Group Blog
All Blog
|
### ทะเลยามนี้....เหลือน้อยเต็มที ขอแฉสักหน่อย ###
ประมงชายฝั่ง คือ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ชายทะเล ส่วนมากจะมีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำกันแทบทั้งนั้น เพราะเกิดมาก็อยู่กับทะเลมาโดยตลอด ด้วยฐานะและด้วยความจำเป็นของปากท้องในครอบครัว มากมายอย่างทุกวันนี้ เราชาวประมงพื้นบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่วิ่งไล่ตามเงินจนเหนื่อยเหมือนกับโลกทุกวันนี้ บ้านเราแกงส้มปลาเรียวเซียวที่หามาได้หม้อใหญ่ บางคนก็ถือชามข้าวเปล่ามาตักแกงส้มราดข้าวกิน ความเจริญทางวัตถุได้เยี่ยมกรายเข้ามา โรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด แม้จะมีกฎหมายข้อกำหนด ห้ามสร้างมลพิษ สารพิษจากฝุ่นละอองคละคลุ้งกันไปทั่ว ในเมื่อเราถูกทอดทิ้งไม่มีใครเหลียวแล ก็ต้องทนขมขื่น ร่างกายใครที่อ่อนแอก็เจ็บป่วยกันไป โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กลับต้องมาป่วยด้วยการสูดสารฝุ่นละอองที่คละคลุ้งไปทั่วทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงนี้หรอกนะที่เดือดร้อน ต่างก็มาล้มหายตายจาก บางอย่างก็สูญพันธุ์ไปเลยก็มี ต้องแล่นเรือออกไปไกลกว่าที่เคยหาถึงสองสามเท่า แล้วเป็น่ไง ท่านเห็นไม๊น้ำมันบ้านเราแพงกว่าเพื่อนบ้าน แถมยังอ้างอิงราคาของเขาทั้งๆที่เขาก็ซื้อน้ำมันจากเราไป แต่ทำไมน้ำมันเขาถึงขายในบ้านเขาได้ถูกกว่าเรามากมายนัก ก็ถูกพวกมีอำนาจแก้กฎหมายย้ายเป็นบริษัทมหาชน ซะ ป.ต.ท เมื่อเป็นของรัฐ เราเติมน้ำมันดีเซลกันถูก แต่ปัจจุบันเพื่อนบ้านเราเขาก็ยังขายสิบกว่าบาท นี่ยังอวดอ้างว่าตรึงราคาน้ำมันซะด้วยนะ เอาบุญคุณว่างั้นเถอะ เงินเข้ารัฐแค่เศษเสี้ยว แต่ ป.ต.ท มีเงินปันผลจากกำไรสุทธิ เงินปันผลนำไปแจกจ่ายผู้ถือหุ้นกันสนุกเพลิดเพลิน มีความสุขละซีที่ได้เห็นเงินก้อนโตอยู่ในมือ เราเห็นมาตั้งแต่เด็กจนแก่ว่า คนที่ตายไปทุกคน ไม่เห็นใครนำทรัพย์สินเงินทองติดตัวไปตอนตายได้เลยสักคน และมันก็เป็นเพียงสิ่งสมมุติ ที่หาใช่ความจริงไม่ ทุกคนนำทรัพย์สินเงินทองใส่ล้อเลื่อน เลื่อนนำหน้าไปแล้ว วิ่งตามไปทั้งชีวิตเถิดนะ วิ่งต่อไปอย่าหยุดนะ นี่มันอะไรกันนะจะไล่กันจนหลังชนฝาเชียวหรือ แต่เป็นเพราะพวกเราแยกแยะความดีความเลว ความชั่ว กลัวบรรพบุรษที่ทำความดีมาจนตายจากไปต้องเดือดร้อน ออกไปทะเลลึกหน่อย ถ้าไม่เจอคลื่นลมแรงก็ยังพอบันเทา เพราะมันเป็นอาชีพของเราทั้งนั้น จะละทิ้งไปได้อย่างไร เรายังยึดถือคติประจำใจอันมั่นคงว่า