www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)



...ผมมีโจทย์ให้ลองตอบเล่นๆอยู่สองข้อ

1.ถ้าคนที่คุณรัก อาจจะเป็น พ่อ แม่ ลูก หรือ คู่ชีวิต ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายที่รู้ว่าใกล้ตายในไม่กี่วันข้างหน้า และ รักษาไม่หายแน่ๆ

คุณอยากให้เขาหรือเธอ ใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างไร จะยินยอมให้หมอผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อยืดเวลา จะใช้ยาเคมีบำบัดพร้อมรอใส่เครื่องช่วยหายใจให้หมอยื้อชีวิตเต็มที่ หรือ อยากจะพาเขากลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับคนที่รักและห่วงใย


ลองคิดคำตอบไว้ในใจ

แล้วมาดูโจทย์ข้อที่ 2.


2.ถ้าคุณป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายที่รู้ว่าใกล้ตายในไม่กี่วันข้างหน้า และ รักษาไม่หายแน่ๆ

คุณอยากจะใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างไร จะยินยอมให้หมอผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อยืดเวลา จะใช้ยาเคมีบำบัดพร้อมรอใส่เครื่องช่วยหายใจให้หมอยื้อชีวิตเต็มที่ หรือ อยากจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับคนที่รักและห่วงใย



หากเราได้มองด้วยใจในโจทย์ทั้งสองข้อ เราก็จะพอเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ พระเอกและนางเอกในหนังเรื่องนี้

... บางคน อาจตอบข้อ1 กับ ข้อ 2 ไม่เหมือนกัน เพราะ หวังอยากจะให้คนที่เรารักมีชีวิตยืนยาว อยากได้มีโอกาสอยู่กับเขาให้นานที่สุด อยากจะหวังปาฏิหาริย์ที่จะเรียกชีวิตของคนรักกลับมา หรือ กลัวว่า คนรักของเราจะมองว่า เราพยายามช่วยเหลือเขาไม่เต็มที่

แต่พอมาถึงตัวเอง ลองคิดให้ดีๆ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เราอยากจากไปในหอพักผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางและคนไม่รู้จัก หรือ อยากอยู่ในอ้อมกอดของคนรักในสถานที่ที่เราเคยมีความสงบสุขยามมีชีวิต


...เรื่องของ พระเอกและนางเอกคู่หนึ่ง สองชีวิตที่กำลังจะต้องพรากจากกัน



ทอม เป็นทั้งหมอและนักวิทยาศาสตร์ ผู้พยายามค้นคว้าหาวิธีการที่จะ Stop dying

อิซซี่ เป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ค้นพบวิธีการ Accept dying

...Elisabeth Kübler-Ross ไม่ได้เป็นตัวละครในหนังเรื่องนี้ แต่เธอเป็นจิตแพทย์ ผู้ให้ความสนใจกับชีวิตของกลุ่มผู้ป่วยใกล้ตาย ได้มีงานวิจัยและศึกษาออกมาพบว่า ปฎิกิริยาเมื่อคนพบเจอกับการสูญเสียจะแบ่งเป็น 5 ระยะ เช่น ถ้ารู้ว่าภรรยากำลังจะเสียชีวิตจากมะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่มีทางรักษาในไม่กี่วันข้างหน้า

1.Denial : การปฏิเสธความจริง เช่น ผมไม่เชื่อ ภรรยาผมไม่ได้เป็นอะไร

2.Anger : โกรธขึ้ง โกรธหมอที่รักษาไม่หาย โกรธพระเจ้าที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนี้

3.Bargaining : ต่อรอง เช่น ขอเวลาอีกซักสองปีเถอะ ให้ภรรยาผมได้ฉลองวันเกิดครบห้าขวบของลูกก่อน

4.Depression : ตกอยู่ในภาวะหดหู่ซึมเศร้า

5.Acceptance : ยอมรับในความตายที่กำลังจะมาถึง

...สภาวะจิตพระเอกของเรา ขึ้นๆลงๆอยู่ในระยะที่ 1-4 ยกเว้นขั้นตอนสุดท้ายซึ่งยากที่ใครจะยอมรับได้ง่ายๆ ในขณะที่นางเอกอยู่ในขั้นตอนนั้นแล้ว

ด้วยเหตุนี้ พระเอกจึงพยายามทุกวิถีทาง ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องแล็บ เพื่อค้นหาวิธียืดชีวิตให้กับภรรยา โดยไม่ทันรู้ตัวว่า เวลาที่สูญเสียไป คือ ความเดียวดายของภรรยา ที่รอคอยคนรักมาอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

...หนังเริ่มต้นในยุคสมัยปัจจุบัน ก่อนจะนำเสนอภาพชีวิตของพระเอกนางเอก ในโลกสามใบ สามยุคสมัย ซึ่งเชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบันโดยมี นิยายเรื่อง The Fountain ที่นางเอกเขียนทิ้งไว้ให้พระเอกเป็นสื่อกลาง และ เชื่อมต่อปัจจุบันกับอนาคตด้วย ชิบาลบา ดวงดาวและหมอกควันที่กำลังจะดับสูญ




ในช่วงเวลาปัจจุบัน พระเอกที่เป็นทั้งหมอและนักวิทยาศาสตร์ หมกมุ่นกับการค้นหาวิธีรักษามะเร็งให้หายขาด โดยใช้ส่วนผสมจากยางต้นไม้ชนิดหนึ่งมาทดลองผ่าตัดในสัตว์ทดลอง เขาหวังว่า หากทำสำเร็จจะสามารถยืดชีวิตคนรักที่เป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย

ในช่วงเวลาอดีต ภาพเหตุการณ์ในประเทศสเปน เกิดขึ้นตามนิยาย The Fountain ที่ภรรยาเขียนทิ้งไว้ เขาเป็นทหารเอกของราชินี พยายายามค้นหา Tree of life ที่จะก่อกำเนิดชีวิตและอยู่กับราชินีตลอดไป เขาต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงภัยเพื่อค้นหาต้นไม้ในตำนานที่มีมาแต่โบราณกาล ตั้งแต่ยุคสมัยอดัมกับอีฟ

ในโลกอนาคต เขาอาศัยในห้องทรงกลมที่ลอยอยู่กลางอวกาศ เขาเพียรพยายามบอกต้นไม้ตัวแทนชีวิตของภรรยาที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองยามเขากระซิบใกล้ ว่า จะหาทางเยียวยารักษาให้มีชีวิตสืบกลับมาขอเพียงว่าอย่าเพิ่งตายจากไป และเขาก็จะหลุดลอยไปในยุคอดีตครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อพยายามไปให้บรรลุจุดหมาย

โลกทั้งสามใบคืออะไร ?


