Group Blog
<<< ตอนที่ 3 ไปวัดพระบรมธาตุนมัสการหลวงพ่อทันใจ อำเภอบ้านตาก >>>





วันนี้หลานมารับไปวัดพระบรมธาตุนมัสการหลวงพ่อทันใจ
 อำเภอบ้านตาก เราเดินทางไปในเส้นทางสายเก่า
ซึ่งข้ามฝั่งไปทางป่ามะม่วง
ปัจจุบันนี้ทางจังหวัดได้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงขึ้นใหม่อีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเชื่อมต่อถนนไปศาลสมเด็จพระจ้าตากสินได้
ทางเส้นนี้เชื่อมต่อข้ามจากฝั่งตำบลหนองหลวงไปยัง
ตำบลป่ามะม่วงฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง












เส้นทางการเดินทางเมื่อข้ามฝั่งไปยังตำบลป่ามะม่วง
แล้วเราก็เลี้ยวขวาวิ่งขึ้นไปตำบลหนองบัวเหนือ
เส้นทางถนนถึงแม้จะไม่ดีที่สุดแต่ก็ดีพอให้เราเดินทางได้สะดวก
ถึงแม้จะเป็นทางเส้นเดียวรถสวนกันแต่รถก็ไม่มาก
สองข้างทางยังมีบ้านเรือนของชาวบ้านปลูกอยู่ตลอดแนว
หน้าบ้านจะปลูกดอกไม้สวยงามไว้ มากมาย



























ดอกไม้สวยๆเหล่านี้เราได้จัดการถ่ายความสวยของเธอ
มาลงในมิวสิควีดีโอเพลงของเราแล้วถ้าอยากเห็นความสวยเพิ่มขึ้น
ก็เปิดดูได้นะจ๊ะ เพลงสุนทราภรณ์ที่เป็นเพลงปีใหม่หลายเพลง
เรารวมความงามของดอกไม้เมืองตากไว้ทั้งสิ้น














เราเป็นผู้ที่รักและชื่นชมดอกไม้อยู่แล้ว
ดังนั้นการเดินทางของเราจึงช้าลงบ้าง
เพราะต้องจอดรถเพื่อเก็บภาพงามๆมาฝาก
เมื่อรถวิ่งไปถึงหน้าบ้านของคนที่หลานรู้จัก
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นไม้เลื้อยบนรั้ว
มีกิ่งก้านใหญ่กว่าธรรมดาแต่ดอกนี่ซิ ใหญ่และสวยมาก
ได้สอบถามเจ้าของบ้านแล้ว
เขาบอกว่าเธอชื่อ "สุพรรณิกา" โอ้...ชื่อก็เพราะดอกก็สวย
เราอดชื่นชมคนเดียวไม่ได้จึงต้องนำมาให้ท่านได้ชื่นชมด้วย ชมควาามงามของไม้ดอกแล้วทำให้จิตใจสบายนะจ๊ะ




















ลงดอกสุพรรณิกาให้ชมแล้ว คงจะคิดเหมือนเรานะ
ดอกเธอทั้งใหญ่ทั้งสวยมาก
 เจ้าของบอกว่ามีสีชมพูด้วยนะแต่ต้นตายไปแล้ว

เราต้องเดินทางต่อไปแล้ว
การเดินทางของเราครั้งนี้ใช้เวลานานจริงๆ
เพราะมัวแต่ชมดอกไม้สวยๆหน้าบ้านคนอื่นอยู่
ทั้งๆที่ระยะทางไปวัดพระบรมธาตุนั้นแค่ ยี่สิบกว่ากิโลเอง
และเราก็มาถึงวัดจนได้
วัดนี้มีผู้เดินทางมาสักการะหลวงพ่อทันใจมากมาย
ท่านศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่เรื่องลือไปทั่ว
คนชลบุรี คนระยอง นั้นมากันมากมายไม่ขาดสายเชียวละ
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ 18
ชาวบ้านเรียกว่า "วัดพระเจ้าทันใจ"
เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อทันใจ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ และมีตำนานว่า
สร้างเสร็จภายในหนึ่งวันร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก
อธิษฐานสิ่งใดจะเป็นไปตามคำอธิษฐานทุกประการ











เราได้เข้าไปกราบแสดงความขอบพระคุณ
ที่ท่านได้ช่วยปกปักษ์รักษาให้เราได้พบกับสิ่งที่เราขอพรจากท่าน
และพร้อมกันก็ขอพรจากท่านให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง
ภยันต์ตรายใดๆที่จะเกิดกับเราด้วยโดยเฉพาะการเดินทาง
จากนั้นเราก็ออกมาไหว้พระบรมธาตุ
วัดพระบรมธาตุ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีมะเมีย
รูปทรงเจดีย์เก่าเป็นแบบสุโขทัย
พระครูพิทักษ์บรมธาตุ(ทองอยู่) เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ
ได้สร้างเจดีย์แบบเจดีย์ชเวดากองของพม่า ครอบเจดีย์องค์เก่าไว้
และยังสร้างพระบรมธาตุองค์เล็กๆไว้ 16 องค์
และเจดีย์ใส่พระพุทธรูปอีก 16 องค์ และโขงจุดไฟเทียนอีก 6 โขง
ไว้รายรอบเจดีย์องค์ใหญ่ด้วย
หากเราไม่ได้ไปไหว้เจดีย์ชเวดากองที่พม่า ก็ไปไหว้เจดีย์ที่วัดพระบรมธาตุบ้านตากนี้ได้ สวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียวละ









เมื่อกราบนมัสการพระบรมธาตุและหลวงพ่อทันใจเสร็จแล้ว
 เราก็เดินทางกลับเมืองตาก ด้วยเส้นทางเดิม
เพราะร่มรื่น รถไม่พลุกพล่าน
สองข้างทางมีดอกไม้สวยๆตามหน้าบ้านคนให้ชม
 และชื่นชมชีวิตอันแสนสุขริมแม่น้ำปิงด้วย
แม่น้ำปิงที่มองจากฝั่งตะวันตกนี้ก็สวยงาม
ไม่แพ้แม่น้ำปิงที่มองจากฝั่งตะวันออกหรอกนะ
แม้จะเป็นแม่น้ำสายเดียวกันแต่มุมมองก็แตกต่าง














































แล้วเราก็มาถึงตำบลป่ามะม่วงเดินทางข้ามสะพาน
กลับยังที่พักโรงแรมเวียงตากริเวอร์ไซด์พักเอาแรงสักหน่อย
ตามประสาคนผ่านโลกมายาวนาน(ไม่อยากบอกว่าแก่แล้ว)
พรุ่งนี้เช้าจะพาชมเมืองตากต่อนะจ๊ะ







Create Date : 24 ธันวาคม 2555
Last Update : 8 เมษายน 2557 20:27:29 น.
Counter : 5848 Pageviews.

2 comment
<<< ตอนที่ 2 แผ่นดินสี่มหาราช >>>





ภาพข้างบนนี้เป็นภาพวัดพระนารายณ์ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงซากแค่นี้แหละ 
 ผืนแผ่นดินตรงนี้เป็นผืนแผ่นดินของสี่มหาราช
วัดนี้เป็นวัดที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ 
 ก่อนนำกองทัพบุกเข้าโจมตีกรุงอังวะจนพม่าต้องเผาเมืองถอยหนี

ที่เรียกแผ่นดินตรงนี้ว่าแผ่นดินสี่มหาราชเพราะ
  เมื่อครั้งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ขณะนั้นมีพระชนม์มายุแค่ ๑๙ ชันษา
ได้ทำยุทธหัตถีจนชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด 
 ในเวลาต่อมาจึงได้ตั้งเมืองตากเป็นเมืองหน้าด่านตะวันตกของกรุงสุโขทัย
และได้สร้างอาณาจักรชาติไทยจนเกรียงไกร 
 มีอาณาเขตจรดอ่าวเมาะตะมะ เป็นที่เล่าขานสู่ลุกหลานมาจนทุกวันนี้

