bloggang.com mainmenu search










"อาสาฬหบูชา"

วันอาสาฬหบูชา หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘

เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

พระธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรก

 จึงถือได้ว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้น

ประกาศพระพุทธศาสนาแก่ชาวโลก

 และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถ

แสดง เปิดเผย ทำให้แจ้ง แก่ชาวโลก

ซึ่งพระธรรมที่ตรัสรู้ได้ จึงถือได้ว่า

พระองค์ได้ทรงกลายเป็น

สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์

คือทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้า

ผู้เป็น "สัมมาสัมพุทธะ" คือเป็นพระพุทธเจ้า

ผู้สามารถแสดงสิ่งที่ตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้

 ซึ่งแตกต่างจาก "พระปัจเจกพุทธเจ้า"

ที่แม้จะตรัสรู้เองได้โดยชอบ

 แต่ทว่าไม่สามารถสอน

หรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตามได้

 ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชา

จึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระธรรม"

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่ท่านโกณฑัญญะ

ได้บรรลุธรรมสำเร็จพระโสดาบัน

เป็นพระอริยบุคคลคนแรก

 และได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสมบท

เป็นภิกษุองค์แรกในพระศาสนา

 และด้วยการที่ท่านเป็น

พระอริยสงฆ์องค์แรกในโลกดังกล่าว

 พระรัตนตรัยจึงครบองค์สามบริบูรณ์

เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยเหตุนี้

วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระสงฆ์"

ดังนั้น วันอาสาฬหบูชาจึงถูกจัดขึ้น

เพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันที่

เกิดเหตุการณ์สำคัญ

ของพระพุทธศาสนาดังกล่าว

 ซึ่งควรพิจารณาเหตุผลโดยสรุป

จากประกาศสำนักสังฆนายก

เรื่องกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา

ที่ได้สรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น

ในวันอาสาฬหบูชาไว้โดยย่อ ดังนี้

๑.เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้า

ทรงประกาศศาสนาพุทธ

๒.เป็นวันแรกที่พระบรมศาสดาทรงแสดง

พระธรรมจักร ประกาศสัจธรรม

อันเป็นองค์แห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ

๓.เป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรก

บังเกิดขึ้นในโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ

 ได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา ในวันนั้น

๔.เป็นวันแรกที่บังเกิดสังฆรัตนะ

 สมบูรณ์เป็นพระรัตนตรัย

คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
............................
:ท่านสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/อาสาฬหบูชา

"บัว ๔ เหล่า"

พระองค์ทรงเห็นมนุษย์เรานี้ก็มีอยู่ ๔ ประเภท

 ประเภทที่ ๑ ก็เป็นประเภทที่เป็นบัวเหนือน้ำ

 เป็นบัวที่พร้อมที่จะรับคำสอนของพระพุทธเจ้า

 คือมีฐานรองรับคำสอน คือมีศีล มีสมาธิ

ก็คือพวกนักบวชทั้งหลาย

 พวกนักบวชนี้เขาจะรักษาศีลกันบริสุทธิ์

 แล้วเขาก็นั่งสมาธิจนจิตรวมเป็นฌาน

 เป็นรูปฌาน เป็นอรูปฌาน

 เหมือนกับตอนที่พระองค์ทรงบำเพ็ญก่อนหน้านี้

พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญรักษาศีล

ทรงนั่งสมาธิจนจิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิ

 ได้รูปฌาน ได้อรูปฌาน บุคคลเหล่านี้

พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นบุคคลที่พร้อม

ที่จะรับปัญญาคือ การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

 คืออริยสัจ ๔ รับว่าความทุกข์นี้

เกิดจากความอยากต่างๆ

 และการจะดับความทุกข์ต่างๆ

การจะยุติการเกิดแก่เจ็บตาย

 ต้องยุติที่ความอยาก ๓ ประการ

ถ้าตัดได้ จิตก็จะไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป

แล้วก็ไม่ต้องเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :08 กรกฎาคม 2560 Last Update :8 กรกฎาคม 2560 5:15:33 น. Counter : 524 Pageviews. Comments :0