อาจจะเป็นเรื่องราวตามหลักศาสนา ที่พูดถึงชาติภพ ที่พระเอกเวียนว่ายตายเกิดขึ้นกับชีวิตรูปแบบเดิมๆเหมือน เป็น กรรม ที่ต้องใช้ชีวิตวนตามวงจรเดิม ตราบเท่าที่พระเอกยังไม่อาจหลุดพ้น

อาจจะเป็นวิทยาศาสตร์ ที่พระเอกในโลกอนาคต เป็น จุดศูนย์กลางเรื่อง พยายามย้อนอดีตจนกว่าจะสามารถหาทางรักษาคนรักได้

หรือ อาจจะว่าด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยา ว่าด้วย การทำงานของจิตใต้สำนึกเช่น ในฝัน ที่ภาพในปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ต่างๆนานามาผสมปนเปกัน(condensation) โดยความเป็นจริงคือพระเอกในปัจจุบัน ส่วนอดีตและอนาคตคือสภาวะจิตของพระเอก ในช่วงอดีตเป็นความฝันที่ดึงเอา นิยายเรื่อง the Fountain ไปผสมกับชีวิตจริงของตัวเอง(สังเกตว่าพระเอกจะหลับแล้วตื่นหลังจากช่วงอดีต) ส่วนในอนาคต คือ สภาพจิตของพระเอกที่กำลังพยายามต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตคนรัก

ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีใด ทั้งสามโลกล้วนมีจุดร่วมที่เราเห็นในคนๆเดียว คือ




ชายหนุ่มที่กำลังจะสูญเสียคนรัก
ชายหนุ่มที่ไม่อาจยอมรับสัจธรรมความจริงของชีวิต
ชายหนุ่มที่หมกมุ่นกับการหา ความเป็นอมตะ
ชายหนุ่มที่ไม่อาจละวาง
ชายหนุ่มที่แหวนหายไป


ชายหนุ่มจากโลกทั้งสามคือคนเดียวกัน อาจจะเป็น การชดใช้กรรมต่างชาติภพ อาจจะเป็นคนๆเดิมพยายามย้อนเวลา หรือ เป็นคนๆเดียวที่ภายในจิตใต้สำนึกกำลังทำงานอย่างหนัก

แต่ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน เราก็จะเห็นภาพของการยึดติด ผ่านสัญลักษณ์ที่สื่อออกมาจากสามยุคสมัย





อดีต – การดิ้นรนหายาอมตะและดื่มกินอย่างตะกละตะกลาม

ปัจจุบัน – การไม่ยอมกลับบ้าน การเลือกเดินไปผ่าตัดแทนที่จะออกไปเดินเล่นกับภรรยาเมื่อเธอร้องขอ

อนาคต - การติดอยู่ในกรอบทรงกลม

.. ไม่แปลกอะไร ที่ ทอมจะหาแหวนแต่งงานไม่เจอ



เพราะ แหวนแต่งงาน คือ สัญลักษณ์ของชีวิตคู่ การอยู่ร่วมกัน ความรักและความผูกพัน

แหวนที่หายไป ก็สื่อให้เห็นว่า ช่วงเวลาเหล่านั้นของทอม คือ การทิ้งห่างจากคนรักและเป็นช่วงเวลาที่ปล่อยให้ความรักอยู่ห่างออกไป ทอดทิ้งให้อิซซี่ต้องเผชิญความตายเพียงลำพัง

ยิ่งเขาพยายามเท่าไหร่ เขายิ่งไม่มีทาง หาแหวนวงนั้นพบ

เพราะสิ่งที่เขาพยายาม ไม่ใช่ สิ่งที่ภรรยาต้องการ สิ่งที่เขาตามหาคือการฝืนสัจธรรมความเป็นจริงตามธรรมชาติ

แต่ สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ คือ การใช้เวลาอยู่เคียงคู่กัน



...อิซซี่ พยายามบอก ทอม หลายหนว่า “ทำให้มันจบซะ” การทำให้จบของเธอมิได้แปลว่า การหายาที่จะทำให้เธอมีชีวิตเป็นอมตะ แต่ เธออยากให้เขาได้หลุดพ้นจากทุกข์ที่มันเกาะเกี่ยวใจ

เพราะ

การยึดติดของ ทอม ก็มีค่าเท่ากับการวนเวียนใน 4 ระยะของ Elisabeth Kübler-Ross และ เท่ากับการใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในสงสารวัฏ ไม่อาจละจากกิเลสไปได้

...จนกระทั่งในตอนจบ โลกทั้งสามใบก็เวียนมาบรรจบกัน และ แหวนวงนั้นก็กลับมาเป็นสัญลักษณ์บอกเราว่า พระเอกของเราได้กลับมาอยู่กับภรรยาที่รักได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ในระดับกายภาพ(Physical) ที่ตัวอยู่ข้างๆแต่ใจลอยไปอยู่ห้องแล็บ แต่ ลึกลงถึงในระดับจิตวิญญาณ(Psychological-Spiritual)ที่อยู่เคียงคู่ภรรยาทั้งดวงจิตทั้งชีวิตที่มี

...การยอมรับความจริง การปล่อยวาง ความหลุดพ้นจากการยึดติด ได้แสดงออกผ่านสัญลักษณ์ของโลกทั้ง 3 ใบ




พระเอกในอดีต – ไม่กลัวและสามารถยอมรับความตายตรงหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคว้าความเป็นอมตะ สุดท้ายก่อเกิดชีวิตใหม่ขึ้นมาแทนที่ชีวิตเก่าที่ดับสูญไป ดั่งที่ในตอนต้นหนังบอกเราแล้วว่า การดับสูญอยู่เคียงคู่กับการก่อเกิด

