Oh!! my sassy boss ตอนที่ 26 หน้า 2
เธอชวนเขากลับเรือนยาไทย แล้วทำการล้างเมล็ดชุมเห็ดไทย ผึ่งให้แห้ง จากนั้นเธอก็ไปหาเตยหอมมาล้างและผึ่งจนแห้งทำการหั่นเตยหอมเสร็จแล้ว คั่วเมล็ดชุมเห็ดไทย เวลาทำยา กลิ่นหอมของใบเตยและเมล็ดชุมเห็ดไทยที่คั่วแล้ว ช่างดูกลมกล่อมน่ารับประทาน หลังจากคั่วเธอก็ต้มเคี่ยว เมขลาดูมีสมาธิดี ไม่วอกแวก และดูสมกับที่เป็นหมอยา จนกฤษ แอบมองดูเธอหลายรอบ มันมีเสน่ห์น่าหลงไหลนัก แม้วันนี้จะทำยาให้กับศัตรูหัวใจเขาก็เถอะ เขาก็ยังช่วยเธอทำโดยไม่อิดออดเหมือนเคย
หลังจากทำยาเสร็จแล้ว เธอโทรศัพท์ไปแจ้งหมอเอกให้แวะมาเอาตอนที่เขาพักเบรค แต่เหมือนหมอเอกจะว่างงาน เขารีบลงมาหาเธอทันทีที่วางสาย
เมขลา “มาไวจังนะ”
เธออดสงสัยเขาไม่ได้
หมอเอก “ก็ผมคิด....เอ่อ..”
กฤษขมวดคิ้ว เขารู้ว่าหมอเอกจะพูดอะไรต่อ แต่เหมือนเมขลาก็ยังไม่ทันเขาว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร มองเขาหน้าซื่อๆ
หมอเอก “ผมคิดว่า คุณคงเสร็จแล้ว ทานอุ่นๆ น่าจะดีกว่า”
เมขลา “จะหลับในที่ทำงานยังงั้นเหรอ?”
เธอสวนเขา
หมอเอก “ขอบคุณมาก ที่อุตส่าห์ทำยาให้ผม”
หมอเอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างดีใจ ที่อย่างน้อยการออเซาะของเขาครั้งนี้ ก็มีผลให้เมขลาสนใจเขาบ้าง
เมขลา “ฉันไม่ได้ทำให้ฟรีๆ หรอก นี่หยอดกระปุกมาด้วย”
เธอยื่นกระปุกทำมาหากินให้เขาเอาเงินใส่
แม้จะมีซ็อตฟิวที่โดนหักมุมซึ้งไปครู่ใหญ่ แต่หมอเอก ก็ยังยิ้ม อย่างน้อยเมขลาก็ไม่เคยใจร้ายกับใครต่อให้รบกับเขาทั้งปีทั้งชาติ เธอก็ยังมีจรรยาบรรณความเป็นหมอสูงกว่าเขา ถึงจะเห็นแก่ความงกเงินก็เถอะ เธอก็ยังไม่เคยถือสาหาความยามที่เขาจิกกัดเธอ มันยิ่งทำให้เขา สะดุดในความใสซื่อ แก่นแก้ว ที่ปนมากับใจที่อารีย์
การรู้ข่าวว่าเธอลาไปแต่งงานหัวใจเขาก็ช็อคจนแทบจะวายตายให้ได้ เพราะเขายังไม่เคยบอกความในใจที่มีให้เมขลารับรู้เลย แล้วตลอดที่รู้จักกันมาเธอยังไม่เคยเดทกับเขา แล้วทำไมเขาจะต้องเสียเธอไปให้คนอื่น ได้แต่ภาวนาให้ข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวปลอม พอจะถามเอาความจริง มนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่ากวนโอ้ยเก่งอย่างเมขลาก็ไม่ชอบพูดความจริง แม้ความจริงจะทำร้ายคนหลายคนก็ตาม แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้ว่า ถ้าเกิดเป็นความจริง เธอก็มักจะเอ่ยตรงๆ ไม่ปิดบังอะไร