ปัจจุบันพวกเราถูกคุกคามด้วยโรคแพ้ละอองฝุ่น ที่เขาปล่อยออกมา ถึงแม้เราจะตายก็ไม่เสียดายชีวิตหรอกเพราะอยู่มานานแล้ว ความลำบากนอกจากโรงงานปล่อยสารพิษแล้ว ไม่เว้นแม้ลูกปลาลูกปูลูกกุ้งลูกหอย เรียกว่าทำลายเผ่าพันธุ์กันไปเลยละ โรงงานนี้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลมากมาย ใครจะก่นด่า ใครจะสาปแช่งอย่างไรก็ไม่สนใจ คนรวยจากการสนับสนุนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายทุกอาชีพเก่าแก่ของคนไทย ตั้งแต่ร้านโชห่วย "แต่พวกคุณไม่ต้องกลัวนะ" นี่คือคำเจ้าสัวปลอบโยน สินค้าของเรามีราคาตายตัวแน่นอนต่อไม่ได้ เชื่อไม่ได้ แล้วอย่างนี้คนจนพื้นบ้านจะมีโอกาสลืมตาอ้าปากกับเขาไม๊เนี่ย แล้วเราก็กำหนดราคาขายเองทุกอย่าง สิ่งที่หามาได้ก็แค่ปลาเล็กปลาน้อยกุ้งปูตัวไม่ใหญ่เหมือนเก่า อย่าได้คิดหวังจะหาได้เต็มลำเรือแบบเก่าไม่มีแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น ถูกโรงงานปล่อยน้ำเสียปล่อยสารพิษทำลาย ใครจะคิดร้ายทำลายทรัพยากรได้ก็เชิญทำไป <<< ปลาตุมังตุเม หรือหูช้าง >>>
ปลาชนิดนี้ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เพราะจับได้น้อยมาก แต่ชื่อหูช้างน่าจะเข้าทีกว่าเยอะ ตัวนี้เป็นปลาโป๊ะจับได้แค่ตัวเดียวเท่านั้นเอง คงจะขยายพันธุ์ยากแน่เลย และในไม่ช้า ดีใจที่ได้เห็นว่ายังไม่สูญพันธุ์ ที่แน่ๆเนื้อเธออร่อยนะ (‿✿) ....แมงกะพรุน.....จ๋า อย่าลองดี ,,,,, เดี๋ยวโดนหม่ำ ✿
อยู่ในท้องทะเล น่ะกางตัวออกทำกร่างเชียวละ แหวกว่ายอวดโฉมไปมา นึกว่าตัวเองน่ะเลิศซะไม่มีละ แถมยังทำร้ายคนที่ไปถูกเนื้อต้องตัวเธอจน ปวดแสบปวดร้อนหนังพองเหมือนโดนไฟลวกเชียวละ ทำราวกับว่าตัวน่ะเป็นสาวน้อยแสนงามแต่พิษรอบตัวพร้อมจะห้ำหั่น บรรลัยกับใครก็ได้ที่เข้ามาหาเธอ เธอจะรับประทานปลาเล็กปลาน้อย หรือแม้แต่หมึก กุ้ง ปู หอย เธอก็ฟาดเรียบ แค่เธอแหวกว่ายเข้าไปหา พวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่หลงเข้ามาพักพิงใต้ร่มเงาของเธอก็จะถูกพิษจน สลบและตายไปในที่สุด เธอร้ายไม๊จ๊ะ ร้ายพอๆๆกับสาวรูปงามเชียวละ ฮ่าๆๆๆ ระวังหน่อยก็แล้วกันนะจ๊ะพ่อหนุ่มมือไวทั้งหลาย ฮิๆๆๆ จะมีแต่ แมงกระพรุนถ้วย นี่แหละ เราเอาสวิงช้อนมันมาจากทะเลที่มัน ลอยตัวอวดโฉมว่ายไปมาอยู่นั่นแหละ คอยดูนะกระพรุนจ๋าเธอแน่แค่ไหน ก็ต้องแพ้เราอยู่นั่นเอง เพราะถ้าเราพบเธอละก็...