พระเอกในปัจจุบัน - ยอมรับความจริง ตัดสินใจปล่อยวาง และ เดินตามภรรยาที่ขอร้องให้ไปเดินเล่นด้วยกัน แทนที่จะเข้าไปผ่าตัดเพื่อหาวิธีเอาชนะธรรมชาติต่อในห้องแล็บ

พระเอกในอนาคต - ล่องลอยออกจากกรอบทรงกลมที่ขังเขาไว้ตลอดมา และ นำไปสู่การหลุดพ้นอย่างแท้จริง




...และสุดท้าย ทฤษฏีทางจิตวิทยา และ ศาสนา ก็มาบรรจบในจุดเดียวกัน เพราะต่างก็พูดในเรื่องเดียวกัน

ระยะ Acceptance ตามทฤษฎีของ Elisabeth Kübler-Ross ของพระเอก ก็เท่ากับ การปล่อยวางจนสามารถหลุดพ้นจากการยึดติดตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา

เมื่อเขาได้ค้นพบว่า การอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์เกิดขึ้นได้จริง แต่มิใช่ การต่อสู้ดึงดันฝืนธรรมชาติด้วยการพยายามเอาชนะความตาย เพราะใดๆในโลกล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สุดท้ายก็ต้องดับไป และเมื่อถึงคราดับไปนี้เอง ที่ทั้งคู่จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล

ช่วงเวลาที่ยาวนานแต่อยู่อย่างไร้คุณภาพ ต่อให้เป็นอมตะ ก็ไม่มีความหมายอันใด เมื่อเทียบกับ เวลาเพียงชั่วสั้นๆแม้เพียง สองนาที ที่เราสองคนได้อยู่คู่กัน แล้วก่อเกิดความสุขความผูกพันที่จะจดจำไปตลอดชั่วชีวิต

จะมีชีวิตเป็นอมตะไปเพื่ออะไร หากชีวิตที่เหลือจากนั้นคือ การดูคนรักของเราจากไป และ หลงเหลือแต่ความโดดเดี่ยวทุกข์ทรมานกับกิเลสที่เราต้องยึดติดไปอีกพันๆหมื่นๆปี



...เสียงวิจารณ์จากฝรั่งมังค่าและรายรับของหนังเรื่องนี้ ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ คว่ำสนิท

จากหนังหวังสร้างปรากฎการณ์ทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญ ฝีมือผู้กำกับแววอัจฉริยะจาก Pi และ Requiem of a dreamต้องกลายเป็น ยักษ์ล้ม

กระนั้นก็ดี มีบางสิ่งที่ผม รู้สึกอยากจะดู และ คิดว่าต้องดู แม้เสียงวิจารณ์จะเลวร้ายเพียงใด

แหะๆ งวดนี้ sense ผมทำงานได้ดี เพราะ ผมชอบหนังเรื่องนี้มากทีเดียว

และดูจบก็เข้าใจได้ในทันที ว่าทำไม หนังถึงไม่เวิร์คมอร์

ไม่ต้องดูอื่นไกล โรงที่ผมดู ฝรั่งสองคนข้างหน้าออกจากโรงหลังหนังฉาย ยี่สิบนาที , คนซ้ายมือผมกระสับกระส่ายส่ายหัวขยับตัวเป็นพักๆ , คนขวามือมากับแฟนหลับเป็นช่วงๆแล้วมีทีท่าเบื่อหน่ายคุยกับแฟน และ พอหนังจบ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งแถวหน้า บ่นกันขรม

ดังนั้น ใครคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟ หรือ คลั่งไคล้อยากดู ฮิวจ์ แจ๊คแมน อย่าตีตั๋วไปดูเชียว เพราะมันจะไม่เข้าทาง

แต่

...หนังเรื่องนี้จะเหมาะมากๆสำหรับ

1.ผู้ที่มีความสนใจในเรื่องของ Death and dying
2.ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาอภิปรัชญา
3.ผู้ที่เคยประสบภาวะการสูญเสียของคนสำคัญในชีวิต
4.ผู้ที่ทำงานในภาคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน
5.ผู้ที่สนใจและศึกษาในเรื่องราวของศาสนาและการเวียนว่ายตายเกิด


....เป็นความกล้าของผู้กำกับ ดาเรน อโรนอฟสกี้ เพราะ ขณะดูหนังเรื่องนี้ผมรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์เหมือนตอนที่ดู Matrix ตรงที่เลือกหนังกล้านำเสนอในสิ่งที่ไม่ตลาดเท่าไหร่ และ ประเด็นที่นำเสนอคือสิ่งทีเป็น นามธรรม มากๆ ยากที่จะทำให้เห็นเป็นเรื่องราวรับรู้ได้ ดังนั้น

ถ้าหนังเผอิญคลิกคนดูส่วนใหญ่ หนังเช่นนี้ก็จะกลายเป็น หนังสร้างปรากฏการณ์ แต่หากคนไม่เก็ต หนังก็ย่อมร่วงไม่เป็นท่า กลายเป็นหนังที่คนดูไม่ปลื้ม

ผมชอบบทของหนังเรื่องนี้ ที่ผูกเรื่องราวที่ซับซ้อนและลึกซึ้งแต่ช่างลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ หากมานั่งเลาะเรียงไล่ลำดับรายละเอียดในแต่ละยุค เราจะพบรายละเอียดปลีกย่อยที่เชื่อมโยงเรื่องราวได้อย่างน่าทึ่ง และ การหยิบยก วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนาและจิตวิทยามาเชื่อมต่อกันได้อย่างน่าสนใจ



นอกจากประเด็น การยึดติด หลุดพ้น และ ความตายแล้ว การพูดถึง ความรัก ในหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้โรแมนติกและชวนประทับใจมากๆอีกเรื่องหนึ่ง นี่เป็นหนังเรื่องที่ผมได้ดู ฮิวจ์ แจ็คแมน เล่นได้ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา ส่วน ราเชล ไวส์ ไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นงานชั้นเยี่ยมที่มือไม่ตกของเธอเหมือนที่เคยทำมา



งานภาพในหนังเรื่องนี้คือ ความมหัศจรรย์ หลายต่อหลายฉากในหนังดุจดั่งการเข้าไปชมภาพศิลป์ในพิพิธภัณฑ์ที่ยากเกินจะบรรยายได้ด้วยตัวอักษร และ เป็นงานภาพที่สมควรกับการดูในโรงหนังจึงจะอิ่มเอมได้เต็มสิ่งที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอ

สิ่งที่ชอบ

1.บท ... อัศจรรย์

2.ภาพ ... มหัศจรรย์

3.ประสบการณ์ความรู้สึกในโรง ... สะกดผมให้นั่งติดตรึงกับเบาะชนิดไม่อยากลุกไปไหนทั้งที่หนังก็มิได้ เร้าใจ ระทึกขวัญอะไรเลย

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.พระเอกโกนหัวผู้หลุดพ้น ... ไม่ถึงกับไม่ชอบซะทีเดียว แต่ผมรู้สึกขัดตาและรู้สึกว่าฉากนี้โดดๆกับภาพพระเอกโกนหัวลอยตัวตอนบรรลุแล้ว มันดูไม่เข้ากันยังไงก็บอกไม่ถูกกับการพยายามโยงเข้ากับ ศาสนาพุทธ ในฉากนี้

สรุป ... ไม่รับปากว่าทุกคนจะปลื้ม และ คนไม่ปลื้มมีสิทธิหลับสนิทชนิดปลุกไม่ตื่น แต่ ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าปลื้ม มีโอกาสปลื้มมากมาย ยิ่งถ้าคุณเข้าข่าย คนในห้ากลุ่มข้างต้นที่เขียนไว้ข้างบน ขอแนะนำว่าห้ามพลาด ส่วนตัวผมแน่นอนว่าชอบมากมาย ยังมีโอกาสให้รับชมที่โรงพาราก้อนเท่านั้น (ใจร้ายมากเข้าฉายแค่โรงเดียวแถมโรงแพงอีกต่างหาก)




ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่คือการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)


ในงานสัปดาห์หนังสือ 30 มีนา ถึง 10 เมษายน นี้มีลด 15% อยู่ที่ บู๊ธ Q42 Zone C2
ครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 06 เมษายน 2550
44 comments
Last Update : 9 เมษายน 2550 1:43:33 น.
Counter : 11505 Pageviews.

 

โรงหนังไกล แต่อยากดู
หลังวันที่ 11 จะยังอยู่มั๊ยคะ

เจ้าของ blog เปน robot รึป่าวเนี่ย ...

 

โดย: bua ja 6 เมษายน 2550 2:33:38 น.  

 

ทำให้เข้าใจขึ้นถึงไม่ค่อยรู้เรื่องมากนักคนจะดูหนังรู้เรื่องต้องเปิดใจกว้างๆแต่ไม่ใช่เฉพาะกับหนังหรอกน่ะ

 

โดย: ดี IP: 203.188.63.114 6 เมษายน 2550 8:31:08 น.  

 

มีโอกาสได้ขึ้นไปกทม.ปลายเดือนเมษา
หนังเรื่องนี้ฉายจำกัดโรงด้วย(โรงไหนบ้างเนี่ย)
ไม่รู้ว่าหนังลาโรงไปแล้วยัง

 

โดย: ice/ice/baby IP: 125.25.41.227 6 เมษายน 2550 9:20:48 น.  

 

อ่านแล้วอยากดูเลย แล้วก็ถ้า จขบ. ไปดู มะหมา สี่ขาครับ แล้ว อ่าลืมมาเขียนนะคะอยากอ่าน แต่เราก็ไปดูมาแล้วค่ะ

 

โดย: Ple So gOoD 6 เมษายน 2550 12:39:31 น.  

 

น่าเสียดายอยู่อย่างที่ synopsis ของหนังตีกรอบคนดูไว้ว่า เป็นเรื่องราวของชาติภพของพระเอกนางเอก
ผมคนหนึ่งล่ะที่ตอนดูกลับไม่คิดแบบนั้น แต่ที่ผมเชื่อก็คือภาพที่สื่อคือเรื่องราวในชาตินี้เพียงชาติเดียว บวกกับภาพในนิยายเรื่อง The Fountain และการเปรียบเทียบสภาพจิตใจของพระเอกในช่วงที่กำลังดิ้นรนหาทางรักษานางเอก
(แถมยังไม่ได้คิดว่ากรอบทรงกลมนั้นจะเป็นยานอวกาศเหมือนที่ Darren Arronofsky ให้สัมภาษณ์ไว้แต่อย่างใด)

สิ่งที่ผมว่าสวยงามมากๆในเรื่องนี้ นอกจากความโรแมนติกและงานด้านภาพแล้วคือความหมายแท้จริงของคำว่า Immortal และ Eternity เหมือนที่สื่อออกมาในฉากจบ
(น่าแปลก... ผมลองอ่านเว็บที่ฝรั่งเข้าไปเขียนถึงเรื่องนี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่เข้าใจนัยยะในฉากนี้ ทั้งๆที่ผมว่ามันเข้าใจง่ายกว่า The Matrix ทั้งสามภาคเสียอีก - -*)

ปล. เรื่องนี้ Rachel Weisz เล่นได้ดีกว่าใน The Constant Gardener เยอะเลยครับ สงสัยต้องรีบไปหา The Shape of Things มาดูซะแว้วว
ปล.2 ภาพสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ได้เข้าชิงรางวัลพวกกำกับศิลป์ได้ยังไงกัน ชะ!!

 

โดย: nanoguy 6 เมษายน 2550 15:43:17 น.  

 

ค่อนข้างเนิบนาบ ในความรู้สึกของดิฉันค่ะ แต่ไม่หลับเพราะอยากรู้ว่าตกลงหนังจะจบอย่างไรแน่

คนข้าง ๆ ดิฉันเป็นคุณแม่มีลูกชายวัยรุ่นมาดูด้วยกัน เธอหลับคร่อก ๆ ไปตั้งแต่หนังฉาย 10 นาทีแรก บางคนก็ลุกไปก่อนหนังจบประมาณครึ่งชั่วโมง

ก็เลยถึงบางอ้อแล้วว่าทำไมหนังฉายจำกัดโรงเสียเหลือเกิน

เห็นด้วยค่ะว่างานด้านภาพสวยมาก ๆ

 

โดย: Tai-Sarunya IP: 203.107.196.234 6 เมษายน 2550 17:45:43 น.  

 

ลองเอามาให้พี่อ่านดูครับ ถ้ามีเวลาช่วยวิจารณ์หน่อยนะครับ เพิ่งหัดเขียนๆ พอดีเห็นเขียนเรื่องเดียวกันเลย ขอบคุณครับ
//hbsosweet.spaces.live.com/

 

โดย: HoneyBoy IP: 202.44.8.100 6 เมษายน 2550 18:49:48 น.  

 

-ผมไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นหนัง 3 ตอนนะ คือมียุดปัจจุบันเป็นหลักเรื่องเดียว ส่วนเรื่องในสเปนเป็นเนิยายของนางเอก และเรื่องในอนาคตเป็นเรื่องที่พระเอกเขียน chapter สุดท้ายของนิยายที่พระเอกเขียนต่อจากนางเอกให้จบ (แต่เล่าเรื่องสลับไปมา)
-ผมได้ดู requiem for a dream ของผกก.เมื่อ 2 ปีที่แล้วชอบมาครับ มีรูปแบบคล้ายเรื่องนี้คือ เล่าเนื้อหาง่ายให้ติดตามแบบหนัง thriller ทั้งที่มันเป็นหนัง drama
-ช่วงท้ายๆเรื่องดูแล้วเกร็งได้อารมณ์เหมือนตอนดู united 93 แบบอยากรู้ว่าตอนจบจะขมวดปมให้จบแบบไหน
-เซ็งกับการดูที่ paragon ด้วยเข้าเฉพาะโรงแพง(ที่นั่งเบาะหนัง)อย่างเดียว
-ขอบคุณคุณผมอยู่ข้างหลังคุณด้วยครับ เรื่องสภาวะจิต 5 ข้อ เป็นความรู้เพิ่มที่ดีครับ และการ comment หนังเรื่องอื่นๆที่แทรกจิตวิทยาด้วย (จบด้าน psychology มาเหรอครับ) ว่าจะ post ขอบคุณหลายครั้งแล้ว -_-"

 

โดย: mayhem IP: 58.147.69.65 6 เมษายน 2550 18:51:08 น.  

 

ปลื้มเรื่องนี้มากกกกกกก ค่ะ >_< กำลังจะหาโอกาสไปปลื้มมากขึ้นอีก (แต่หาเวลาไม่ได้เลย)

เราว่าหนังเรื่องนี้ไม่เชิงพุทธปรัชญาซะทีเดียวอ่ะค่ะ เหมือนกับปรัชญาอินเดียมากกว่า แนวๆ อาตมัน ปรมาตมันอะไรประมาณนั้นรึป่าว ?
ไว้ถ้าไปดูมาแล้วจะเข้ามาแสดงความคิดเห็นใหม่นะคะ

 

โดย: อ า ริ ซึ เ ม ะ มู น * IP: 161.246.1.33 6 เมษายน 2550 19:08:09 น.  

 

มันจี๊ดใจผมมาก

อาตมันและปรมาตมัน

 

โดย: I will see U in the next life. 6 เมษายน 2550 20:47:34 น.  

 

ขอบคุณมากเลยค่ะ วิเคราะห์ได้ดีเช่นเคยนะคะ^^
ดูจบแล้วก็คิดเหมือนหลายคนว่าน่าจะเป็นยุคเดียวมากกว่า ส่วนอีก2ยุคน่าจะเป็นสภาวะจิตใจของพระเอกเอง
ตอนดูก็ชอบมาก แต่ด้วยความที่เราเป็นพุทธเลยไม่รู้สึกอินไปตามพระเอกเท่าไหร่(ในใจคิดแต่ว่า มันจะอะไรกันนักหนา ไม่เข้าใจรึไง เกิด แก่ เจ็บ ตาย น่ะหึ)
แต่มันก็ยังมีจุดเล็กๆพวกรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เข้าใจอีกหลายจุดค่ะ เช่น ในยุคอดีตที่พระเอกกำลังจะโดนตะบองไฟฟาด ทำไมถึงกลายเป็นพระเอกโล้นขึ้นมาเฉยๆ
จุดจบของยุคอดีตนี่พระเอกกลายเป็นดอกไม้ไปเลยหรือ? ดูว่าตัวพระเอกไม่ได้ยอมรับการหลุดพ้นเหมือนยุคอื่นๆ แต่โดนบังคับให้เป็นดอกไม้มากกว่า มันเลยรู้สึกจิตใจไม่ได้หลุดพ้นจริงๆ
อื่นๆ จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ แหะๆ
ปล.แอบโกรธด้วยที่ไม่ได้เข้าชิงกำกับศิลป์อ่า อะไรกันแค่ฝรั่งดูไม่รู้เรื่องนี่ถึงกับตัดโอกาสด้านอื่นๆหมดเลยรึนี่ โกรธเฟ้ย

 

โดย: underhill IP: 202.28.181.10 7 เมษายน 2550 0:24:58 น.  

 

....โห งานวิจารณ์ชิ้นนี้ของคุณผม ระดับมาสเตอร์พีซครับ สุดยอดจริงๆ เขียนได้แบบต้องยกนิ้วให้ หนังเรื่องนี้ดูยาก เขียนยาก แต่เขียนออกมาจนเหมือนหนังดูง่ายแบบนี้ ต้องขอปรบมือให้จริงๆครับ แบ่งจังหวะวรรคตอนให้อ่านง่ายอีกตะหาก ผมว่าวิธีการเล่าของคุณผู้กำกับแอโรนอฟสกี้ในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างยากไปหน่อยแล้วก็ไม่ดึงให้คนดูมีส่วนร่วมเท่าที่ควรนะครับ แปลกที่ผมชอบผลงานสองเรื่องก่อนของแกมากกว่านี้มากเลย

 

โดย: Joblovenuk IP: 124.120.144.68 7 เมษายน 2550 2:02:46 น.  

