Group Blog
|
### คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ###
เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่า คาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และ ให้ทรงมงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลา เป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน เป็น คาถาครอบจักรวาล เรานำไปใช้ในทางกุศลได้ทุก ๆ เรื่อง ส่วนใหญ่ในราชสำนัก แม้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 ท่านก็ทรง พระคาถานี้เป็นประจำ มีที่ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ ก็ครั้งที่ถูกทูตต่างประเทศ นำม้าเทศตัวใหญ่แต่เป็นม้าพยศ มาท้าให้ท่านทรง พระองค์ท่าน ได้ใช้พระคาถานี้ เสกหญ้าให้ม้ากินก่อน ม้าตัวนั้นก็กลับเชื่อง ให้พระองค์ทรงม้าแต่โดยดี เรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ 6 ผู้ทรงสร้างพระบรมรูปทรงม้า ถวายเสด็จพ่อของท่านได้ทรงแฝงนัยยะ แห่งกฤษดาอภินิหารนี้ เพื่อเทิดทูนพระคุณท่านเอาไว้ มีพื้นฐานจาก " จิต " เป็นสำคัญ หากจิตมีสมาธิสูงตั้งมั่นคาถา ก็ยิ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นระหว่างที่ว่าคาถา ให้ จับลมหายใจสบาย พร้อม ๆ กับ การภาวนาคาถาบทนี้ เป็นขั้นที่ 1 ระดับสูงกว่านี้ ท่านใช้คาถาบทนี้โดยมีนิมิต กำกับคาถา โดยทรงพุทธนิมิต ไว้ดังนี้ โดยตั้งกำลังใจว่าเรา เสด็จประทับเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า เพื่อ.......ปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " อยู่เบื้องหน้า ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " อยู่เบื้องขวา ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " อยู่ด้านหลัง ของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ของศีรษะของเรา ทั้ง 8 พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎ เปล่งประกายพรึกทุกๆพระองค์ เป็นมงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์ บนเศียรเกล้าของเรา คาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน ครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ ### พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์ ###
หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียนมาจากครูพึ่งบุญ อายุ ๙๙ ปี จังหวัดนครศรีธรรมราช (ท่านทำทานให้ขอทานครั้งละ ๑ บาท ซึ่งสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง) ได้เดินทางไปทุกภาคของประทศไทย ทิศเหนือได้ไปเชียงตุงของพม่า ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสาน และได้ขออนุญาติข้ามเขตไปในอินโดจีน ของฝรั่งเศสถึงประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ ท่านครูพึ่งบุญเล่าประวัติพระคาถา กับหลวงพ่อ อายุ ๕๐ เศษ เหมือนจะแก่ เท่า ๆ กับทาน) เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๔๐ ปี ได้มีพระธุดงค์เดินธุดงค์มารูปเดียว ท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใสมาก จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพื่อบำเพ็ญกุศล ๕ วัน ได้ปฏิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า โยมฉันจะจุดธูปอาราธนาพระ แล้วอาตมาจะมาพบทางใน แล้วท่านได้มอบพระคาถา พระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ ท่านว่าทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ ถ้าปฏิบัติเป็นกรรมฐานทำให้ถึงฌาน แล้วจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี โยมเอาพระคาถาบทนี้ ภาวนาเป็นกรรมฐานเถิดนะ ไม่เกิน ๒ ปี โยมจะรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเอง พระคาถาบทนี้ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ตระกูลอาตมาได้เรียนสืบต่อกันมาทุกตน ไม่มีใครจน อย่างจนก็พอเลี้ยงตัวรอด เมื่อพูดจบได้มอบพระคาถาให้หลวงพ่อเรียน แล้วบอกว่าได้โปรดอย่าปิดบัง พระคาถาบทนี้เลย ขอได้กรุณาแจกเป็นธรรมด้วย แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิ ต่างคนต่างหลับตาประมาณ ๕ นาที ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างยิ้ม เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า ผมดีใจด้วยที่ต่อไป เบื้องหน้าท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ หลวงพ่อก็หัวเราะ หลวงพ่อถามว่า ท่านอาจารย์ทำนานนักไหม จึงจะรู้ผลอาจารย์ตอบว่า ไม่นานครับ ประมาณเดือนแรกผ่านไป เริ่มรู้ผล ระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน เช่นข้าวหุงตามธรรมดา คนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม เพิ่มการใส่บาตร แต่ข้าวเหลือ ผมเคยต่อว่า หุงทำไมหุงมากนั เขาบอกว่าหุงเท่าเดิน ผมจึงสั่งให้ลดจนเหลือครึ่งจำนวนพอดี เมื่ออาหารเริ่มลดความหมดเปลือง รายได้ก็เพิ่มขึ้นในระยะ ๑ ปี ผ่านไป เรื่องการเงินเริ่มไหวตัว เงินในที่เก็บเริ่มเกินบัญชี เงินจากร้านค้ารับมานับว่าพอดี พอรุ่งขึ้นมาจรวจเงินมากกว่าจำนวนทุกที ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะทำอะไร เป็นเงินเป็นทองไปหมด เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรไม่ไหว แต่ผมก็มีรายได้ทุกวันใครไปใครมา ขากลับคนนี้ให้บ้างคนนั้นให้บ้าง คิดเฉลี่ยผมมีรายได้ วันละประมาณเกือบร้อยบาท พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธ์มากครับ หลวงพ่อได้ถามว่า ท่านอาจารย์ทำอย่างไร อาจารย์ตอบว่า ผมทำเป็นกรรมฐานเลยครับ ทำจนสว่าง หลับตาลงแล้วเกิดความสว่างขึ้น ได้เห็นพระพุทธรูปบ้าง พระสงฆ์บ้าง มีอยู่องค์หนึ่งครับจีวรสวยมาก ไม่เหมือนจีวรพระธรรมดา แล้วเริ่มเห็นเงิน คราวแรก ๆ เป็นจำนวนน้อย ๆ ต่อมาก็เห็นจำนวนมากตามลำดับ จนถึงกองใหญ่เหลือที่จะนับ ตอนนี้เองครับ เงินทองไหลมากันใหญ่ ทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ดีไปหมด คนอื่นเขาทำขาดทุนผมลองไปบ้าง ก็มีกำไรดีเสียด้วย มีเรื่องแปลกอีกครับ นอกจากเงินเพิ่มแล้ว ของก็เพิ่มอีกด้วย ข้าวของที่อยู่หรือหามาใหม่ มีบัญชีจดไว้ครบถ้วน ครั้นไปตรวจคราวใดของเกินบัญชีทุกที หลวงพ่อถามว่า มีเคล็ดลับอะไรบ้าง ในการเข้าออกและการเก็บเงินใช้เงิน อาจารย์ตอบว่า มีครับแหม ผมเกือบลืมบอก ดีแล้วครับถามดีมาก เรื่องนำข้าวของไม่ว่าเป็นอะไร จะเป็นของกิน ของใช้ของขายก็ดี ผมทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาบทนี้ไว้ เมื่อนำข้าวของเข้าบ้านผมเอาใบพลู ๓ ใบ จุ่มน้ำมนต์พรมของนั้น ๓ หน พรม ๑ ว่าพระคาถาหนึ่งจบ เมื่อนำเงินเข้าเก็บและนำเงินออกมาใช้ ให้ว่าพระคาถานี้เท่ากับจำนวนที่สวดบูชาพระ เช่น ปกติสวด ๗ จบ เมื่อนำเงินเข้าเก็บ ก็ว่าพระคาถานี้ ๗ จบ แต่อย่านับเงินก่อน ให้จบเงินแล้วว่าพระคาถาครบจำนวนเงิน จึงนำเงินออกมานับนอกที่เก็บ คำสนทนาครูพึ่งบุญ กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จบคำสนทนาของครูพึ่งบุญ กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สัมมาสัมพุทธัสสะ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั้งหลายว่า พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์ โปรดสัตว์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ผลแน่นอนแล้ว ให้ทดสอบดังนี้ เอาต้นไม้ที่ออกดอกง่าย ๆ เร็ว ๆ เช่นต้นพริกหรือต้นคุณนายตื่นสาย (ต้นเซี้ยงไฮ้) ให้ปลูกไว้ ๒ กระถาง แล้วรดน้ำตามปรกติ อีกต้นหนึ่งรดน้ำธรรมดา แต่อีกต้นหนึ่งรดน้ำพร้อมทั้งท่อง พระคาถาบทนี้ทุกครั้งจะเห็นผลแตกต่างกัน ทั้งความแข็งแรงและการผลิดอกออกผล ให้ท่านพิสูจน์เช่นนี้ จะเห็นความมหัศจรรย์ ของพระคาถาบทนี้ โดย นายประสงค์ ตั้งตรงจิตร ห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโค บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งท่านได้มีพระคุณ ได้อบรมสั่งสอนวิชา และให้โอวาทความดีต่างๆ แก่ข้าพเจ้าตลอดมา เท่าที่ข้าพเจ้าสังเกตในท่านที่มีพระคุณนี้ เห็นว่าท่านใส่ใจในพระคาถา ของพระ ปัจเจกโพธิ์มากกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด อาทิเช่น ท่านจะมีการประกอบพิธี บำเพ็ญกุศลใด ๆ ท่านต้องนำบทพระคาถานี้ออกแจก แก่บรรดาท่านทั้งหลาย ที่มาร่วมกันกระทำการกุศล นั้น ทั้งบรรดาท่านที่คุ้นเคยนับถือ และบรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วกันทุก ๆ คน หรือท่านมีกิจจะไปพัก ณ ที่ใด ท่านจะต้องนำพระคาถานี้ติดตัวท่าน ไปแจกด้วยเสมอทุก ๆ ครั้ง หรือท่านบูชากับกองพระคาถานี้ ในขณะที่ท่านผ่านไปมาทุกเมื่อ หรือท่านจะอยู่ ณ สถานที่ใด ย่อมต้องกล่าวอ้างถึงความงามความดี แห่งพระคาถานี้เสมอ และแนะนำให้ผู้ทีมานั่งฟังอยู่ ณ ที่นั้น ให้ไปกระทำตาม พร้อมทั้งกล่าวยกตัวอย่าง ที่ท่านได้แนะนำไปแล้วว่าได้ผลดีอย่างไร ถึงกับได้นำของตัวอย่างมาให้ดูด้วย เช่น ต้นกล้วยที่มีผู้ปลูกแล้วต้นสูงใหญ่ ผิดกว่าต้นกล้วยธรรมดา มีลูกมากกว่า ๕๐๐ ลูกต่อหนึ่งเครือ ตกปลีแล้วยังเหลือปลีใหญ่อีกมากนัก ผู้ที่เห็นกับตาตนเองแล้ว กล่าวอนุโมทนาทุกคน ว่าแปลกประหลาดมาก ต้นกล้วยที่กล่าวนี้ท่านได้นำมาตั้ง ให้คนจำนวนมากดูอยู่ที่ลานวัดของท่าน เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน และยังมีอีกมากรายที่ท่านได้เล่าให้ฟัง เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน มีผลดีทั้งนั้น การปลูกฟักที่ลูกมากมาย ฟัก ๓ ลูกใหญ่โตมาก ๓ ลูกหนักกว่า ๑ หาบ การปลูกมะม่วงอกร่องออกลูกเต็มต้น ผลมะม่วงใหญ่กว่าผลมะม่วงธรรมดาถึง ๓ เท่า การปลูกข้าวก็ได้ข้าวมากกว่าธรรมดามาก แต่เหลือวิสัยที่จะนำมาให้ดูได้ทุก ๆ อย่าง เป็นแต่เล่าให้ฟังพอเป็นสังเขปเท่านั้น จึงเห็นว่าท่านสนใจพระคาถานี้มากที่สุด (นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร์ เป็นศิษย์คนแรก ที่ได้นำพระคาถาบทนี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้ผลสำเร็จมาแล้ว จากคนธรรมดา ไปเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี และได้ช่วยเหลือหลวงพ่อปานมาตลอด และเป็นผู้เผยแพร่พิมพ์แจกพระคาถาบทนี้) หลวงพ่อปาน โสนันโท หลวงพ่อปาน ถือกำเนิดที่ย่านวัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘ อาชีพของครอบครัวคือการทำนา หลวงพ่อปาน อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๘ โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นอาจารย์สอน จนสำเร็จกรรมฐาน ได้หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี เป็นอาจารย์สอนด้านกรรมฐานเพิ่ม ตอนมีชีวิตอยู่หลวงพ่อปานได้ช่วยรักษา โรคภัยไข้เจ็บตลอดจน ผู้คนที่ถูกคุณไสยฯ ต่างๆ จนหายเป็นปกติทุกรายไป หลวงพ่อสุ่นและหลวงพ่อเนียม ได้ทำนายหลวงพ่อปานว่า ได้ปรารถพุทธภูมิมามาก ทำมาเยอะแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่สุด การบำเพ็ญบารมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ต่อไปก็มีการเกิดจะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น หลวงพ่อปานมรณะภาพ เมื่อ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๗๑ |
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |