bloggang.com mainmenu search










"มองทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์"

เพราะเราไม่ได้เห็นด้วยปัญญา

ถ้าเห็นด้วยปัญญา ก็เห็นว่ามันเป็นอนัตตา

คือมันเป็นอย่างนี้แหละ

มันเป็นเหมือนธรรมชาติ

ฝนฟ้าอากาศ มันก็มีฝนตกแดดออก

 มีอะไรสลับกันไป

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราไปประสบพบเจอ

 มันก็อย่างนี้ มีดีบ้างไม่ดีบ้าง

 มีคนดีบ้างมีคนไม่ดีบ้าง

 มีสุขบ้างมีทุกข์บ้าง

 แต่พอเราทุกข์เราก็เลยมาใช้สติดึงกลับ

 ดึงใจกลับมาจากเรื่องที่ทำให้เราทุกข์

 แต่ถ้าเรากลับไปดูเรื่องที่เราทุกข์

 มันก็ยังทุกข์อยู่

 แต่ถ้าเราไม่อยากจะทุกข์กับมัน

 เราก็ต้องเข้าใจว่า มันเป็นแบบนี้

มันเป็นธรรมชาติ เป็นอนัตตา

เหมือนกับเวลาเราเห็นฝนตก

 เราก็ไม่เป็นทุกข์กับมัน เพราะว่าเรารู้ว่า

มันเป็นสิ่งที่เราไปทำอะไรไม่ได้ ใช่ไหม

 เวลาฝนตกเราจะไปห้ามมัน

ไม่ให้มันตกก็ไม่ได้ เวลาน้ำมันจะท่วม

เราจะไปห้ามไม่ให้มันท่วมก็ไม่ได้

 เรามักจะไม่ทุกข์กับเรื่องฝนฟ้าอากาศ

 เพราะเรามองเขาเป็นธรรมชาติ เป็นอนัตตา

แต่เรื่องอื่นนี้เรายังมองว่าเป็นของ

ที่เราทำอะไรได้อยู่ เราเลยทุกข์

เพราะว่าเราอยากให้มัน

เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

 แต่ถ้าเรารู้ว่าความทุกข์ของเรา

ก็เกิดจากความอยากของเรานี่เอง

 อยากให้เขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

 พอเขาไม่เป็น เราก็ทุกข์กัน

 เราก็ต้องมองว่าเราไปทำให้เขา

เป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้

เขาเป็นเหมือนฝนฟ้าอากาศ

 เราต้องอยู่กับเขา

เหมือนกับเราอยู่กับศพอย่างนี้

 เขาจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา

 เราไม่ควรที่จะต้องไปทุกข์กับเขา

 ถ้าเราไม่มีความอยาก เราก็จะไม่ทุกข์

 นี่เราต้องใช้ปัญญาดูว่าความทุกข์ของเรานี้

 เกิดจากความอยาก แล้วสิ่งที่เราอยาก

เราก็ไปสั่งมันไม่ได้ สั่งให้มันเป็นอย่างนั้น

 สั่งให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้

พอเราเห็นมันเป็นธรรมชาติ

 เราทำอะไรไม่ได้ เราก็หยุดความอยาก

แล้วต่อไปเราก็จะไม่ทุกข์

กับสิ่งที่เราเห็น ที่เรารับรู้

อันนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการของอริยสัจ

ต้องเห็นว่าทุกข์เกิดจากความอยาก

 แล้วทุกข์จะดับก็เพราะว่าเราเห็นว่า

สิ่งที่เราอยากนั้นมันไม่เที่ยง

ไม่ใช่เป็นของเรา หรือไม่ได้เป็นสิ่ง

ที่เราจะควบคุมบังคับ

ให้มันเป็นตามความอยากของเราได้

 พอเราปล่อยวางปั๊บ เราก็จะไม่ทุกข์กับมัน 

อันนี้คือขั้นปัญญา ถ้ามีปัญญาแล้ว

 พอมันแก้ไปแล้วมันจะหายขาดเลย

มันจะไม่ทุกข์กับเรื่องนั้นอีกต่อไป

ฉะนั้นพยายามมองทุกอย่าง

ว่าเป็นไตรลักษณ์ เป็นอนิจจัง

ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นของชั่วคราว

มีเกิดแล้วก็ต้องมีดับไปเป็นธรรมดา

 เป็น อนัตตา เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :02 มีนาคม 2560 Last Update :2 มีนาคม 2560 9:14:35 น. Counter : 876 Pageviews. Comments :0