 

**คุยกับคุณ underhill** (และสปอยล์จ้า)

ยุคอดีต (หรือในนิยาย ในความคิดผม) ผมว่าการที่พระเอกกลายเป็นดอกไม้สีขาวนั้น เป็นการตอกย้ำถึงความหมายที่แท้จริงของ Immortal กับ Eternity ไงครับ เหมือนที่ชนเผ่ามายันคนนั้นพูดถึงพ่อ(หรือปู่ - -) ที่ตายแล้วกลายเป็นต้นไม้ แล้วก็ผลิดอกออกผลจนนกมาจิกกิน จิตวิญญาณก็ไปอยู่ในทุกสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ต้นนี้
พระเอกก็จะเป็นแบบนั้นในอีกไม่นานครับ

ส่วนเรื่องที่กำลังจะโดนฟันแล้วกลายเป็นพระเอกโล้นขึ้นมาเฉยๆ อันนี้ผมก็รู้สึกว่ามันโดดๆเหมือนกัน แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาน่าจะเปรียบเทียบว่าเหมือนกับพระเอกยอมรับความตายได้แล้วน่ะครับ (อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะรีบกินน้ำยางอย่างเอาเป็นเอาตาย) เพราะเนื้อหาช่วงนั้นก็คือตอนที่พระเอกในโลกอนาคต (หรือในสภาพจิตใจ ในความคิดของผม -- เพราะฉากนี้ด้วยแหละมั้ง ที่ทำให้ผมคิดว่ามันไม่น่าจะสื่อถึงโลกอนาคตเลย) ก็ยอมรับการตายของต้นไม้ได้แล้วน่ะครับ

 

โดย: nanoguy 7 เมษายน 2550 14:16:15 น.  

 

ขอบคุณ คุณnanoguy ค่ะ
เริ่ม get idea เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ
คือถ้าเราคิดว่าเป็นสภาวะของจิตใจ ก็จะสามารถอธิบายหลายๆฉากได้เลย เนื่องจากไม่ได้อยู่บนกฎเกณฑ์พื้นฐานของโลกปกติ แต่มีการอุปมาอุปไมยร่วมด้วย
อืมมม......เริ่มรู้สึกถึงMatrixขึ้นมานิดๆแหะ

 

โดย: underhill IP: 202.28.181.10 8 เมษายน 2550 0:41:05 น.  

 

จุดจบของยุคอดีตนี่พระเอกกลายเป็นดอกไม้ไปนั้น ผมเห็นด้วยกับ underhill นะครับว่า ไม่น่าจะหมายถึงการหลุดพ้นครับ แต่ตรงกันข้ามกลับจะหมายถึงการยึดติดกับชีวิตอมตะเสียด้วยซ้ำ (เหมือนพระเอกหมอที่รู้ว่านางเอกตายแล้ว เลยตัดสินใจค้นหายาอายุวัฒนะต่อไป) อันนี้เดาได้จากการเอามีดแทงต้นไม้และดื่มกินยางอย่างตะกละตะกลาม แต่พอพระเอกกำลังจะสวมแหวนเพื่อรักษาสัญญากับราชินี เขากลับกลายร่างเป็นต้นไม้ไปเสียก่อน และก็ทำแหวนหล่นหายที่ข้างตัว

ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ ฉากต่อมาผู้กำกับดันได้พระเอกหัวโล้นมาปรากฏตัวและหยิบแหวนที่นักรบทำหล่นไว้ขึ้นสวมนิ้ว... (ทับรอยสักรอบนิ้วมือตัวเอง) ผมว่าฉากนี้ต่างหากที่แสดงถึงภาวะของตัวละครที่ "หลุดพ้น" อย่างแท้จริง

สัญลักษณ์เรื่องรอยสักนี้ยิ่งลึกซึ้งมาก เพราะหลาย ๆ คนดูก็คงจะเห็นเหมือนกันว่ารอยสักมันเหมือนวงปีของต้นไม้เลย วงปีที่ปกติน่าจะเป็นตัวแทนของชีวิต แต่ในที่นี้กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของ "ชีวิตที่ทุกข์ทรมาน" แทน (เห็นได้จากพระเอกหมอที่รู้ว่าเมียตายแล้ว เขาเลยเอาปากกามาแทงนิ้วนางของตัวเอง) พอสังเกตสักรอยสักที่เต็มแขนของพระเอกโล้นมันก็เลยยิ่งแสดงถึงชีวิตที่เจ็บปวดมานานแสนนานของพระเอกไปด้วย

ผมว่าฉากที่พระเอกนักรบทำแหวนหล่นและกลายร่างเป็นดอกไม้ และฉากที่พระเอกโล้นถอดจิตมาเก็บแหวนวงนั้น จึงเป็นฉากที่สำคัญมากที่สุดฉากหนึ่งในหนังเลยครับ

 

โดย: ole_trufa IP: 202.28.179.12 8 เมษายน 2550 17:03:10 น.  

 

ขอบคุณครับ
ไม่ผิดหวังที่รออ่านมานานครับ
แต่ยังไม่ได้ดูเลยครับที่สิงคโปร์หนังออกไปนานแล้ว
ช่วงที่เข้าก็ยุ่ง...
แอบเซ็ง

 

โดย: ThirskUK IP: 218.186.9.4 8 เมษายน 2550 20:12:10 น.  

 

มาคุยต่อ มุมต่อเนื่องจาก คุณ underhill และ คุณole_trufa และ สปอยล์ เน้อ


....ผมเห็นด้วยตรงตอนอดีต ไม่ใช่หลุดพ้น แต่ตอนอดีต ผมมองว่าเป็นจุดเริ่มต้น และ มีองค์ประกอบร่วมของการเปลี่ยนแปลงในระดับจิตวิญญาณองพระเอก

นั่นคือ

อดีต .. ไม่กลัวและยอมรับความตาย (แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจหลุดพ้นกิเลสที่ยั่วยวนคือ ความเป็นอมตะที่จะได้กลับไปครองรัก))

ปัจจุบัน ... ยอมรับความจริง และ เริ่มรู้จักปล่อยวาง จึงเดินตามภรรยา ไม่มุ่งมั่นกับความเป็นอมตะอีกต่อไป

จึงนำไปสู่

อนาคต ... การหลุดพ้น อย่างแท้จริง (เพราะหลุดลอยไปซะไกลเชียว)

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 9 เมษายน 2550 1:35:53 น.  

 

อ่านแล้ว

แจ่มขึ้นเยอะครับ


ขอบคุณมาก


 

โดย: pae IP: 203.146.10.206 9 เมษายน 2550 16:52:47 น.  

