Group Blog
มกราคม 2560

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
### ความอยากสามชนิดที่เราต้องทำลาย ###









"ความอยากสามชนิด

ที่เราต้องทำลาย"

การมาเกิดเป็นมนุษย์นี้

ก็เหมือนกับการมาเติมบุญเติมกุศล

 พอเราเติมบุญเติมกุศลทำบุญทำทาน

 ไม่ทำบาป รักษาศีลห้าได้

เราก็ไปสวรรค์ชั้นเทพได้

 แล้วถ้าเรามาถือศีลแปดมานั่งสมาธิ

 มาทำใจให้สงบเราก็ไปสู่สวรรค์ชั้นพรหม

เวลาที่ร่างกายนี้ตายไป

เราก็ไปสวรรค์ชั้นพรหมกัน

แต่เดี๋ยวเราก็ต้องเลื่อนลงมา

 เดี๋ยวบุญที่ส่งเราไปสู่สวรรค์ชั้นพรหม

มันหมดกำลัง เหมือนน้ำมันรถ

 มันก็เลื่อนลงมาสู่สวรรค์ชั้นเทพ

 แล้วบุญที่ส่งให้เราไปสวรรค์ชั้นเทพ

พอมันหมดกำลัง เราก็เลื่อนลงมา

กลับเป็นมนุษย์ใหม่

เหมือนกลับมาที่สถานีบริการใหม่

เพื่อมาเติมน้ำมันใหม่

แต่ถ้าเราอยากจะไปแบบไม่กลับ

ไม่ต้องกลับมาแวะเติมน้ำมัน

 เราก็ต้องเติมน้ำมันพิเศษที่จะไม่หมด

 น้ำมันพิเศษที่จะทำให้รถของเรา

หรือใจของเรานี้

อยู่บนสวรรค์ชั้นพรหมไปตลอด

อันนี้เราก็เรียกว่าปัญญา

 ปัญญานี้จะทำให้เรานี้

ขยับขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสูงกว่าชั้นพรหม

เรียกว่าสวรรค์ของพระอริยะเจ้า

ที่จะทำให้เราไม่ต้องกลับมา

คอยเติมน้ำมันอยู่เรื่อยๆ

แต่ขั้นที่หนึ่งขั้นที่สอง

ของสวรรค์พระอริยะเจ้านี้

น้ำมันยังไม่มีกำลังมากพอ

ยังต้องกลับมาเติมน้ำมัน

กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

 แต่ไม่เกินเจ็ดชาติสำหรับพระโสดาบัน

 ถ้าเราขึ้นสู่สวรรค์ชั้นโสดาบันได้

 เราจะมีน้ำมันที่จะทำให้เราสามารถวิ่งไปได้

 และถ้าจะต้องเติม

ก็เติมไม่เกินเจ็ดชาติไม่เกินเจ็ดครั้ง

 ถ้าเราได้ขั้นที่สองคือขั้นสกิทาคามี

เราก็จะได้น้ำมันที่จะทำให้เรา

กลับมาเติมอีกเพียงครั้งเดียวเป็นอย่างมาก

 คืออาจจะไม่กลับมาเลยก็ได้

พอเป็นโสดาบันในชาตินี้ปั๊บ

ก็เติมน้ำมันคือปัญญา

ก็จะส่งให้เราขึ้นสู่ชั้นสกิทาคามี

 แล้วถ้าเราปฏิบัติเติมปัญญาขึ้นไปอีก

เราก็ขึ้นสู่ชั้นที่สาม ชั้นอนาคามีเลย

 พอขึ้นสู่ชั้นอนาคามีนี้ก็ไม่ต้อง

กลับมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว

ถ้ายังจะเกิดก็เกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นพรหมแล้ว

ก็จะบรรลุเป็นพระอรหันต์

ได้ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นนิพพาน ที่จะไม่มีวันเสื่อม