เธอต้องโดนจับตัวมา เฉือนดองเปลือกอินทรีแน่นอน เมื่อดองแล้วเราก็จะจัดการเธอทั้งดิบๆๆนี่ แหละ (ต้องลองไปดูวิธีรับประทานกระพรุน จาก หัวข้อนำทะเลมาปรงแต่ง) ในฤดูที่แมงกะพรุนมีมากเราก็จะช้อนมันขึ้นมาดอง เก็บไว้กินนานๆ และ ทำกระพรุนแห้ง เพื่อส่งต่อร้านอาหารที่เขาไปใส่เมนูแมงกะพรุนนั่นแหละ การทำกะพรุนแห้งนั้นเราไม่ใช้หนวด เราใช้เฉพาะตัวร่มที่กางแหวกว่าย ไปมาเท่านั้น และวิธีทำก็ไม่ยากอะไรเพียงแต่เราล้างเมือกให้สะอาด แล้วก็หมักกับเกลือ วางเรียงซ้อนไว้เป็นชั้นๆๆ จนกว่ามันจะแห้งเหลือ แต่หนังเท่านั้น ค่อยเอามากิน แต่ต้องล้างมากๆๆนะ เพราะเค็มจริงๆๆ โอ๊ย....เสียเวลา สู้ดองเปลือกไม้อินทรีไม่ได้ สองวันก็ได้กินแล้ว แถม ตรงหนวดยังอร่อยที่สุด เคี้ยวกรุบๆๆกรับๆๆ ไม่ทำร้ายฟันเลยละ แม่เราบอกว่าเด็กๆ ควรกินแมงกะพรุน เพราะมันรักษาโรคตาลโขมยได้ เราก็ฟังมา แต่จะให้เชื่อได้ไงล่ะ เพราะเกิดมายังไม่เคยมีโอกาสเป็นโรค ตาลโขมยเลยนี่นา......ฮิๆๆๆๆ (‿)✿ มีชื่ออื่นอีกไม๊จ๊ะ...เจ้าปลาหมงโกย
ว่าหายไปเสียหลายวันเชียวนะ ไม่อยากจะบอกเธอว่า "ก็ฉันมันฟุ้งนี่เลยต้อง ไปขจัดความฟุ้งซ่านเสียหลายวัน " พลันสายตาก็เหลือบไปพบเจ้าปลา หมงโกย ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลย สดจี๋ ก็เธอเป็นปลาโป๊ะนี่นะ เกร็ดเธอถึง ได้เป็นประกายล้อแสงไฟเล่นซะขนาดนั้น ชื่อเธอที่เราเรียกนั้นเป็นชื่อจีน ก็บ้านเราเรียกอย่างนี้นี่นา เธอต้องมีชื่ออื่นที่ไพเราะอีกแน่แต่เราไม่รู้จัก ชื่ออื่นของเธอเท่านั้้นเอง ใครรู้ก็ช่วยบอกให้คนอื่นๆๆเขารู้ด้วยก็แล้วกันนะ ปลาชนิดนี้มีเกร็ดแข็ง เนื้อนุ่ม ก้างเยอะเหมือนปลาตะเพียน แต่เธอมี ความมันมาก อร่อยมากขอบอก แต่ถ้ารับประทานไม่เป็นก้างจะตำคอ เธอได้นะจ๊ะ คนจีนเขาจะเอาไปต้มเคี่ยวกับผักกาดดอง เคียวจนปลาก้างยุ่ย น้ำงวด กินได้ทั้งตัวอร่อยเฉกเช่นปลาตะเพียนเลยนะ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ล้าง เกร็ดก็ไม่ต้องขอดทิ้ง ต้มมันทั้งตัวนั่นแหละ อร่อยเชียว แต่ฉัน ไม่ค่อยชอบทำแบบนั้นหรอกกว่าจะได้กินรอจนเบื่อ สู้ล้างให้สะอาด แบบว่าต้มกับน้ำปลาดี บีบมะนาวซะหน่อย บุบพริกใส่สักนิด อร่อยสุดๆ ทำไงได้ล่ะจ๊ะ ก็เป็นลูกคนทำโป๊ะนี่ อ้อ....ลืมบอกไปวันนี้แม่ค้าใจดี เธอบอกว่าดีใจที่เห็นฉันมา เลยให้ปลามาฟรีๆๆ ซะงั้น จ่ายตังก็ไม่ยอมรับ เราเกรงใจจัง แต่มองดูก็แค่ประมาณ สัก 20 บาทได้ ก็โหสิแล้วกันนะ เธอเล่าว่า วันนี้่จับปลาโป๊ะได้มากแต่ไม่ค่อยได้ปลาหมึก ได้ปูม้ามาสัก สองกิโล ตอนเอาปลาออกขาย คนซื้อมุงเต็ม มีคนมาเลือกปูใส่ถุงแต่ มัวยุ่งๆๆกับลูกค้าหันไปอีกที คนนั้นก็ฉกปูไปซะแล้ว โธ่เอ๊ย....ฉกของ แพงซะด้วย ปูน่ะกิโลละตั้งเกือบ 300 บาท มันทำได้ลงคอนะ น่าเห็นใจ จริงๆ ดูเอาเถอะความเจริญไม่ได้ช่วยให้ใจเจริญขึ้นมาเลยนะ เศร้าจริงๆ (‿✿) ปลากะตัก
