรือการหักมุมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรแต่ในเมื่อแนวหนังของตัวเองเป็นแนวสยองระทึกขวัญสิ่งที่สำคัญสุดคือต้องทำให้คนดูตกใจ ปิดตาดู กอดแฟนจับมือคนข้างๆได้เป็นอันดับหนึ่งที่เหลือคืออันดับรอง และการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงเกือบจบหนังเรื่องนี้เดินหน้าได้ไปทางเดียวไม่ว่อกแว่ก หนักแน่นและสม่ำเสมอ ไม่เลอะเทอะ ปัจจัยหนึ่งทีมีส่วนช่วยคือผู้สร้างเลือกนักแสดงที่ไม่โด่งดังมากนักดูธรรมดาๆทำให้คนดูไม่ต้องให้ความสนใจกับตัวนักแสดงจนเกินตัวหนัง

3.การกำกับภาพ….การเลือกใช้โทนสีเดียวเกือบตลอด การจับมุมกล้องหรือค่อยๆเคลื่อนเปลี่ยนมุมหลายต่อหลายฉากทำให้ฉากของตายที่คนดูเดาได้ยังสามารถทำหน้าที่ของตัวเองอย่างได้ผล รวมทั้งฉากที่ผมชอบมากคือฉากอีกา

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ทำไปทำไม มันมาทำไม หายไปไหน รู้ได้ยังไงว่าต้องทำแบบนี้ หายไปได้ยังไง ฯลฯ? …..คำถามทั้งหลายแหล่ประดังมาเมื่อดูหนังเรื่องนี้จบลงพร้อมความคาดหวังที่ผมมีก็สลายหายไปในพริบตา ถามว่าที่หนังบอกมาตอนจบอธิบายและเข้าใจได้มั้ยมันก็พอกล้อมแกล้มเข้าใจได้ แต่สงสัยแค่ว่าเลือกจบด้วยเหตุผลง่ายๆแค่นี้เองหรือ

สรุป....ก็เพลินๆไม่เสียดายตังค์นักเพราะผมกำลังอยากดูอะไรที่มันกระตุ้นต่อมตกใจอยู่เหมือนกันหนังในแนวนี้ช่วงหลังๆค่อนข้างเหือดหายอารมณ์นี้ไป ในส่วนนี้ผมคิดว่าหนังตอบโจทย์ได้ในดีในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ถ้าออกจากโรงก่อนดูหนังจบสัก10นาทีอาจจะรู้สึกดีกว่าดูจนจบ เพราะอาจทำให้ออกมาพร้อมคิดต่อว่าหนังมันต้องมีอะไรเจ๋งๆอยู่แน่ แต่เมื่อดูจนจบก็ได้แต่คิดว่า เฮ้อ หมดกันความคาดหวังที่มี

ปล..ไปงานสัปดาห์หนังสือกันมาหรือยังครับได้อะไรกันมาบ้าง แวะเวียนมาคุยกันได้โดยคลิกที่หัวข้อข้างล่างนี้ครับ
ยุทธการงานสัปดาห์หนังสือ,การเดินทางท่ามกลางหนังสือกองโต ภาค2 (..อีก5เดือนถัดมา..)

ปล2.อันเนื่องจากBoogeyman ขอบ่นถึง EGVหน่อยที่กระทู้นี้ครับ
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3393237/A3393237.html


***เชิญชวนแวะไปอ่านไปคุย กับหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนในหมวดนี้ที่ไม่แสดงรายชื่ออีก50+เรื่องได้ที่ ---> ห้องเก็บหนัง




 

Create Date : 04 เมษายน 2548
7 comments
Last Update : 4 เมษายน 2548 12:32:14 น.
Counter : 1724 Pageviews.

 

ไปดูมาเหมือนกันค่ะ ทั้งๆ ที่ไม่ชอบหนังแนวนี้
กลัวๆๆๆๆๆ

แต่ไม่ชอบตอนจบเลย รีบๆ จบยังไงก็ไม่รู้
อยู่ๆ ก็เอาชนะได้ง่ายๆ ซะงั้น

:)

 

โดย: สามัญชนผู้น่ารัก 4 เมษายน 2548 22:14:24 น.  

 

เพิ่งดูเรื่องนี้ใน DVD รู้สึกว่าหนังมันอืดๆยังไงไม่รู้ และเหมือนกับ Darkness fall ยังไงยังงั้นเลย แต่ก้อดูเพลินๆดี

 

โดย: Deddysung IP: 203.118.121.101 25 กรกฎาคม 2548 21:23:24 น.  

 

ไม่มีความน่ากลัวค่ะ
แต่มีตกใจเป็นระยะ ๆ

 

โดย: อุ๋ย IP: 58.11.104.2 18 สิงหาคม 2548 18:59:43 น.  

 

Tooth Fairy ใน Darkness falls ก็สนุกดีนะ แต่ทำไมเจ๊งอ่ะ อยากรู้

 

โดย: 555 IP: 203.151.140.123 16 ตุลาคม 2548 17:34:58 น.  

 

ตอนจบแย่มากๆค่ะ เสียดายที่ตั้งใจดู

 

โดย: มาเรีย IP: 61.91.97.222 12 ธันวาคม 2548 20:10:57 น.  

 

เห็นด้วยครับ หนังตายตอนจบจริงๆ ทั้งๆที่การถ่ายทอดภาพกับบรรยากาศทำได้ดีแท้ๆ

 

โดย: Blade of Fury IP: 203.114.123.128 14 ธันวาคม 2548 4:47:12 น.  

 

ผมชอบเรื่องนี้นะครับ น่ากลัว และสร้างความสะดุ้งได้หลายทีเลย

แต่เสียอารมณ์ตอนที่เห็น Boogey man นี่แหละ

 

โดย: YoiChi_KinG IP: 125.25.244.174 9 กุมภาพันธ์ 2551 16:23:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 เมษายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.