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกกองทัพเข้าพม่า
ทรงหลั่งสิโณฑกที่เมืองแกลง ประเทศพม่า
ประกาศให้กรุงศรีอยุธยาของไทยเป็นอิสระจากพม่า
ต่อมาตั้งให้เมืองตากเป็นหน้าด่านสำคัญ
 และได้เสด็จพักกองทัพที่เมืองตากก่อนเข้าโจมตีเมืองพุกาม ของพม่า
จนได้ชัยชนะ

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้เสด็จตั้งมั่นกองทัพที่เมืองตาก 
 เพื่อปราบปรามหัวเมืองเหนือ
และทรงสร้างวัดพระนารายณ์ไว้ที่เมืองตากเป็นอนุสรณ์ 
 ต่อมาโปรดให้ยกทัพเข้าโจมตีกรุงอังวะ จนพม่าต้องเผาเมืองถอยหนี

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นเจ้าเมืองตาก
ก่อนเสด็จทำสงครามป้องกันกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาได้ทำการกู้อิสระภาพชาติไทยจากพม่าครั้งที่ ๒ 
 ได้เสด็จตั้งมั่นกองทัพที่เมืองตาก เพื่อปราบปรามผู้ที่่แข็งเมือง
จนรวบรวมชาติไทยได้เป็นปึกแผ่น มาจนทุกวันนี้


















ผืนดินตรงนี้ปัจจุบันเหลือเพียงผืนดินกับกำแพงวัดนิดหน่อยเท่านั้น
  นอกนั้นไม่มีอะไรเหลือให้เห็นเป็นอนุสรณ์อีกแล้ว

ก่อนนี้เมืองตาก หรือ เดิมชื่อเมืองระแหงนั้น
ตั้งอยู่ตรงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง
ต่อมาจึงได้มีการย้ายเมืองไปอยู่อีกผั่งแม่น้ำตรงข้ามกัน 
 และเป็นเมืองตากมาจนทุกวันนี้
เมืองตากเป็นเมืองเก่าแก่มีอายุมากว่า ๒ooo ปี 
  ประชากรประกอบไปด้วยชาวเขาเผ่าต่างๆ ชาวมอญ ชาวจีน และชาวไทย
ภาษาที่ใช้พูดกันก็จะมีภาษาท้องถิ่นซึ่งเป็นภาษาเหนือ 
 แต่ก็ไม่อ่อนหวานเหมือนลำปาง เชียงใหม่
และภาษาประจำท้องถิ่นเผ่าต่างๆ การสื่อสารกันส่วนมาก
ใช้ภาษาไทยภาคกลาง เหมือนทั่วไป


เมืองตากเป็นเมืองโบราณเก่าแก่มานาน 
 ประชาชนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่จะมีนิสัยถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
แต่พอมาถึงโลกยุคปัจจุบันนี้ จังหวัดตากอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง
ในความเจริญที่เข้ามาหา แต่หากเป็นคนดั้งเดิมก็ยังคงเหมือนเดิม
เราได้ย้ายออกจากจังหวัดตากนานแล้ว แต่เมื่อกลับไปเยือนในครั้งนี้อีก
  เมื่อได้พบกับคนเก่าๆในตลาดที่เราเคยรู้จักกันทุกคนก็ยังคงจำได้
และทักทายกันด้วยอัธยาศัยไมตรีดีเหมือนเดิม 
 พวกเขาไม่เคยลืมคนที่เคยได้ผ่านเข้ามาพึ่งพาอาศัยในจังหวัดตาก
เขายังคงมิตรภาพอันงามซึ้งใจนี้ไปอีกนานเท่านาน 
 ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจยิ่งนัก เราก็ไม่เคยลืมเช่นกัน











Create Date : 22 ธันวาคม 2555
Last Update : 8 เมษายน 2557 20:18:04 น.
Counter : 749 Pageviews.

0 comment
<<< ตอนที่ 1 นมัสการพระเจ้าตากสิน >>>





จังหวัดตากเป็นจังหวัดแรกที่เราเข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการ
ในราวประมาณปลายปี 2514
ในครั้งนั้นยังมีผู้ก่อการร้ายอยู่มาก
แถวนอกเมืองออกไปจะมีการยิงกันตายไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ในตัวเมืองตากนั้นกลับสงบเงียบ ไม่มีเหตุร้ายใดๆ
ทำให้ต้องหวาดกลัวเลย เราอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยมีความสุข
ผู้คนรู้จักกันแทบท้ั้งนั้น ซึ่งเราก็แปลกใจมาก
เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะได้ยินเสียงทักทายถามไถ่ทุกข์สุขกันตลอด
ข้าราชการ พ่อค้า ชาวบ้าน รู้จักกันแทบหมด
ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทุกคนเหมือนเป็นคนอยู่บ้านเดียวกัน
รักใคร่ปรองดองกัน มีอะไรก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยและแบ่งปันกัน
ด้วยความเต็มใจ ณ. ขณะนั้นเราว่าจังหวัดตากเป็นเมืองที่มีความสุขมากจริงๆ
แต่อากาศนี่ซิ หน้าร้อนก็ร้อนจนแทบใหม้
หน้าหนาวก็หนาวจนน้ำในโอ่งเป็นฝ้าน้ำแข็งเชียวละ

เอาละเกริ่นมาพอสมควรแล้ว
ก่อนอื่นเมื่อมาเมืองตากเราต้องนมัสการสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก่อน
ท่านเป็นที่พึ่งทางใจของคนเมืองตากและที่อื่นๆมากมาย
เมื่อครั้งเราอยู่ก็มานมัสการท่านเป็นประจำ
และนี่ก็ใกล้จะมีงานประจำปี ซึ่งจังหวัดจัดให้ท่านทุกปี เราเรียกกันว่างานตากสิน
ไม่เคยเรียกชื่อเต็มๆสักครั้งเลยจำไม่ได้
แต่พอจำได้ว่างานจะเริ่มประมาณวันที่ 28 ธันวาคม
และไปสิ้นสุดประมาณวันที่ 3 มกราคม ก็ประมาณนั้น

งานปีใหม่ที่ตากนี่เมื่อครั้งสมัยเราอยู่ตาก เป็นงานที่เรารอคอยเชียวละ
สมัยนั้นยังไม่มีงานลอยกระทงใหญ่โตเหมือนตอนนี่้
มีแค่งานนมัสการพระเจ้าตากสินนี่แหละยิ่งใหญ่แล้วละ
เราชอบมากเพราะเช้าวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่
ทางจังหวัดจัดให้มีการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งกัน
ที่ศาลสมเต็จพระเจ้าตากสิน ตลอดทางลงมา
มีพระสงฆ์มารับบิณฑบาตรหลายสิบรูป น่าจะนิมนต์มาทุกวัดในเมืองตากนั่นแหละ
ผู้คนมากมายมาคอยตักบาตรกันแต่เช้าตรู่
ตักบาตรเสร็จแล้วก็เข้าไปนมัสการพระเจ้าตากสินในศาลที่ท่านประทับอยู่
ขอพรปีใหม่จากท่าน ได้รับความสุขกายสุขใจกลับบ้านมากมาย