ปลาชนิดนี้ถ้าตัวเล็กๆๆเป็นลูกปลาน่ะเขาเอามาทำน้ำปลา หรือไม่ก็ตากแห้ง ทำเป็นปลากะตักแห้ง ใช้รับประทานกับข้าวต้มกุ๊ย หรือจะทานกับอะไรก็ได้ แล้วแต่ความปรารถนาของคุณ แต่ถ้าตัวโตๆๆ อย่างในรูปนี่น่ะมักจะเอามา ทำกะตักแดดเดียว หรือแกงป่าปลากะตักก็เข้าทีนะจ๊ะ อร่อยทั้งนั้นแหละ การทำปลากะตักนั้นไม่ต้องใช้อาวุธมีคมใดๆๆให้ระคายผิวของเธอหรอกนะ แค่ใช้มือ นิ้วมือ เล็บมือ ก็สามารถทำเธอรับประทานได้แล้ว หัวปลากะตัก ไม่เหมือนปลาอื่นหรอกนะ เราไม่นิยมรับประทานหรอกนอกจากจะแข็งแล้ว ยังขมอีกต่างหาก ไม่เชื่อต้องลองดูนะจ๊ะ ที่เห็นนี่แหละ เอามือเด็ดหัวทิ้งไป จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้ง ดันตรงท้องดันไป ค่อยๆๆบีบระหว่างสันหลังกับท้องให้เนื้อหลวม แล้วดันไปจนถึงหาง จากนั้น ก็ค่อยๆๆแบะเนื้อออกดึงก้างกลางออกซะ แค่นี้แหละเสร็จแล้ว แล้วเราก็ นำไปชุบกับน้ำปลาน้ำตาลปี๊บที่ผสมกันไว้ ใส่ซีอิ้วหน่อยเพื่อให้สีสวยเวลา ตากแดดแล้วนำมาทอด คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วก็ใส่ตะแกรงเรียงตัวตากแดด บ้านเราตอนนี้แดดแรงมาก ตากแค่ครึ่งวันก็ได้ปลากะตักแดดเดียวแล้ว จ้า เวลาทอดอย่าใช้ไฟแรงเกินไปนะจ๊ะ มันจะไหม้ขมน่ะ ลุกปลาลงไปล้างซาวในน้ำเกลือ จากนั้นก็ใส่ตะแกรงตาถึ่ ตากไปสักแดด สองแดด แล้วนำมาเด็ดหัวทิ้ง แค่นี้แหละนำมาทอดรับประทานได้แล้วละ เกลือหนึ่ง ผสมกันแล้วใส่โอ่งหมักสัก 8 เดือนขึ้นไปถ้าปีกว่ายิ่งดีหอม เป็นที่หนึ่งเลยละ จากนั้นก็ใช้ไม่ไผ่สานเป็นตะแกรง แหย่ลงไปในโอ่ง ตักเนื้อปลาให้อยู่รอบๆๆ น้ำปลาจะทะลักเข้าตามรูตะแกรง แล้วเราก็ตัก ขึ้นมา เขาเรียกหัวน้ำปลานะ บ้านเราทานอย่างนี้แหละไม่ต้องทำอะไร ทั้งหอมและไม่เค็มมากหรอก แต่ถ้าน้ำสอง หรือน้ำสาม เราก็เอามาทำ กับข้าว เราจะเอามาต้มก่อนให้เดือด จากนั้นก็กรองด้วยกระดาษกรอง ของจีนน่ะ มันจะใสน่ารับประทานเก็บไว้ได้นาน บางทีเขาก็ทุบอ้อยทั้งลำ ใส่ลงไปรองก้นตะแกรงตอนกรองเพื่อให้เกิดรสหวานก่อนนำมาเคี่ยว แต่ บางทีหาอ้อยไม่ได้ก็ใช้น้ำตาลทรายแดงใส่ลงไปเคี่ยวเลยก็มีนะ นี่คือการ ทำน้ำปลาแบบชาวบ้าน ไม่มีสารกันบูด หรือสารเคมีใดๆๆทั้งสิ้น แต่ที่เรา ซื้อรับประทานอยู่นั้นไม่ทราบหรอกค่ะว่าเขามีส่วนผสมอะไรบ้าง แต่อย่าง น้อยก็ขอให้มีปลาเป็นตัวหลักก็แล้วกัน อย่าได้เอาน้ำเกลือมาผสมกลิ่น ปลาขายเป็นใช้ได้ ระวังหน่อยแล้วกันนะจ๊ะ ต้มหวานได้แล้วละจ้า ลองดูนะจ๊ะ |
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |