Group Blog
All Blog
ทำไมจึงเรียกฉันว่า "หมึกกระดอง" ล่ะ







✳ ✳ ✳ ✳ ✳ ✳ ✳ ✳ ✳



ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
ค้นหาภาพของตัวเองยังไม่พบเลย
ต้องขอยืมของท่านก่อน
ภาพที่เห็นนี้คือภาพของหมึกกระดอง
  ที่ต้องขอบอกว่าเธอนั้น "สดจริงจริง" 
 ดูรูปแล้วเอาไปเปรียบเทียบกันหมึกกระดอง
ที่ขายอยู่ในตลาดนะจ๊ะ 
  แล้วคุณจะรู้ว่าหมึกสดหรือไม่สด


เอาละจะเล่าเรื่องหมึกกระดองให้ฟังนะ
  หมึกกระดองนั้นที่มาของชื่อเราสันนิฐานเอาเองว่า
น่าจะมาจากรูปลักษณ์ของกระดองมากกว่า
   เพราะหมึกกระดองนั้นมีกระดองด้านหลัง
ทั้งใหญ่และหนามาก เป็นสีขาว 
 รูปลักษณ์ตัวหมึกก็งั้นๆเราว่าเธอ
ไม่งามซักเท่าไหร่หรอก เนื้อก็หนา หนังก็หนา 
 และเหนียวที่สุด
(แต่เหนียวน้อยกว่าคนขี้เหนียวหน่อยนึงนะ)
  น้ำดำเธอก็เป็นรูปกรวยยาวใหญ่ 
 บรรจุน้ำดำไว้ไล่ศัตรูมากมาย
   เวลาเรานำมาทำอาหารก็ต้องระมัดระวัง
น้ำดำแตกให้มากที่สุด โอ๊ย!!!!อะไรจะขนาดนั้นนะ
   ไข่ของเธอก็เม็ดใหญ่เกือบเท่าไข่ปลาดุกเชียว
 และไม่อร่อยเท่าไข่ของหมึกกล้วยหรอกนะ
   เธอมีก้อนเนื้่อขาวๆ สองก้อนติดกันอยู่ในตัวด้วย
  เราเรียกเขาว่านมหมึก
(เรียกเองนะไม่เกี่ยวกับศัพย์วิชาการแต่อย่างใด) 
 ถ้านำไปย่างเจ้านมหมึกนั้นก็อร่อยพอควรละ
  ในตัวเธอมีไขมันเหลืองๆ(นี่ก็เรียกเองอีกนะ)
เราไม่ชอบหรอก เพราะเจ้านี่แหละ
ที่ทำให้หมึกกระดองเน่าเร็วขึ้น


