bloggang.com mainmenu search










"ความสุขที่ถาวร"

ใจที่ไม่มีความอยาก

หลงเหลืออยู่ภายในใจนี้

 เราเรียกว่าพระนิพพาน

พระนิพพานนี้ไม่ใช่สถานที่

เหมือนกับกรุงเทพหรือเชียงใหม่

 แต่เป็นสถานภาพของใจ

ใจของพวกเราตอนนี้

ยังเป็นใจที่มีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่

 เพราะมีความอยาก

มีความโลภความโกรธความหลง

 เรียกใจของเราว่าเป็นใจวัฏจักรใจ

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด

 แต่ใจของผู้ไม่มีความโลภ

ความโกรธ ความหลง

 ใจไม่มีความอยากต่างๆ นี้

 เราเรียกว่านิพพาน

 ใจที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

 นี่คือใจของพระพุทธเจ้า

และใจของพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย

และก็จะเป็นใจของพวกเรา

ถ้าเรามีศรัทธาความเชื่อ

ในคำสอนของพระพุทธเจ้า

 และปฎิบัติตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติ

และได้ทรงสอนให้พวกเราปฏิบัติ

ก็คือให้เราเลิกอาศัยความสุข

ทางลาภ ยศ สรรเสริญ

ความสุข ทางตา หู จมูก ลิ้น กายกัน แล้ว

ให้พวกเรามาหาความสุข

จากการทำใจให้สงบ

 ด้วยการรักษาศีลของนักบวช

 ด้วยการเจริญสตินั่งสมาธิเจริญปัญญา

 เดินจงกรมนั่งสมาธิ ตั้งแต่ตื่นขึ้น

ไปจนกระทั่งถึงเวลาหลับ

ไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น

นอกจากกิจกรรมนี้

จะทำใจให้สงบเพียงอย่างเดียว

ถ้าเราทำอย่างนี้ได้

พระนิพพานหรือความสงบ

 ความสิ้นสุดของการเวียนว่ายตายเกิด

ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเราได้อย่างแน่นอน

 ภายในภพนี้ชาตินี้เลย

เพราะพระพุทธเจ้า

และพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย

 ท่านก็ได้พระนิพาน

ภายในภพนี้ชาตินี้เช่นเดียวกัน

ท่านไม่ต้องรอไปทำต่อในภพต่อๆ ไป

 เพราะท่านทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

ทำอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

 ผลมันก็เลยเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

มาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

จนถึงผลที่เต็มขั้นผลที่สูงสุด

 พอผลที่สูงสุดผลที่เต็มขั้นได้มาแล้ว

 ก็หมดหน้าที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป

ใจก็สบายไปตลอด ไม่ต้องกลับมาทุกข์

กับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป

นี่คือผลที่เราจะได้รับ

จากการที่เรามีศรัทธา

 มีความเชื่อในพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้า

 ที่ทรงตรัสไว้ว่า นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง

 ไม่มีความสุขอันใดในโลกนี้ที่จะดีเท่ากับ

ความสุขที่เกิดจากความสงบของใจ

ถ้าเราเชื่อแล้วเราก็จะมุ่งไปสู่

การสร้างความสุขอันนี้ เมื่อเราสร้าง

เราก็จะได้ความสุขอันนี้อย่างแน่นอน

 เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุและผล

 ถ้ามีเหตุคือการสร้าง

ผลก็คือความสงบของใจมันก็จะตามมา

 มันไม่ได้ว่าอยู่ที่เป็นพระ

หรือเป็นนักบวชหรือไม่

เป็นพระไม่เป็นนักบวช

เป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย

 เป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ไม่สำคัญ

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพบกับความสงบของใจ

ได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นนักบวช

หรือเป็นผู้ครองเรือน

เป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย

 เป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ถ้ามีเหตุ

คือ มีการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นมา

 ผลคือความสงบของใจ

ก็ต้องตามมาอย่างแน่นอน

 ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใดก็ไม่สำคัญ

 สมัยพระพุทธกาล มีการสร้าง

มีการได้รับผลของความสงบทางใจ

ในสมัยปัจจุบันถ้ามีเหตุคือการสร้าง

 ผลคือการสงบของใจ

มันก็จะปรากฏขึ้นมาเช่นเดียวกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๐

"ความสุขที่ถาวร"






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :22 มกราคม 2560 Last Update :22 มกราคม 2560 13:42:34 น. Counter : 675 Pageviews. Comments :1