bloggang.com mainmenu search









“ทดแทนบุญคุณ”

วันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ

เป็นวันที่พวกเราจะมาทำการทดแทนบุญคุณ

ของคุณพ่อและคุณแม่ผู้บังเกิดเกล้า

ด้วยการปฏิบัติบูชา ด้วยการปฏิบัติธรรม

 เพราะการปฏิบัติธรรมนี้

จะทำให้เราได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล

 เมื่อเราได้เป็นพระอริยบุคคลแล้ว

เราก็จะสามารถสอนบิดามารดา

ให้ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลเช่นเดียวกัน

 ถ้าได้เป็นพระอริยบุคคลแล้วก็จะหลุดพ้น

จากการที่จะไปเกิดในอบาย

 และถ้าได้บรรลุถึงขั้นสูงสุด ของพระอริยบุคคล

คือพระอรหันต์ ก็จะสามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะ

แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้อย่างถาวร

ไม่มีอะไรในโลกนี้ไม่มีการบูชาแบบไหนในโลกนี้

ที่จะสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติเอง

และญาติพี่น้องได้หลุดพ้น

จากการที่จะต้องไปเกิดในอบาย

หรือหลุดพ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิด

อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติบูชามา

พระองค์ทรงสละราชสมบัติแล้วก็เสด็จออกบวช

เพื่อที่จะได้ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมจนในที่สุด

ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ไม่ต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตายอีกต่อไป