วิธีดูว่าหมึกกระดองจะสดหรือไม่
ก็ดูเหมือนกับดูหมึกกล้วยนั่นแหละ เหมือนกันเลย
  (อ่านวิธีดูจากหมึกกล้วยนะขี้เกียจบอกซ้ำ
น่ะ แก่แล้วต้องออมแรงหน่อย ฮิๆๆๆ)
   เรามาว่ากันด้วยวิธีทำดีกว่านะ
หมึกกระดองนั้นจะทำยากกว่าหมึกกล้วย
   เพราะหนังเธอหนา เนื้อก็
หนา ใช้มือล้วงไม่ได้หรอก
  ต้องใช้มีดคมๆ  ปาดที่ท้องเธอ
ก่อนปาดต้องเอานิ้วชี้ช่วยดันเนื้อเธอ
ห่างจากเครืองในหน่อยนะ
กันมีดไปบาดโดนน้ำดำหมึกเข้าให้
   และต้องกรีดอย่างเบามือ 
 กรีดไปจนสุดตัวหมึกนั้นแหละ 
 จากนั้นก็จับส่วนหัวให้แน่น 
 ค่อยๆดึงหัวอย่าดึงตรงนะให้ดึงมาทางขวามือ
  ดึงเบาๆให้ทั้งหัวและตับไตใส้พุง
ออกมาพร้อมกันให้หมด
แล้วค่อยๆเอามีดเลาะกรวยน้ำดำทิ้ง เบาๆนะ
  จากนั้นเอามีดกรีดมันเหลืองๆ
ตรงเหนือกรวยน้ำดำเลอะทิ้งให้หมด
   เอามือแหวกหนวดตรงกลางดึงปากทิ้งไป
   เอามีดกรีดใต้ดาแล้วดึงตาทิ้งไป 
  ส่วนท้องเราเลาะนมและไข่ไว้รับประทานได้
  ส่วนกรวยน้ำขี้ให้ทิ้งไป
   จากนั้นเราก็เลาะกระดองหมึกออกจากตัวหมึก
  โดยการเอามีดกรีดที่หนังหลังกระดอง
ให้หนังขาดออกแล้วควักกระดองหมึกออกมา
  อย่าทิ้งนะจ๊ะเพราะกระดองหมึกมีสรรพคุณเป็นยาได้จ๊ะ
   เราชาวทะเลเมื่อโดนเงี่ยงปลาตำ
 เช่นเงี่ยงปลาดุก ปลารังคัน(หรือปลาแก้ว) ตำมือ
 เราก็ฝนกระดองหมึกกับน้ำมะนาวนี่เหละ
โป๊ะเอาไว้ เพี้ยง!!!!หาย
   หรือจะนำไปเข้ากับยาไทยได้อีกมากมาย
 (หาดูจากตำรายาไทยนะ ไม่บังอาจบอก
เพราะรู้ไม่จริงน่ะ สรรรพคุณมากมายเชียวละ)
   จากนั้นเราต้องเลาะหนังปลาหมึกกระดองออกให้หมด
บอกแล้วไงว่ามันเหนียวมาก
  เลาะให้เหลือแต่เนื้อขาวๆนะ 
 เนื้อมันก็จะแยกออกเป็นสองชิ้นโดยปริยาย 
 เราต้องเอามีดคมๆบั้งเนื้อลึกๆนะบั้งสับหว่าง
เมื่อนำมาทำอาหารจะได้ทานได้ง่ายขึ้น
เพราะเนื้อมันเหนียวมากไง จึงต้องทำแบบนี้
  ส่วนหัวจะตัดอย่างไรก็ตามอัธยาสัยนะ 
 แต่ขอบอกว่าเราน่ะไม่ชอบกินหมึกกระดองหรอก
จากสาเหตุที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ 
  เรื่องมากและเหนียวด้วยขี้เกียจ
เคี้ยวตั้งแต่เด็กๆๆแล้ว
  แต่ก็นั้่นแหละเราเลือกได้นี่นา
  เพราะเราหามาเองเอาไปขาย
เผื่อแผ่ให้คนช่อบเคี้ยวกินกัน
ให้ฟันหลุดดีกว่า ฮ่่าๆๆๆสะใจ


ปัจจุบันเขานำลูกปลาหมึกกระดอง
มาย่างขายตามข้างทางนะ
 เพราะราคาถูกกว่าหมึกกล้วยมาก
  และลูกหมึกเนื้อก็ไม่หนามาก
จึงลดความเหนียวและแข็งลงไปได้บ้าง 
 จิ้มน้ำจิ้มซะหน่อยก็อร่อยแล้ว


ไหน ๆ ก็ ไหนๆ แล้ว
  แถมน้ำจิ้มซีฟู๊ดจากคนทะเลสักครก
จะเป็นไรไป เอานะเริ่มจากปลอกกระเทียม
อย่าปลอกจนโล้นล่ะให้เหลือเยื่้อเปลือกบางๆไว้บ้าง
   เด็ดพริกขี้หนูสวนมามากน้อยแล้วแต่ชอบ
เกลือ (ใช้เกลือเม็ดยิ่งดีไม่ต้องลังเลเรื่องไอโอดีนน่ะ)
  ตำเกลือก่อนนะแล้วใส่กระเทียมพริกขี้หนู
ลงไปตำรวมกัน (อ้อ...เกลือน่ะมันเค็มนะยะ
อย่าใส่มากเดี๋ยวจะเค็มเกินไป)
  ตำไปจะเอาหยาบหรือละเอียดก็แล้ว
แต่จะชอบ จากนั้นก็ตักขึ้นมาบีบน้ำมะนาวลงไป
   ชิมดูรสนะถ้าอยากให้สามรสนิดๆ
ก็เติมน้ำตาลทรายนิ๊ดดดดเดียวนะลงไปผสม
  แต่ส่วนมากเขาจะใช้น้ำส้มสายชูกันนะ 
 สำหรับเราต้องมะนาวเพราะแก่แล้ว
ต้องระวังสุขภาพหน่อย
   เอาละได้น้ำจิ้มซีฟู๊ดแล้วก็นำไปจิ้มของทะเล
เผาได้แล้ว ขอให้เอร็ดอร่อยกันถ้วนหน้านะจ๊ะ


อ้อ!!!!!แนะนำนี๊ดนึงนะ
  หมึกกระดองน่ะเขาไม่นิยมนำไปต้มหรอก 
 เอาไปผัดก็น้อยนะ เอาไปปิ้งย่างก็ O.K นะ
  หรือเอาไปผัดเรือโป๊ะเผ็ดๆ
  หรือผัดฉ่าก็แซบหลายเด้อออ........


