www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"



...ผมหยิบหนังสือA Series of Unfortunate Events มาลองยืนอ่านหลายรอบตั้งแต่วางแผงแรกๆ เคยคิดจะซื้อเพราะกิตติศัพท์ที่โค่นHarry Potterลงจากอันดับ1ได้ในหลายแห่ง แต่ผมอ่านแล้วอ่านอีก ผมก็ยังไม่ชอบอยู่ดี หรือ ผมจะแก่เกินไป?

........ผมเข้าไปดู Lemony Snicket’s A Series of Unfortunate Events ไม่ใช่ในฐานะแฟนหนังสือ กล่าวได้ว่าผมยังไม่เคยอ่านเป็นเรื่องเป็นราวติดต่อกันเสียด้วยซ้ำ(เท่าที่รู้ตอนนี้มีไปถึง11เล่มแล้ว และผู้เขียนตั้งใจจะจบที่เล่ม13) แรงดึงดูดอย่างแรงที่หนังดึงผมเข้าไปดูคืองานกำกับศิลป์จากหนังตัวอย่างที่ลึกลับมีเสน่ห์อย่างน่าตื่นตะลึง พร้อมการกัดหยอกยั่วล้อชวนเข้าไปดูจากหนังโฆษณา (ใครดูsunnyน้องคนเล็กแล้วไม่ชอบบ้าง) นั่นคือเหตุผลที่ผมเข้าไปดูที่SF Emporium เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมารอบ19.00น.

.....หนังเล่าเรื่องโดยJude Law(ที่มาแค่เสียง) เป็นเรื่องของ3พี่น้องBaudelaire ที่ประสบเคราะห์พ่อแม่เสียชีวิต ทำให้ต้องไปอยู่ในการอุปการะของCount Olaf และนั่นนำมาสู่ความโชคร้าย ซวยซ้ำซวยซาก การกลั่นแกล้ง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เคราะห์ดีที่แต่ละคนต่างมีความสามารถ และ มีความรักความสามัคคีที่ยึดเหนี่ยวให้ฝ่าความเลวร้ายไปได้อย่างไม่ย่อท้อ

....ผมไม่ชอบหนังสือ(เท่าที่ยืนอ่านจนเกือบจบ เพราะอ่านหลายรอบ55) เพราะ มันเหมือนไม่มีเนื้อเรื่อง มันเหมือนกับการต้องเจอเรื่องที่เคราะห์ร้ายที่ผู้เขียนพยายามใส่เข้าไปแล้วใส่เข้าไปอีก แล้วให้สามพี่น้องใช้ความสามารถความสามัคคีผ่านเหตุการณ์ต่อเหตุการณ์ เพื่อให้ตรงกับเจตนารมย์ที่จะให้ผู้อ่านรับรู้ว่านิยายเล่มนี้ต่างจากเล่มอื่นๆที่คุณอ่านนะ ไม่มีนางฟ้า ไม่มีความสมหวัง ไม่เจอHappy endings แต่ผมอ่านแล้วผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่มีเนื้อเรื่องด้วยซ้ำ หรือผมจะแก่เกินไป?

....ผมชอบหนังมากกว่าหนังสือ เพราะ ความเด่นในด้านอื่นมันกลบสิ่งที่ผมไม่ชอบไปได้แบบไม่รู้ตัว การกำกับศิลป์ กำกับภาพและงานสร้างทำให้ผมหลงใหลกับฉากแต่ละฉากที่หนังเอามาล่อหลอกให้คนดูทึ่งไปด้วย ทุกอย่างของหนังมันกลมกลืนกันไปหมด ถ้าไม่บอกผมอาจคิดว่าตัวเองกำลังดูหนังของTim Burtonอยู่ด้วยซ้ำ และกับการแสดงของทั้งสองฝ่ายที่เรียกคนดูได้อย่างน่าชื่นชม ทั้งฝ่ายร้ายที่Jim Carrey เล่นได้กวนโอ๊ยอย่างน่าดูชมไม่น่ารำคาญ(สำหรับผมกวนโอ๊ยแบบน่ารำคาญคือการแสดงในTheGrinch) และฝ่ายดีมีสามพี่น้องที่รวมตัวกันแล้วมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง

....จุดเด่นอีกอันหนึ่งที่ผมชอบหนังมากกว่าหนังสือ และผมชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าHarry Potter2ภาคแรกด้วยคือ หนังเรียงร้อยเรื่องราว เล่าเรื่อง ได้ดูสนุกเหมือนดูหนังเรื่องหนึ่ง(ถึงแม้ผมจะรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรคล้ายๆกับหนังสือก็ตาม) ในHarry Potter 2ภาคแรก ผมเชื่อว่าถ้าคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนหลายคนไม่น่าสนุกไปกับมันเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนการพยายามจับหนังสือยัดเข้าไปใส่จอภาพยนตร์ แปลตัวอักษรให้เป็นภาพสามมิติบนจอ โดยไม่กล้าที่จะดัดแปลงเรื่องราวมากนัก จึงเหมือนกับการอ่านหนังสือบนจอหนังมากกว่า คนที่สนุกคือสนุกกับการได้เห็นสิ่งต่างๆในหนังสือมาโลดแล่นบนจอ แต่ไม่สนุกในฐานะการดูหนังเรื่องหนึ่ง ตรงข้ามกับเรื่องนี้ที่การดัดแปลงมาเป็นหนังทำได้อย่างดูสนุก คนที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนก็น่าจะติดตามไปได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงอะไร(ยกเว้นบางตอนที่ผมก็งง เรื่องเปลือกกล้วยกับปลิง)

สิ่งที่ชอบ

1.การดัดแปลงมาเป็นหนัง....หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากนิยายที่ผมคิดว่าทำได้ดี คนสร้างเข้าใจภาษาหนังและรู้ว่าหนังต่างจากหนังสืออย่างไร เป็นการดัดแปลงที่เหมาะสมไม่ใช่บิดเบือนเสียเรื่องเดิม และก็ ไม่ใช่ยกหนังสือมาใส่จอหนัง

2.งานกำกับภาพ งานสร้าง ฉาก การกำกับศิลป์....แค่ได้ดูก็รู้สึกคุ้มแล้ว ไม่เสียแรงที่ได้ผู้กำกับภาพEmmanuel Lubezki ที่เคยฝากฝีมือไว้กับหนังอีก2เรื่องมาร่วมงาน ซึ่งผมเองชอบภาพและงานสร้างของมันมากๆเช่นกันคือGreat Expectations / Sleepy Hollow สำหรับผมข้อนี้คือส่วนที่ดีที่สุดของหนัง และดีในระดับยอดเยี่ยม

3.Jim Carrey....(ไม่น่าเชื่อว่าอายุ43ปีแล้ว)กลับมาเล่นในบทที่ตัวเองถนัด และทำได้ดีดังที่กล่าวไปแล้วคือเล่นได้กวนโอ๊ยแบบไม่น่ารำคาญ ไม่ต้องแปลกใจที่เขาจะพยายามเปลี่ยนตัวเองไปเล่นหนังดราม่าได้ดีขนาดไหนก็ตาม แล้วคนจะไม่ลืมภาพเมื่อเค้ามาเล่นcomedy เพราะไม่ว่าจะเป็นบทในThe Mask/The grinch หรือแม้แต่ Count Olaf มันเป็นภาพที่จะติดตาคนดูได้อย่างยากจะลบภาพออก (ทั้งที่การแสดงของเขาในMan on the Moon The Majestic และ Eternal Sunshine of the Spotless Mind ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้นักแสดงดราม่าดีๆคนไหนเลย)

4.Violet และ Sunny Baudelaire....คนแรกน่ารักจริงๆรับบทโดยEmily Browningที่เคยรับบทนำตอนเด็กแต่คว่ำและจำหน้าเธอไม่ได้ในDarkness falls เรื่องนี้เธอโดดเด่นขึ้นจอเหลือเกิน คนหลังรับบทโดยฝาแฝดที่มาสลับกันเล่น(เหมือนกับเจ้าเด็กน้อยในmeet the fockers นั่นก็แฝด) เป็นอีกคนที่เล่นได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน

4.ฉากเปิดเรื่อง....Anmationตอนต้นเป็นการเปิดเรื่องที่กล้าและฉลาดอย่างยิ่ง เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี

5.มุขและการจิกกัด....ผมชอบมุขในเรื่องหลายๆมุข มันไม่ใช่มุขที่กะเอาฮากันสนั่น แต่เป็นมุขที่กัดให้เจ็บๆแสบๆ เรียกรอยยิ้มได้อยู่เรื่อยๆ เช่น ตอนต้นที่Count Olafต้องจดชื่อ3พี่น้องไว้ในมือ /บุคลิกของป้าโจเซฟีนผู้วิตกจริตและสิ่งที่กลัวก็กลายมาเป็นจริงตอนท้ายทั้งตู้เย็นทั้งลูกบิด / สิ่งที่sunnyพูดหรือคิด /ความหลงไหลในไวยากรณ์ /บุคลิกและลีลาของCount Olaf ที่ชอบมากคือตอนท้ายที่Count Olaf ตอกกลับ Mr. Poe (ทำให้หนังเรื่องนี้ดูจะเป็นเหมือนมีกลิ่นอายการเรียกร้องสิทธิความชอบธรรมจากเด็ก ให้ผู้ใหญ่ที่มักมองว่าสิ่งที่เด็กพูดไม่น่าใส่ใจ ไม่สนใจ ได้ลองนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด้ก "ฟังฉันบ้างถึงฉันเป็นเด็กก็ตาม หรือคุณไม่เคยเป็นเด็ก")

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.หนังไม่มีเนื้อเรื่อง....พล้อตของการตามหาความจริงและชมรมกล้องส่องทางไกล ดูน่าจะเป็นพล้อตหลักที่น่าสนใจในการติดตามแต่หนังดูเหมือนให้ความสนใจในเรื่องการใส่ความโชคร้ายและสนใจในคาแรกเตอร์ของตัวละครทั้งหลายมากกว่า เงื่อนงำความลับที่หนังวางไว้อย่างน่าสนใจพอถึงท้ายเรื่องแล้วเฉลยกลับไม่มีอะไรเท่าที่วางไว้ตอนแรก โชคดีที่หนังทำได้ดีในส่วนองค์ประกอบอื่นๆ เพราะถ้าเรื่องนี้หนังไม่ได้ผู้กำกับที่มีฝีมือ ไม่ได้งานสร้างที่ให้คนดูหลงใหล ไม่ได้ทีมนักแสดงที่มีฝีมือชุดนี้ ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าเบื่อมากเรื่องหนึ่ง เพราะเนื้อเรื่องมันมีแค่การใส่ความโชคร้ายไปเรื่อยๆจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้วให้แก้ปัญหาออกมาแล้วก็ไปเจอใหม่

สรุป....ภายใต้เครื่องเครา(นักแสดง/งานสร้าง/การกำกับภาพ/การเล่าเรื่อง/ลูกเล่น) ที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยม ทั้งที่เนื้อใน(เนื้อเรื่อง)แล้วตัวผมเองไม่ได้ชอบเท่าไหร่เลยบวกกับฉบับหนังสือที่ผมไม่ประทับใจ แต่มันก็กลบความน่าเบื่อไปได้ชนิดดูได้เรื่อยๆยิ้มๆเพลินๆจนหนังจบ เชื่อว่าคนที่ชอบหนังสือเรื่องนี้น่าสนุกกับหนังเรื่องนี้ไปด้วยอย่างแน่นอน สำหรับผมเองถ้าโชคร้ายยังตามมาเป็นครั้งที่สอง และไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือเครื่องเคราไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก ครั้งหน้าผมคงจะรอดูจากแผ่นมากกว่าเข้าโรง หรือผมจะแก่เกินไป?

