Oh!! my sassy boss ตอนที่ 33 หน้า 1
กฤษณะเข้ามาในห้องนั่งบนที่นอนเงียบไร้สติอยู่นานปล่อยให้ความมืดโรยตัวมาจนเวลาผ่านไปจนดึกคิดไม่ตกกับสิ่งที่แม่พูด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำล้มตัวลงนอน แต่ก็นอนไม่หลับ คิดหนัก กับสิ่งที่แม่ถ่ายทอดมา น้ำเสียงที่ราบเรียบ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าตอนที่แม่ด่า
หย่า!!!!
เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในหัวเขาสักนิด ทำไมอยู่ๆ แม่อยากให้เขาหย่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้บังคับเขาให้แต่งงาน พอแต่งให้แล้วไม่ถึง 2 เดือนก็มาบอกให้เขาหย่า มันจะมากไปแล้ว ชีวิตนี้เป็นของเขา เหตุใดต้องมาบงการมากมายขนาดนี้
จะด้วยเหตุผลที่ว่าเมขลามีลูกไม่ได้ มันไม่น่าใช่ เมื่อเขายังไม่เคยเปิดอู่ผลิตลูกเลย จะมาเหมาว่าเป็นหมันได้ยังไง เอาไว้เขาปั้มไปสักปีก่อน ถ้ายังไม่มีลูกค่อยมาว่ากันอีกที เขาตรวจร่างกายมาแล้ว สุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง สเปิร์มก็สมบูรณ์ ถึงจะไม่เคยเอาไปใช้กับใคร ในเมื่อมีเมียแล้ว จะใช้กับเมียก็ไม่แปลก
เมขลาอยากหย่ากับเขาอย่างนั้นหรือ เธออยากมีอิสระ หรือ เธอไม่ได้รักเขาเลยสักนิดเดียว เรื่องนี้เขาต้องเคลียร์กับเมขลาให้เข้าใจ เขาพยายามปรับตัวเข้าหาเธอแล้ว ถึงจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็พยายามแล้ว ถ้ามันยังน้อยเกินไป เขาก็จะเรียนรู้เพิ่ม
ถ้าเธอต้องการหย่า เพราะไม่รักเขาจริงๆ เขาก็พร้อมจะยอมทำตามที่เธอต้องการได้ เพียงแค่บอกเขาตรงๆ
ค่ำคืนนั้น กฤษณะ นอนไม่หลับจนถึงเช้า
ส่วนเมขลา แม้จะคิดว่าไม่ได้ใส่ใจกฤษณะว่าจะรักเธอหรือสนใจเธอหรือไม่ แต่พอเขาไม่ไลน์หา ไม่โทรหา ก็แอบเหงา
วันต่อมากฤษ ออกไปทำงานตอนสาย เขาตรวจคนไข้เสร็จ แนะนำการดูแลสุขภาพ และนัดหมายดูอาการทางไลน์ตามปกติ ดูแผลผ่าตัด ที่แห้งสนิทดีแล้ว ก็เบาใจ ให้พยาบาลนัดมาล้างแผล แล้ว อีก 1 เดือน เขาจะเข้ามาดูแผลให้อีกที
ส่วนเมขลา วันนี้ก็เช่นเดิม เพิ่มเติมคือหมอนิ่มที่เดินเข้าเรือนยาไทยมาอย่างอายๆ
เมขลา “วันนี้มาอะไรคะ?”
เธอถามแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าหมอนิ่มจะมาทำอะไร
หมอนิ่มกวาดสายตาไปรอบเรือน พบเมขลาอยู่คนเดียวก็โล่งใจ
หมอนิ่ม “วันนี้ไม่มีพยาบาลเหรอ?”
เมขลา “ไม่มี วันนี้บนตึก พยาบาลลาหลายคน ฉันเลยไม่ขอพยาบาลมาช่วย”
หมอนิ่มเดินนวยนาดมานั่งลงตรงหน้าหมอ
หมอนิ่ม “ฉันดีขึ้นแล้ว เมื่อวานวันอาทิตย์ เธอนัดคนไข้มาทำไม?”
เมขลา “หมอนิ่มมาจริงๆ เหรอ?”
เธอถามหน้าตาใสๆ ทำเอาหมอนิ่มผงะ ว่าพลาดบอกเรื่องโก๊ะๆ กับเมขลาไป
หมอนิ่ม “นัดคนไข้มั่วๆ แบบนี้ไม่ได้นะ ไม่มีใครสอนเธอเหรอ?”
หมอนิ่มสั่งสอนเธออย่างไม่ปราณีนัก แม้จะอยากมารักษาใจจะขาด แต่พอมาเมื่อวานเจอเรือนยาไทยปิดก็โมโหกลับบ้าน
เมขลามองบนก่อนจะถามตอบ
เมขลา “แล้ววันนี้นะรมยาไหมล่ะ?”
เธอไม่สนใจว่าหมอนิ่มจะมาอารมณ์ไหน งานก็คืองาน จนหมอนิ่มไปไม่เป็น พยักหน้าตกลง ก่อนจะรอให้เธอเตรียมชุดให้เปลี่ยนอย่างว่าง่าย เธออธิบายการใช้ยาเรียบร้อยแล้วก็ปล่อยให้หมอนิ่มอยู่ดูแลตัวเอง ชมนกชมไม้หลังเรือนเธอคนเดียว ส่วนเธอเคลียร์งานต่อ ผ่านไปครู่ใหญ่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดเรือน พูดคุยกับเธอเหมือนเช่นเคย หมอนิ่มรมยาจนพอใจ จ่ายเงินเธอแล้วก็ไป
วันนี้มีคนไข้มา 2-3 คน และมีหมอจากบนตึก รวมทั้งหมอเอกก็มาหาเธอเหมือนทุกวัน แต่หน้าเมขลากับดูเศร้าหงอย หมอเอกพยายามชวนเธอไปหาอะไรทาน ชวนไปดินเนอร์ เธอปฎิเสธเขาไปจนหมอเอกต้องถอยไปตั้งทัพใหม่ แม้เธอจะพยายามทำหน้าตาสนุกสนานเหมือนทุกวัน แต่พอไร้ข้อความติดต่อจากกฤษ จริงๆ เธอก็แอบใจหายนิดๆ บอกตัวเองว่าต้องผ่านไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือเหตุจะเกินพรุ่งนี้ เธอต้องทำใจให้ผ่านไปให้ได้ ถ้าหากต้องเลิกกับกฤษจริงๆ
จะเผลอใจไปกินเด็กไม่ได้โดยเด็ดขาด
งานของกฤษวันนี้เสร็จไว
เลิกงานในตอนบ่าย เขายังมีความขุ่นเคืองในจิต จนต้องเข้าวัดเพื่อหาสิ่งที่อาจจะช่วยรักษาความฟุ้งซ่านนี้ได้ กฤษณะ จัดสังฆทานไปถวายพระอาจารย์ที่เขาสนิท เป็นที่รู้จักกันดีเมื่อก่อนนั้น กฤษณะเคยมาบวชที่นี่ ก่อนจะย้ายไปเชียงใหม่ เพื่อจำพรรษาอยู่ 1 ปี หลังจากสึกไปแล้วเขาก็มาสนทนาธรรมกับพระอาจารย์อยู่เนืองๆ
พระอาจารย์เห็นหน้าลูกศิษย์ไม่มีความสบายใจเลยเอ่ยขึ้น นานแล้วที่กฤษไม่ได้แวะมา น่าจะเกือบครึ่งปี เขามาล่าสุดก่อนปีใหม่มาบอกว่าจะต้องไปฝึกงานที่อยุธยาอาจจะไม่ได้แวะมาดูแลพระอาจารย์บ่อย
แต่มาครานี้ช่างแปลกนัก โดยปกติหน้าตาผ่องใส มีราศีธรรมะจับ แต่ตอนนี้ เปลี่ยนไป
พระอาจารย์โต “โยมกฤษ เจ้าอาจจะสึกเป็นฆราวาสมาหลายปีแล้ว แม้นว่าอยู่ในสมณะนั้น ธรรมยังอยู่ มิมีเปลี่ยนแปลงไปดอก”
ด้วยพระอาจารย์รู้แจ้งดีว่าศิษย์ตนคนนี้นั้นใฝ่ธรรมะ อยากจะกลับมาบวชอีก แต่เส้นทางของเขา พระอาจารย์เห็นแล้วว่าสมควรที่จะต้องเป็นหมอเพื่อรักษาประชาชนย่อมมีประโยชน์เช่นกัน การที่คนเราอยู่เพื่ออุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าอยู่ในสถานะไหนย่อมประเสริฐทุกนาม
กฤษ “พระอาจารย์ศิษย์เข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ตอนนี้ศิษย์อาจจะไม่เหมือนตอนนั้น”
พระอาจารย์มองหน้าเศร้า พอจะเดาได้ การเป็นฆราวาสนั้น อยู่ที่ใดก็ย่อมมีทุกข์
กฤษณะ ถอนหายใจ ก่อนจะกราบเรียนพระอาจารย์ของตน
กฤษ “ศิษย์รู้ดีว่า ทุกข์ย่อมคือทุกข์ ทุกข์นี้ ยากจะวางลงได้นัก พระอาจารย์ศิษย์อาจจะไม่ได้มาบวชอีกแล้ว แต่จะยึดหลักคำสอนของอาจารย์เอาไว้มั่น”
เขารู้ว่าไม่ควรเอาปัญหาทางโลกไปให้อาจารย์รับรู้ แต่ด้วยไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน การมาที่นี่อย่างน้อยก็น่าจะได้สงบจิตใจได้ดีกว่าที่อื่น
พระอาจารย์ “ก็ดีแล้ว อยู่ที่ใดก็ย่อมมีทุกข์ ถ้าเจ้าเข้าใจทุกข์เจ้าก็จะวางลงได้เอง”
แม้ไม่รู้ว่าศิษย์มีทุกข์อะไร แต่การเทศนาธรรมเป็นเส้นทางของพระอาจารย์
พระอาจารย์ “ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ถ้าเจ้าถือไว้มันหนักยากจะวาง ก็เอาไว้ที่หน้าโบสถ์เถิด”
อาจารย์บอกเพียงเท่านั้น ที่ที่ เขามักไปนั่งสมาธิ
กฤษณะ กราบลาพระอาจารย์แล้วขอเสื่อผื่นเล็กเพื่อไปนั่งหน้าโบสถ์ ตามที่อาจารย์บอก
กฤษณะพยายามทำใจให้สงบนิ่ง แน่วแน่ นิ่ง เท่าไหร่ หน้าเมขลาก็ลอยอยู่ในทุกห้วงของความคิด แทนที่จะสงบใจได้ กลับหนักกว่าเดิมนัก เฮ้ย...ชีวิต มีรักย่อมมีทุกข์ดั่งพระอาจารย์เคยสอนไว้
พระอาจารย์แอบมองลูกศิษย์ที่นั่งกระวนกระวายใจแล้วส่ายหน้า
พระอาจารย์ “นี่ล่ะน้า เขาเรียกทุกข์เพราะรัก สึกออกมาแล้วไม่รอดสักคน”
ย่ำเย็นแล้ว กฤษเข้าไปกราบลาอาจารย์เพื่อกลับบ้าน
พระอาจารย์โต “เป็นไง นั่งเมื่อยไหม?”
ท่านถามติดตลกแต่ไม่ตลก กฤษรู้ดีว่าเขาไม่นิ่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต่อให้นั่งทั้งวันก็เปล่าประโยชน์
กฤษ “อาจารย์ ผมรู้แล้วว่ามันทุกข์มาก แต่เข้าแล้วออกไม่ได้จริงๆ ขอรับ”