 แล้วหลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงไปโปรด

พระพุทธมารดา พระพุทธบิดา

 และราชญาติทั้งหลาย

 จนบุคคลเหล่านั้นก็ได้บรรลุ

เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆกัน

 เช่นพระพุทธมารดา

ที่หลังจากได้ประสูติพระพุทธเจ้า

 เจ้าชายสิทธัตถะได้ ๗ วันก็ทรงเสด็จสวรรคต

 พอพระพุทธเจ้า ๓๕ ปี ต่อมา

 หลังจากที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว

ก็ทรงใช้กระแสจิตนี้

ติดต่อกับพระพุทธมารดาที่อยู่ในสวรรค์

และได้ใช้กระแสจิตนี้

สั่งสอนอบรมพุทธมารดาอยู่ ๑ พรรษา

จนได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

 เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑

 ผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันแล้วนี้

จะไม่ต้องกลับไปเกิดในอบายอีกต่อไป

ไม่ว่าจะเคยทำบาปมากหนักหนา

สาหัสขนาดไหนก็ตาม

จะไม่ต้องไปใช้กรรมในอบายนั้น

 แล้วก็จะเหลือภพชาติไม่เกิน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก

ก็จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์และได้หลุดพ้น

จากการเวียนว่ายตายเกิดไป

พระพุทธเจ้าถ้าไม่ทรงออกบวชไม่ทรงปฏิบัติธรรม

 ไม่ทรงปฏิบัติบูชา ถ้าประทับอยู่ในพระราชวัง

 ก็จะได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ

ดังที่มีโหรได้พยากรณ์เอาไว้

 แต่การเป็นพระมหาจักรพรรดินี้

ไม่สามารถช่วยบิดามารดาให้เป็นอริยบุคคลได้

 ไม่สามารทำให้ท่านหลุด

จากการต้องไปเกิดในอบายได้

คือต่อให้พระพุทธเจ้าเลี้ยงดู

พระราชบิดาและพระราชมารดาให้ดีขนาดไหนก็ตาม

 ก็จะไม่สามารถที่จะทดแทนบุญคุณของบิดามารดาได้

เท่ากับการที่ทำให้ท่านได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล

 เพราะจะเลี้ยงดูในฐานะมหาจักรพรรดิ

แก่บิดามารดาให้ดีขนาดไหนก็ตาม

ตายไปก็ต้องไปใช้กรรมกัน

 ไปรับผลบุญผลบาปกัน

 ถ้าทำบาปไว้มากกว่าทำบุญ

บาปก็จะต้องดึงให้ไปเกิดในอบาย

ไม่ว่าจะเป็นมหากษัตริย์

เป็นบิดามารดาของมหาจักรพรรดิหรือใครก็ตาม

 กฎแห่งกรรมนี้ไม่มีการไว้หน้าใครทั้งนั้น

ใครทำอะไรไว้แล้วต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

 นั่นคือกฎแห่งกรรม

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน

 มีกรรมเป็นผู้ให้กำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

 มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จะทำกรรมอันใดไว้

ดีหรือชั่ว จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

ยกเว้นพระอริยบุคคลเท่านั้น

ที่ไม่ต้องไปรับผลบาปอีกต่อไป

 มีแต่จะรับผลบุญไปตามลำดับขั้นไป

จนถึงขั้นสูงสุดคือขั้นพระนิพพาน

นี่แหละคือการบูชาที่แท้จริง

บูชาที่จะได้ผลอันเลิศอันประเสริฐ

ต้องบูชาแบบพระพุทธเจ้าได้ทรงบูชา

ด้วยการปฏิบัติธรรม

ถ้าเราอยากจะทดแทนบุญคุณ

ของบิดามารดาของเรา มาปฏิบัติธรรมกันเถิด

มาบรรลุธรรมกันเถิด

 เมื่อบรรลุแล้ว เราจะได้รู้จักวิธี

สั่งสอนผู้อื่นให้บรรลุธรรมได้

ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุธรรมนี้

เราจะไม่สามารถสั่งสอนผู้อื่น

ให้บรรลุธรรมได้ แต่พอเราบรรลุธรรมแล้ว

เราจะสามารถสั่งสอนผู้อื่น ที่มีความสนใจ

 มีศรัทธาความเชื่อ

มีความปรารถนาที่จะบรรลุธรรม

ได้บรรลุธรรมกัน

 โดยเฉพาะบิดามารดาของพวกเรา

ที่เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด

เขาจะเป็นคนที่จะมีศรัทธามีความเชื่อ

 ในตัวเรามากที่สุดกว่าเชื่อคนอื่น

 และถ้าเขาเชื่อว่าเราได้บรรลุธรรม

ได้หลุดพ้นจากอบาย

 เขาก็อยากจะหลุดพ้นเหมือนกับเรา

 เขาก็จะศึกษาจะถามเราเอง

 เราก็จะสามารถที่จะช่วยให้เขาได้บรรลุ

เป็นพระอริยบุคคลได้

ดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง บรรดาพระญาติต่างๆ

 พระราชบิดา พระราชมารดา ทั้งมารดาเลี้ยงด้วย

 ทั้งมเหสีด้วย ทั้งพระราชโอรสด้วย

ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคคลกันทั้งนั้น

 อย่างน้อยที่สุดก็ได้ปิดประตูอบาย

 ไม่ต้องไปเกิดอีกต่อไป

สำหรับบางท่านที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

 อย่างพระราชบิดานี้

พระพุทธเจ้าก็ทรงไปโปรด ๗ วัน

ก่อนที่จะเสด็จสวรรคตได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

ถ้าไม่เป็นพระพุทธเจ้า

 จะมีใครไปกล้าสอนพระมหากษัตริย์

 แล้วพระมหากษัตริย์จะให้ใครไปสอนได้

ถ้ามีลูกเป็นพระพุทธเจ้านี้

 ก็อยากจะให้พระพุทธเจ้าให้ลูกนี้มาช่วย

 แล้วพอลูกสอนบอกอย่างไรก็เชื่อทำตาม

เมื่อทำตามผลก็จะเกิดขึ้น

 ดังนั้นขอให้พวกเรา

ในวันแม่นี้ให้เรามาทดแทนบุญคุณ

ของแม่ของเราและพ่อของเรา

และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ด้วยการปฏิบัติบูชากันเถิด

มาปฏิบัติให้พวกเราได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลกัน

เมื่อเราได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลแล้ว

เราก็จะสามารถสอนให้ผู้อื่นนั้น

บรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้

ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุนี้เราจะสอนไม่ได้

เพราะเราจะไม่รู้จักวิธี ตัวเราเองยังไม่ได้บรรลุ

แล้วเราจะไปสอนให้ผู้อื่น เขาบรรลุได้อย่างไร

เหมือนพระพุทธเจ้า ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะบรรลุ

เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

 ไม่มีพระอริยบุคคลปรากฏขึ้นมาเลยแม้แต่รูปเดียว

แต่พอหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้

เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว

แล้วทรงนำเอาพระธรรมคำสอนนี้

มาเผยแผ่ให้แก่ผู้อื่นที่สนใจ

ผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อ

พอเขาได้ยินได้ฟังแล้วน้อมนำเอาไปปฏิบัติ

ก็ปรากฏมีพระอริยสาวกขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

 การแสดงธรรมครั้งแรก

ก็ปรากฏมีหนึ่งท่านได้เป็นพระโสดาบัน

 คือพระอัญญาโกณฑัญญะ

 แล้วหลังจากที่แสดงธรรม

ให้แก่พระปัญจวัคคีย์อีก ๒ -๓ ครั้ง

ก็ทำให้พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ รูปนั้น

 ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมๆกัน

หลังจากนั้นก็ทรงไปโปรดนักบวชของลัทธิอื่นกัน

 ผู้ที่มีอินทรีย์ที่แก่ กล้า คือมีศีล มีสมาธิ แต่ขาดปัญญา

 พอทรงแสดงปัญญาความรู้ที่พระองค์ทรงได้ตรัสรู้

 ที่ทำให้พระองค์ได้หลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

 หลุดพ้นจากความทุกข์ต่างๆ

พอสอนให้บุคคลเหล่านั้น ได้ฟังกัน

 เขาก็จะสามารถที่จะปฏิบัติตามได้

อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

 บรรลุในขณะที่ฟังธรรมนั้นเลย

ครั้งหนึ่งก็ทรงแสดงให้กับนักบวชในลัทธิอื่น ๕๐๐ รูป

 พอแสดงเสร็จนักบวชเหล่านั้นทั้ง ๕๐๐ รูปก็ได้บรรลุ

เป็นพระอรหันต์พร้อมๆกันไปเลย

ระยะเวลาที่ทรงแสดงธรรม ๗ เดือนแรก

ตั้งแต่วันเพ็ญเดือน ๘ วันอาสาฬหบูชา

 ไปจนถึงวันเพ็ญเดือน ๓ ก็เป็นเวลา ๗ เดือนด้วยกัน

 ก็มีปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจขึ้นมา

คือมีพระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป

 ที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้อบรมสั่งสอน

ให้ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์กัน

และได้บวชกับพระพุทธเจ้าโดยตรง

หลังจากที่ได้ไปจาริกตามสถานที่ต่างๆ

 เพื่อเผยแผ่ธรรมให้แก่ผู้อื่น ในวันเพ็ญเดือน ๓ นั้น

มีความปรารถนา ที่จะมาเฝ้าพระพุทธเจ้า

ด้วยความกตัญญู ด้วยความสำนึก

ในพระคุณอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า

 ก็ได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยที่ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน

คิดดูเพียงระยะเวลาเพียง ๗ เดือนเท่านั้น

หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระธรรมคำสอน

 ก็มีพระอรหันตสาวกปรากฏขึ้นมา

 ให้มาเป็นที่พึ่งของโลก

อยู่ถึง ๑,๒๕๐ รูปด้วยกันเป็นอย่างน้อย

ที่ไม่ได้มาก็คงมีอีกจำนวนหนึ่ง

นี่คือความมหัศจรรย์ของการปฏิบัติธรรม

ทำให้สิ่งที่เลิศ สิ่งที่วิเศษ คือได้อริยบุคคล

คำว่าอริยะก็แปลว่า ผู้ประเสริฐ

 บุคคลที่ประเสริฐนี้ไม่มีใครจะประเสริฐเท่ากับ

บุคคลในพระพุทธศาสนา

คือพระอริยบุคคล ๔ ระดับด้วยกัน

 คือพระโสดาบัน พระสกิทาคามี

พระอนาคามี และพระอรหันต์.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.................................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘

(ธรรมะในพรรษา ๒๕๕๘)

“ทดแทนบุญคุณ”






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :12 สิงหาคม 2559 Last Update :12 สิงหาคม 2559 13:23:45 น. Counter : 778 Pageviews. Comments :0