 

ดูแล้วชอบมากคับ

อ่านแล้วยิ่งอิน อิอิ

 

โดย: sushiboy69 IP: 58.10.222.80 11 เมษายน 2550 5:26:26 น.  

 

อ่านแต่สปอยยังไม่ได้ดู และไม่รู้จะมีโอกาสได้ดูรึปล่าว แต่เห็นเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่อง What dreams may come. ไม่รู้เหมือนกันมั้ย

 

โดย: napi IP: 125.26.124.171 11 เมษายน 2550 12:14:19 น.  

 

อ่านแต่สปอยยังไม่ได้ดู และไม่รู้จะมีโอกาสได้ดูรึปล่าว แต่เห็นเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่อง What dreams may come. ไม่รู้เหมือนกันมั้ย

 

โดย: napi IP: 125.26.123.79 11 เมษายน 2550 13:01:30 น.  

 

ผมเป็นอีกคนที่ชอบหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ
แต่ก็ยอมรับว่าบางช่วงดูแล้วไม่ Get เท่าคุณหมอ

ถ้าแผ่นออกมา ซื้อเก็บดูอีกรอบแน่ๆ ครับ
เรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะ

 

โดย: takky_sc 14 เมษายน 2550 9:19:54 น.  

 

ผมชอบนะเรื่องนี้

 

โดย: blackholesun IP: 124.120.159.188 14 เมษายน 2550 21:22:22 น.  

 

อยากดู (ก่อนไปเที่ยว) แต่เวลาไม่เอื้อ ... ป่านนี้หนังคงออกไปแย้วมั้งเนี่ย ยังไม่ได้เช็ครอบเลยอ่า ... คงต้องรอดูแผ่นซะแล้วเรา

 

โดย: บลูยอชท์ 18 เมษายน 2550 14:14:09 น.  

 

ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ แต่ก็เพิ่งได้ดูจากแผ่นโซน1 เมื่อวันนี้เอง หาโอกาสไปพาราก้อนไม่ได้

ไม่ได้รู้เลยนะนั้นว่า ท่านผู้กำกับวางไว้ให้เป็นพระเอกในอนาคตกับยานอวกาศ ตอนที่เรื่องดู เรากลับตีความฉากตัวโล้นว่าเ ป็นจิตใจของพระเอกในตอนปัจจุบันซะอีกว่า ยังคงยึดติดในชีวิตของนางเอก แทนที่จะยอมรับกับความตาย แสวงหาความเป็นอมตะ และก็ไม่ยอมและยังลังเลที่จะ"จัดการให้เสร็จ" ให้ตามคำที่เสียงของนางเอกนั้นพึมพำๆอยู่เสียที

จนกระทั่งตระหนัก และเข้าไปสู่จุดจบของthe fountain ที่เป็นตัวแทนของกิเลสในชีวิตอมตะ และร่วมถึงที่ว่าความตายเป็นส่วนของการถือกำเนิดใหม่(ตามที่นางเอกเคยเล่าไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ต้นไม้ที่เกิดจากมนุษย์) เข้าสู่ฉากที่พระเอกโล้น หลุดพ้น และยอมรับในเรื่องการการเวียนว่าย และแนวคิดของความตายเป็นจุดเริ่มของชีวิตใหม่

ยิ่งพูดยิ่งมึ่น

 

โดย: ปืนติดพิษ IP: 124.121.21.254 21 เมษายน 2550 1:03:24 น.  

 

ผมมองว่าเรื่องนี้ดึงแก่นจากทุกศาสนารวมกันครับ
นอกจากมุมมองทางพุทธแบบ Zen ที่เห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว ส่วนของคริสต์และฮินดูก็ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วย
เช่นการเกิดสิ่งใหม่ๆขึ้นหลังจากการสิ้นสุดของอะไรบางอย่าง
และของคริสตร์ที่นอกจากจะพูดถึงช่วงก่อนกำเนิดมนุษย์แล้ว
ยังตรงกับไบเบิ้ลว่า มนุษย์เกิดมาจากดิน และซักวันก็จะกลับกลายเป็นดิน
ซึ่งเรื่องการกลับกลายเป็นดินนี่ก็กลายเป็นส่วนหลัก
ที่แสดงให้เห็นถึงการเข้าใจชีวิต และหลุดพ้นของตัวเอกด้วยครับ

ไม่รู้ว่างงรึเปล่า แหะๆ

 

โดย: brize99 IP: 58.8.183.52 22 เมษายน 2550 22:24:58 น.  

 

เขียนได้เยี่ยมครับ นี่คือ comment แรกจากผม อิอิ หลังจากอ่านทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น เพราะหนังที่ตีความยากๆ และบอกความหมายผ่านนามธรรมอย่างนี้แหละที่ผมชอบที่จะอ่านความคิดของทุกคนที่ได้ดูมา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ทำให้ได้มุมมองหลากหลาย

 

โดย: Phoenix Connexion IP: 124.120.143.136 5 พฤษภาคม 2550 22:52:21 น.  

 

เพิ่งดูหนังเรื่องนี้จบจากการดู DVD ชอบมากค่ะ ปลื้มที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ เสียดายมากที่ไม่มีโอกาสไปดูในโรง

 

โดย: cuomo IP: 58.9.102.252 25 มิถุนายน 2550 0:03:00 น.  

 

เพิ่งดูจบไปเหมือนกันครับ ชอบหนังเรื่องนี้ซะแล้ว

 

โดย: iLLiciT IP: 124.120.9.22 5 กรกฎาคม 2550 13:21:32 น.  

 

ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน..

เขียนได้เยี่ยมเช่นเคยค่ะ..

 

โดย: จูริง..เองค่ะ IP: 196.205.127.114 9 กรกฎาคม 2550 22:03:57 น.  

 

ตอนดูยังหาปมเชื่อมสัญลักษณ์ต่างๆไม่เจอ อ่านบทวิจารณ์ของคุณแล้วถึงบางอ้อเลยค่ะ
ยอดเยี่ยมค่ะ

 

โดย: silentstalker IP: 58.147.117.185 10 กรกฎาคม 2550 15:46:37 น.  