 เพราะใจได้เติมน้ำมันคือปัญญา

ที่จะรักษาให้ใจนี้สนุกตลอดเวลา

ไม่ทำใจให้กระเพื่อมไม่ทำใจให้เสื่อม

นี่ถ้าเราได้ภาวนาสมถะภาวนาแล้ว

เราได้ไปสู่สวรรค์ชั้นพรหมแล้วนี้

ถ้าเราอยากจะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นอริยะเจ้า

เพื่อที่เราจะ ได้ไม่ต้องกลับมาเกิด

มาเติมน้ำมันอยู่บ่อยๆ

 เราก็ต้องเติมปัญญากัน

ปัญญาก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่า

 ต้นเหตุที่ทำให้เราต้องกลับมา

เติมน้ำมันกันอยู่เรื่อยๆ ก็คือความอยากต่างๆ

 ความอยากสามประการ

ความอยากในรูป เสียง กลิ่น รส

ความอยากมีอยากเป็น

และความอยากไม่มีอยากไม่เป็น

 ความอยากสามชนิดนี้เท่านั้น

ที่เป็นตัวที่เราต้องทำลาย

ความอยากอย่างอื่นที่เป็นความอยากที่ดี

เราไม่ต้องทำลาย เช่นความอยากจะทำบุญ

ความอยากจะรักษาศีลในวันพระ

อันนี้เป็นความอยากที่ดีทำได้

ความอยากจะนั่งสมาธิ

ความอยากจะไปบวช

ความอยากจะฟังเทศน์ฟังธรรม

อันนี้เป็นความอยากที่ดี

ต้องมีความอยากแบบนี้

 เราถึงจะสามารถทำลาย

ความอยากที่ไม่ดีได้

ก็คือความอยากไปเที่ยว

อยากไปหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

 เป็นความอยากเป็นใหญ่เป็นโต

ความอยากร่ำอยากรวย

อยากสวยอยากงามอยากรูปหล่อ

อยากอะไรต่างๆ เหล่านี้

เป็นความอยากที่จะทำให้เรา

ต้องกลับมาเกิดอยู่เรื่อยๆ

หรือความอยากไม่จน

อยากไม่เจ็บไข้ได้ป่วย

อยากไม่แก่อยากไม่เจ็บไม่ตาย

อันนี้ก็จะทำให้เรากลับมาเกิดอยู่เรื่อยๆ

เราต้องทำลายความอยากทั้งสามตัวนี้

ด้วยวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

ให้เรามาทำลายก็คือ หยุดความคิด

 หยุดความอยาก

เวลาเกิดความอยากสามตัวนี้

เราก็บอกว่า อย่าไปทำ

มันเป็นการไปสร้างภพสร้างชาติ

 ใช้สมาธิหยุดมัน พอมันอยากจะไปเที่ยว

ก็ไปนั่งสมาธิแทน

พออยากจะไปหาเงินหาทองหาตำแหน่ง

ไปเป็นผู้แทนไปทำอะไร

 ก็ไปนั่งสมาธิแทนไปนั่งวิปัสสนา

ไปสอนใจว่าอย่าไปทำตามความอยาก

ความอยากเหล่านี้จะนำพาเรา

ไปสู่การเกิดแก่เจ็บตาย

 เพราะมันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดี

เพราะเกิดแล้วมันต้องมาดิ้นรน

 เลี้ยงปากเลี้ยงท้องแล้วก็มาทุกข์

กับความแก่ มาทุกข์กับความเจ็บ

มาทุกข์กับความตาย

 เราต้องใช้วิปัสสนาคือปัญญา

ของพระพุทธเจ้ามาคอยสอนใจ

 เวลาที่ออกจากสมาธิแล้ว

ไปคิดถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ก็อยากขึ้นมา

 เพราะเรามีนิสัยเราติดนิสัย

 เดี๋ยวก็อยากดูโทรทัศน์

 เดี๋ยวอยากจะฟังเพลง

เดี๋ยวอยากจะดื่มเครื่องดื่ม

เดี๋ยวอยากจะรับประทานขนมนมเนย

ในเวลาที่เราไม่ต้องรับประทาน

ถ้าจะรับประทานก็รับประทานเพื่อให้เลี้ยงดู

ร่างกายและรับประทานตามเวลา

 แล้วก็รับประทานพอประมาณ

ไม่ให้มากเกินไป

 แล้วอย่ารับประทาน ด้วยความอยาก.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

......................

สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 มกราคม 2560
Last Update : 21 มกราคม 2560 10:10:16 น.
Counter : 484 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