ปล....ระหว่างนี้ใครที่คิดจะไปดูการหมั้นที่ยาวนาน ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า30นาทีแรกมีสมาธิและจดจำตัวละครพร้อมกับเนื้อเรื่องให้ดี เพราะอะไร แล้วกลับมาคุยกันครับกับ A very long engagement

ปล2. ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนชอบดูหนังน่าจะเหนื่อยแน่ๆ อย่างผมแฟนพันธุ์แท้The Ringอย่างผมคงไม่พลาดที่จะชม แต่กับCafe Lumereที่พลาดจากงานเทศกาลก็ยังไม่ได้ดู แถมสัปดาห์หน้าที่ต้องเจอผมคงเริ่มต้นกับcrying out of love.. แถมตามมาด้วย บุปผาราตรี 2 /Tokyo Godfathers / Boogeyman / Don't Move /Bride & Prejudice คุณจะตัดเรื่องไหนออกกันครับ

***เชิญชวนแวะไปอ่านไปคุย กับหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนในหมวดนี้ที่ไม่แสดงรายชื่ออีก40+เรื่องได้ที่ ---> ห้องเก็บหนัง




 

Create Date : 20 มีนาคม 2548
12 comments
Last Update : 21 มีนาคม 2548 0:23:26 น.
Counter : 3215 Pageviews.

 

ชอบอ่านหนังสือมากกว่าหนัง แต่หนังก็ชอบดู

 

โดย: อยู่ไกลบ้าน 20 มีนาคม 2548 17:20:39 น.  

 

ยังไม่ได้อ่านทั้งหนังสือ และดูหนังครับ..
แต่ก็น่าสนใจมากอยู่เหมือนกัน คาดว่าจะไม่พลาดง่ายๆครับ

 

โดย: Mint@da{-"-} 20 มีนาคม 2548 20:44:06 น.  

 

ผมชอบหนังเรื่องนี้นะครับ เห็นด้วยกับพี่ว่า ทำออกมาดีกว่า Harry สองภาคแรกจริงๆ

งานกำกับศิลป์ผมก็ว่าดูดีกว่า The Aviator ที่ได้ออสการ์ไปซะอีก

แต่ผมว่างานเมคอัพ ที่หนังเรื่องนี้ได้ออสการ์มายังไม่คู่ควรเท่าไหร่ครับ เพราะผมติดตาติดใจกับ The Passion of the Christ มากกว่า

โดยส่วนตัว ในเด็กสามคนผมชอบ Liam Aiken ที่เล่นเป็น Clause Baudelaire มากที่สุดนะครับ

 

โดย: nanoguy 22 มีนาคม 2548 11:11:25 น.  

 

ผมชอบเรื่องนี้นะ แม้จะคิดว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้


ผมไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนเลยครับ ชอบตัวละครทุกตัวนะ แต่ผมคาดหวังไว้แรกๆ ว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เศร้ามากกว่านี้ น่าจะกดดันมากกว่านี้ แต่ผมต่างจากคุณนะครับ ผมไม่ชอบ จิม แครี่ มากทีสุดในเรือ่ง ในเรื่อง overacting น่ะ ไม่รู้สิครับ ผมหวังว่าเรือ่งนี้มันจะตลกน้อยหน่อยน่ะ แล้วเด็กๆทั้งสามคน ผมไม่รู้ว่า หนังเอา เหตุการ์ณมาจากในหนังสือเยอะแค่ไหน คือผมรู้สึกว่า น่าจะใช้ความฉลาดของเด็กๆพวกนั้นได้มากกว่านี้นะ รู้สึกไม่จุใจ ยังไงไม่รู้ รัวมถึง น้อง ซันนี่ ที่ น่าจะกัด ได้มีประโยชน์ มากกว่านี้น่ะ


แต่ก็โอเคในระดับนึงนะครับ

 

โดย: เด็กชายรอยยิ้มโทรศัพท์และน้ำตา 30 มีนาคม 2548 23:55:25 น.  

 

ปล. ขอทวง คาน่อน ด้วยคับ เหะๆๆๆ

 

โดย: เด็กชายรอยยิ้มโทรศัพท์และน้ำตา 30 มีนาคม 2548 23:56:22 น.  

 

ชอบเรื่องนี้ที่โปรดักชั่นเหมือนกันครับ สวยและมีเสน่ห์มาก ๆ ๆ ๆ

 

โดย: gimkung14 IP: 221.128.68.196 3 กรกฎาคม 2548 14:33:12 น.  

 

เรื่องกล้วยกะปลิง เพราะว่าปลิงจะกินคนที่กินอาหารเข้าไปแล้วยังไม่รอถึงชม.ก่อนลงน้ำ พอป้าโจเซฟินลงน้ำ พวกปลิงเลยตามชนเรือไงคะ
เพิ่งดูเรื่องนี้เมื่อวาน เพราะตั้งใจว่าอ่านหนังสือจบ 3เล่มแรกที่เค้าเอามาทำหนังแล้วค่อยดู รู้สึกไม่ค่อยดีนิดนึงกะหนังเท่าไหรคะ เพราะเปลี่ยนเนื้อเรื่อง แล้วก็คิดว่าถ้าไม่อ่านหนังสือมาก่อนดูไม่รู้เรื่องแหงๆ
ป.ล. จะติดตามอ่านคำวิจารณ์ต่อไปนะคะ

 

โดย: little_zaizai IP: 61.91.142.131 5 กันยายน 2548 18:31:35 น.  

 

ผมชอบหนังสือมากเลยครับ มีความสนุกน่าติดตามอยู่เรื่อยๆ พอมาทำเป็นหนัง รู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะดัดแปลงเนื้อเรื่อง แต่ก็โอเคนะครับ ถ้านำเฉพาะเล่มหนึ่งมาเป็นเนื้อเรื่อง คิดว่าคงจะสนุกหรือน่าเบื่อกว่านี้

 

โดย: scarry shutter IP: 202.5.83.66 19 มีนาคม 2549 13:46:32 น.  

 

หนังเเต่งไม่เหมือนหนังสือเลย ไวโอเล็ตควรจะฉลาดกว่านี้ โอราฟน่าจะโหดกว่านี้มากเด็กโบเเลร์จึงเกลียดเข้ากระดูกดำ

 

โดย: mamew123 IP: 61.7.162.205 26 มกราคม 2550 15:43:33 น.  

 

ชอบทั้งหนัง+หนังสือ

ได้ดูหนังก่อนเลยไปไขว่คว้าหาหนังสือมาอ่าน ยังอ่านไม่ครบทุกเล่มคะ ก็ชอบ แต่ไม่ชอบอยู่อย่างคนเขียนแกเน้นเหลือเกินให้ทิ้งหนังสือเล่มนี้ซะกลัวเราจะทนอ่านไม่ได้(ก็ซื้อมาแล้วจะทิ้งได้ไงแหมคนเขียนเนี่ย555)

ตัวหนัง สำหรับนักแสดง ชอบนะ คัดมาดี ตัวจิมเองด้วยถึงแม้ว่าในหนังสือแกจะร้ายกาจมากกกก กว่าในหนังก็ตาม

ชอบ เรื่อง แสง สี ภาพ เสื้อผ้า

ที่ไม่ชอบในหนังคือเรื่อง ไฟไหม้บ้าน กับกล้องส่องทางไกล(ใช่ไหมอะ) คือตอนจบมันเหมือนไม่เฉลยให้เคลียร์ยังไงไม่รู้ อะ หรือเขาเฉลยแต่เราไม่เข้าใจเอง

เรื่องความสามารถของพวกเด็กๆ ในหนังทำออกมาน้อยไปหน่อย

แต่ยังงงกับตอนจบของหนังสืออยู่เลย เล่ม13 เนี่ย

nice day naka

 

โดย: nangmarn2000years IP: 125.24.76.219 18 เมษายน 2550 17:52:31 น.  

 

หนังสือเจ๋งกว่าค่ะ

 

โดย: นุ๊ก IP: 58.10.33.72 21 กันยายน 2551 0:39:24 น.  

 

ในสามคนชอบ liam aiken (เคลาส์ โบดแลร์) ที่สุดแล้ว น่ารักมากๆ




ดูแล้วก็แบบว่าชาติที่แล้ว3ตัวนี้ไปทำเวรกรรมอะไรมานักหนา?

 

โดย: หนังสือชอบหน้าผาวิปโยคอ่ะ IP: 118.172.24.170 13 พฤษภาคม 2552 15:05:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.