 

เพิ่งได้ดูคะ ตอนแรกไม่เข้าใจเลย ... งง มาก จนต้องหาตัวช่วยในเน็ต...แล้วก็มาเจอบล็อกนี้แหละคะ ช่วยให้แจ่มขึ้นเยอะเลย ขอบคุณอย่างแรง

 

โดย: orangesky IP: 125.25.34.117 16 ตุลาคม 2550 21:46:25 น.  

 

ตอนที่ดูก็งงค่ะ งงมากด้วย
แต่พอมาอ่านแล้วก็เข้าใจ ทำให้อยากดูหนังเรื่องนี้อีกสักรอบ

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Akiko IP: 61.91.167.177 31 ตุลาคม 2550 21:59:04 น.  

 

ผมว่าประเด็นของหนังเรื่องนี้คือต้องการบอกว่า
ศาสนาคริสต์ คือ ศาสนาเดียวกับพุทธ เป็นเรื่องของอีฟกับอีเดนที่เผลอกินผลไม้แห่งความรู้ และเกิดมาเป็นชาติภพต่างๆ จนภาคสุดท้ายที่อดัมใกล้จะหลุดพ้นนั้น ท่านเลือกกลับไปดูอดีตสองจุดคือ ตอนสเปน และตอนปัจจุบัน และพยายาม Modify อดีตเพื่อไขปริศนาการหลุดพ้น และคิดว่าการยื้อความตายเป็นคำตอบ แต่จากภพปัจจุบันเห็นได้ชัดว่า แม้ตัวอดัมภาคสุดท้ายจะพยายามยื้อชีวิตอีฟเท่าไหร่ ก็หนีความตายไม่พ้น นั่นคือแก่นของหนังเรื่องนี้

ปล. ชอบมากที่สุดประจำปี 2550 เลยครับ

 

โดย: โต้ง IP: 125.27.91.184 2 มกราคม 2551 22:44:16 น.  

 

ผมมั่นใจว่า ผมจะชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เดี๋ยวขอไปเช่ามาดูก่อนแล้วจามาบอกว่า รู้สึกยังไง...

 

โดย: YoiChi_KunG 13 กุมภาพันธ์ 2551 9:30:25 น.  

 

เป็นหนังที่ภาพสวยมากๆ แม้จะดูเข้าใจยากอยู่สักหน่อย

 

โดย: artijus IP: 210.246.159.254 17 กุมภาพันธ์ 2551 12:50:29 น.  

 

หนึ่งในหนังในดวงใจ แต่แนว สามภพ นี่เล่นกันประจำ

 

โดย: หมาป่าดำ IP: 125.24.49.169 18 กุมภาพันธ์ 2551 2:20:23 น.  

 

ดูไปรอบเดียวแล้ว รู้สึกยังไม่ 100%

เวลาก็ไม่ค่อยมี ง่วงก็ง่วง ถ้ามีโอกาสจะดูอีกซักรอบ

เจ้าของ blog เขียนได้ดีจริงๆ

 

โดย: YoiChi_KunG 19 กุมภาพันธ์ 2551 13:42:47 น.  

 

+ เนื่องจากผมเพิ่งจะได้ดูเรื่องนี้จากในทีวีจอเล็กๆ ที่ห้องตัวเอง ก็เลยเก็ทไอเดียกับเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด พอจะเข้าใจแต่ไม่ถึงกับเคลียร์ทุกประเด็น โดยเฉพาะสัญลักษณ์ต่างๆ ที่หนังใส่เข้ามา จนต้องตามกลับมาอ่านที่อีกทีนี่แหละครับ ถึงรู้สึกกระจ่างขึ้นมาอีกเยอะเลย

+ ผกก. ดาเรน อโรนอฟสกี ช่างเข้าใจนำแก่นของศาสนา (ไหนก็ตาม) มาผนวกเข้ากับอภิปรัชญา, การเวียนว่ายตายเกิด, อาจพิจารณาว่าเป็นไซ-ไฟ รวมทั้งเรื่องราวของความรักได้อย่างกลมกล่อมเลยนะครับ (ถึงแม้ว่าต้องอาศัยสมาธิอย่างสูงในการดูก็ตาม) เรเชล ไวส์ กับฮิวจ์ แจ๊คแมน ก็แจ่มทีเดียว

 

โดย: บลูยอชท์ 27 มีนาคม 2551 19:22:24 น.  

 

อยากดูมากเลยครับคุณหมอ เรื่องนี้

 

โดย: คนขับช้า 4 มกราคม 2552 3:52:34 น.  

 

ฟังดู น่าดูมาก บางทีอาจจะโปรโมทผิด คนคิดจะเข้ามาดูหนังไซไฟบู๊ล้างผลาญ

 

โดย: zz IP: 203.146.49.141 8 มกราคม 2552 11:53:44 น.  

 

ขอบคุณมากครับ
บังเอิญซื้อดีวีดีลดราคามาดูแล้วเบื่อหน่าย
ดูไม่ถึง 15 นาทีก็หยุดไม่ดูต่อแล้ว
เกือบพลาดของดี ต้องรีบไปดูต่อ

 

โดย: พิรฌาน 15 มกราคม 2552 0:51:41 น.  

 

ดิฉันคิดว่า หนังเรื่องนี้ดีนะค ะ
แต่ที่ไม่ค่อยมีคนปลื้มเท่าไหร่นั้น
มันอาจขึ้นอยู่กับว่า หนังเรื่องนี้มันคงยังไกลไปหน่อย คือหมายถึงระดับความคิดของผู้สร้างกับผู้ชม มันอาจจะไกลกันไปหน่อย

 

โดย: นิรนาม IP: 117.47.88.77 6 ธันวาคม 2552 11:41:16 น.  

 

สงสัยอยู่หน่อยหนึ่ง ดูหลายเที่ยวแล้วไม่เข้าใจซักทีว่า
ทำไมอยู่ดีๆพระเอกถึงเข้าถึงความจริงได้ง่ายๆว่าตัวเองก็กำลังจะตายเหมือนกัน?
หนังเรื่องนี้มันสะดุดแค่ตรงนี้ที่เดียวเลย

 

โดย: blackholesun IP: 58.10.147.211 2 มีนาคม 2554 13:01:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.