ท่านทราบประวัติพระเจ้าตามสินมหาราชบ้างหรือยัง
สำหรับผู้เขียนทราบแต่ก็เลือนไปบ้างแล้วจึงต้องลองทบทวนใหม่อีกครั้ง
พระเจ้าตากสินมหาราช เดิมชื่อ สิน เป็นบุตรขุนพัฒน์ กับ นางนกเอี้ยง
 เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2277
ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาเจ้าพระยาจักรีขณะนั้นมีตำแหน่งสมุหนายก เห็นบุคคลิกลักษณะ
จึงขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากสำนักวัดโกษาวาส (วัดคลัง)
และได้บวชเป็นสามเณร เมื่ออายุ 13 ปี ที่วัดสามพิหาร
เมื่อสึกออกมาแล้วได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก
และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุครบ 21 ปี บวชอยู่ 3 พรรษา
เมื่อสึกออกมาได้เข้ารับราชการต่อ ณ. กรมมหาดไทย ที่ศาลหลวงในกรมวัง













ต่อมาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์)
 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก
จนได้เป็นพระยาตากในเวลาต่อมา และได้รับการแต่งตั้ง
ให้เป็นพระยาวชิรปราการเจ้าเมืองกำแพงเพชรเมื่อปี พ.ศ. 2310
ต่อมาได้รับความดีความชอบจนได้เป็นผู้ปกครองหัวหน้าฝ่ายเหนือ
คือเมืองตาก และเรียกติดปากกันมาว่า "พระยาตากสิน"
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ขึ้นครองราชสมบัติกรุงธนบุรี 15 ปีเศษ
ก็สิ้นพระชนม์ เมื่อพระชนม์มายุได้ 48 พรรษา เท่านั้น
(ข้อมูลนี้ได้มาจากเวปจังหวัดตาก ขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้ด้วย)











สมเด็จพระเจ้าตากสิน เป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่พึ่งทางใจของคนทั่วไป
เราจะเห็นว่าที่ศาลของพระองค์นั้น
จะมีผู้คนนำเครื่องเซ่นไหว้มาถวายท่านโดยตลอด
 เครื่องเซ่นไหว้จะมีหลากหลาย ตามที่สืบทราบว่าท่านชอบอะไรก็จะนำมาถวายกัน
สมัยที่เราอยู่จังหว้ดตาก เวลาจะไปบนขอท่านช่วย
ให้เราสอบเลื่อนขั้นข้าราชการได้นั้น เรามักจะบนด้วยฝิ่น ซึ่งสมัยนี้คงไม่มีแล้ว
สมัยก่อนนั้นพอหาได้อยู่ แต่ก็ต้องหลบๆซ่อนๆซื้อมาแก้บน
เพราะฝิ่นคือของผิดกฎหมายซะแล้ว











เราไปไหว้พระเจ้าตากคราวนี้ ได้พบสิ่งของที่ผู้คนนำมาถวายท่านมากมาย
 เรียกว่าหากจะไปรบทัพจับศึกที่ไหนละก็พร้อมเชียวละ
มีทั้งเหล่าทหารหาญ ที่พร้อมจะออกศึก ทั้งข้าง ทั้งม้า ทั้งอาวุธมากมาย
แม้หากเหนื่อยล้าจากการทำศึกแล้ว
ก็ยังมีฝูงไก่เรียงรายมาให้ทดสอบกีฬาตีไก่ดูว่า
เจ้าโต้งตัวไหนช่างเก่งกล้าขาแข็งแทงทะลุเพื่อนอีกด้วย



















































สิ่งที่เห็นย่อมแสดงให้รู้ว่า ท่านยังเป็นที่พึ่งของเราได้อีกนาน
แม้พระชนม์ชีพจะสิ้นแต่ดวงวิญญาณของท่านก็ยังคงอยู่
เพื่อช่วยเหลือ ผ่อนคลายทุกข์ และช่วยเป็นที่พึ่งให้เราประสบความสำเร็จ
ตามที่เราอธิษฐานขอพรจากท่านอีก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พรทุกพรที่ท่านให้ย่อมเป็นไปตามคุณความดีที่เราได้สร้างสมมา
 และไม่ใช่ทำร้ายให้ผู้อื่นต้องเป็นทุกข์แน่นอน



Create Date : 22 ธันวาคม 2555
Last Update : 8 เมษายน 2557 20:12:46 น.
Counter : 8394 Pageviews.

2 comment

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