แต่พอเขาเห็นนิ้วนางซ้ายของเธอที่ไม่มีแหวนสวมอยู่ก็ชื้นใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย ผอ ก็คงมาปล่อยข่าวลือ คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน แล้วในเมื่อมีข่าวลือแบบนี้ เขาจะอยู่นิ่งๆ กัดแซะ เมขลาเล่น คงไม่มีความคืบหน้าแล้ว ถ้าไม่รุก
คนอย่างเมขลา ต่อให้รุกก็ยังเฉย เขาต้องใช้ความพยายามมากกว่าเก่าที่จะเปิดเผยความในใจออกมา
ขณะที่คิดอะไรไปไกลแสนไกลแล้ว เขาหันมาประสบหน้ายักษ์ของกฤษที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็ตกใจ นี่ก็แปลกคน แต่เดิมทีก็เห็นนิ่มๆ เรียบร้อย ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่หลังๆ มานี่ รู้สึกถึงแรงอำมหิตจากเด็กหนุ่มคนนี้ จนให้รู้สึกขนลุกขนพอง หมอเอกเลยต้องค่อยๆ เลี่ยงออกมา
กฤษเช็คบุคกิ้งแล้วบอกเมขลาว่า
กฤษ “วันนี้แปลกมากเลย ไม่มีบุค”
เมขลา “ไม่แปลกหรอก เดี่ยวอาจจะมีขาจรมา ส่วนมาก ที่บุคไว้ ก็คือคุณแม่หลังคลอด ใช่ว่าเราจะมีคนคลอดทุกวันนิ แต่ส่วนมาก พอแม่ๆ มาคลอดบนตึก หมอสูติเขาก็จะแนะนะแพคเกจเราให้ แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีคลอด ก็จะไม่มีคนไข้แบบนี้แร่ะ แต่ขาจรเดี๋ยวก็มา”
เธอบอกเขา
หมอสูติช่วยแนะนำแพคเกจให้ นับว่าเป็นการทำงานเป็นทีมที่ดีไม่ใช่น้อย จะว่าไปหมอสูติที่ว่าคือใครล่ะ ที่เขารู้จักคนแรก น่าจะหมอแอน และหมอหมอผู้ชายอีก 2-3 คน ที่ไม่เคยมาสุงสิงกันเท่าไหร่ แต่หมอบนตึกก็ไม่ค่อยมาสุงสิงกับเมขลามากหากไม่มีอาการเจ็บปวดเมื่อย ยกเว้น หมอแอน หมอมุข หมอเอก และ ผอ เดช นอกนั้นนานๆ จะแวะเวียนมาที่เรือนยาไทย ยามที่มีเขี่ยตาบ้าง หรืออาการหนัก
แต่ทุกคนก็เป็นคนไข้ที่ดี แต่จะมีบางคนที่ไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ อย่างหมอนิ่ม ที่เวลาเจอจะชอบหาเรื่องแซะเธอประจำ แต่จะว่าไป ถ้าไม่รักไม่สนใจไหนเลยจะอยากแซะ มันก็เป็นเรื่องคลุมเครือหรือว่า ธรรมดาของมนุษย์ผู้หญิง ไม่ชอบใคร ต้องหาพรรคพวกและหาเรื่องมาแซะได้ตลอดเวลา แต่ดูเมขลาก็ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครในโลกหล้า ยิ่งแซะมากเท่าไหร่ แรงสะท้อนก็แรงพอๆ กัน
เป็นดังอย่างเมขลาบอกเอาไว้ แม้ไม่มีบุ๊คกิ้งเอาไว้ ขาจรกลับมามากกว่าที่บุ๊กไว้เสียอีก แล้วยังมีคนไข้เก่าที่เคยมารักษาโรคอื่นแล้วก็มารักษาโรคใหม่ แล้วงานจัดปรับกระดูกเธอ เวลาทำงานเมขลาค่อนข้างละเอียด และมีสมาธิ เธอไม่ค่อยชวนคนไข้คุยหรือพูดมากมาย อาจจะถามอาการ หรือ ว่า เจ็บไหม เพื่อที่จะประเมินความหนักเบาของน้ำหนักที่ลงไป เธอพยายามสอนกฤษในบางท่าที่ง่ายๆ ที่สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับท่านวดทั่วไปได้ แต่ท่ายากๆ เธอไม่ได้สอนเขาละเอียด ตั้งแต่มาฝึกงาน งานจัดกระดูกมีค่อนข้างบ่อยก็จริง แต่เมขลาก็ไม่ได้ตั้งใจสอนกฤษ เพราะเห็นว่ามันนอกเหนือหลักสูตรที่เขามาฝึกฝนการเป็นแพทย์ แล้วอีกอย่าง กฤษ ยังดูเก้กังๆ กับการนวด การกดจุดคลายจุด ในจุดง่ายๆ ที่เมขลาชี้จุดให้เขาพอทำได้
การฝึกงานกับเมขลามาตลอด 5 เดือนทำให้เขาเรียนรู้เรื่องงานด้านแพทย์แผนไทยได้มากมายเกินกว่าที่เขาคิด ความรู้ที่มีมากกว่าห้องผ่าตัดที่เขาเคยรู้ เป็นศาสตร์ที่น่าทึ่งและน่าสนใจไม่ใช่น้อย อย่างน้อยคนไข้ก็ดีขึ้นจากความเจ็บป่วยได้ เปอร์เซนส์ของคนไข้ที่กลับมารักษาซ้ำบอกได้ว่า เขามีอาการที่ดีขึ้นและมีความยินยอมที่จะเลือกการรักษาทางแพทย์แผนไทย เป็นการตอบรับที่ดี เมขลามีจิตวิญญาณของความเป็นหมอสูง เธอไม่ได้มุ้งเน้นเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก แม้มันจะต้องจบลงด้วยค่าตอบแทนก็ตาม แต่เธอก็ทุ่มเทการรักษาสุดความสามารถที่เธอมีให้กับคนไข้
เขาอยากจะถามเธอเหมือนกันว่ามีบ้างไหมที่คนไข้ไม่หาย แต่ก็ไม่รู้เธอจะตอบเขากลับมายังไง หรืออาจจะได้คำตอบแบบกวนๆ ของเธอ
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่หาย เขาไม่กลับมาตอบ”
แต่การที่คนไข้ไม่กลับมารักษาอีก มันก็มีนัยอยู่ 2 ทาง 1. ถ้าเขาไม่หายป่วยแล้ว ก็คือ 2. เขาไปรับการรักษาที่อื่น
จากประวัติคนไข้ นอกจากคนไข้ที่มารักษาต่ออย่างเนื่อง ยังมีคนไข้กลับมารักษากับเธอมากกว่า 2 ครั้งหลายคน บางคนก็มารักษาโรคใหม่ หรือ กลุ่มคุณแม่ ที่เคยมาอยู่ไฟกับเธอเมื่อหลายปีแล้ว ก็ยังมารับการรักษาด้วยอาการอื่นๆ ซึ่งมันก็บ่งบอกว่า เขาพอใจกับการรักษาจากหมอเมขลา
เมขลา “เธออยากเรียนจัดปรับกระดูกไหม?”
เธอเอ่ยถามเขา กฤษมองหน้าเธอ แต่สักพักเหมือนเธอจะคิดอะไรได้
เมขลา “แต่อย่างเธอไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้มั้ง”
กฤษ “แต่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจนะครับ”
เมขลาสบตากับดวงตาคมที่มองเธอนิ่ง
เมขลา “เธอเป็นผู้บริหาร จะอยากทำงานยิบย่อยเหรอ”
กฤษ “ทุกวันนี้ก็ให้ผมทำทุกอย่างนิครับ”
เขาตอบโต้
กฤษ “แล้วผู้บริหารก็จำเป็นต้องทำงานยิบย่อยเป็น ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องรู้”
เสียงตอบหนักแน่น
เมขลา “งั้น ถ้ามีคนไข้มาจัดปรับกระดูก เธอก็ดูฉันทำแต่ละสเตป แล้วก็หาหุ่นมาซ้อม”
กฤษ “พี่ก็เป็นหุ่นให้ผมสิครับ”
เมขลา “ฉันต้องเป็นคนสอนเธอ จะเป็นหุ่นได้ไง”
กฤษ “ผมว่าได้ ก็ต้องได้ คืนนี้ลองเลยล่ะกัน”