✯ ✯ ✯ ✯ ✯ ✯ ✯ ✯ ✯







Create Date : 22 เมษายน 2554
Last Update : 24 ตุลาคม 2561 9:27:49 น.
Counter : 7658 Pageviews.

6 comment
คุยเฟื่องเรื่องของหมึกกล้วย










✮ ✮ ✮ ปลาหมึกกล้วย ✮ ✮ ✮





ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพก่อนนะจ๊ะ
ค้นหาจนทั่วก็ได้รูปนี้แหละที่สดจริงๆ
  ส่วนภาพถ่ายที่เราถ่ายของเราไว้
หาไม่เจออ่ะ...ฮือๆๆๆๆๆ
ถ้าพบแล้วจะนำมาวางให้ชมกันนะจ๊ะ
  จะได้รู้กันว่า หมึกโป๊ะ สดๆๆน่ะเป็นเช่นไร
เอาละๆๆ มาเข้าเรื่องปลาหมึกกันดีกว่านะ
   อันว่าปลาหมึกนั้นมีมากมายหลากหลายชนิดนะ
  ครั้งนี้ขอเล่าเรื่องของหมึกกล้วยก่อนแล้วกัน
เพราะพวกเรารู้จักกับมันดีแล้ว 
 และก็รับประทานกันจนท้องอืดกันมาก็มากแล้ว
   วันนี้ใครหลงเข้ามาอ่านก็จะบอก
เคล็ดลับทุกซอกทุกมุมของปลาหมึก
ให้ได้รู้กันไปเลย แฉแหลกละนะ
เจ้าปลาหมึกจอมอำพราง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

❤ ❤ ❤ ปลาหมึกกล้วยนั้นมีอยู่ทั่วไป ทั้งน้ำตื่น น้ำลึก
หรือใต้ถุนบ้านเราก็มี
 (เป็นงงล่ะซี ก็บ้านเราอยู่ในทะเลน่ะ)
ลักษณะของหมึกกล้วยนั้น ตัวจะยาวๆรีๆนะ
  ถ้าเป็นหมึกโป๊ะก็ตัวปานกลาง
ยาวประมาณสัก 5 นิ้วขึ้นไป
  ถ้าเล็กกว่านี้เราเรียกเขาว่า หมึกกะต่อม 
 ก็ลูกหมึกธรรมดานี่แหละ
เรียกกันตามภาษาชาวประมงน่ะ 
 หมึกสดน่ะตัวจะใส และมีพรายน้ำสีเขียววิบวับๆ
   เวลาเรานำขึ้นมาจากทะเลได้ไม่นาน
สีผิวมันก็จะเริ่มขุ่นเป็นสีขาว
  และหนังที่มีพรายน้ำวิบวับๆ
 ก็จะเปลี่ยนสีออกแดงนิดๆแต่ก็ยังวิบวับๆอยู่
   เพราะเธอยังไม่สิ้นใจน่ะ เพียงแต่เพลียๆ
ไม่เชื่อลองเอานิ้วไปจิ้มที่หนวด ตรงปุ่มๆดูซิ
 ดูดจั๊กกะจี๊ เชียว
แต่ถ้าหมึกที่ตายแหง๋แก๋แล้วละก็
หนังก็จะเริ่มออกสีแดงเรื่อๆจนแดงสด(ใกล้เน่า)
  แม่ค้ามักจะเอาหมึกที่ตายแล้วและไม่ค่อยสด
กวนกับน้ำเกลือ ให้ตัวหมึก หนวดหมึก แข็ง
  แล้วก็เอาขึ้นมาขายถ้าขายไม่หมด
ก็จัดการถลกหนังแดงๆออกเหลือแต่สีเนื้อขาวขุ่น
หลอกขายเป็นปลาหมึกสดๆได้อีกรอบ  


วิธีเลือกดูปลาหมึก ว่าสดหรือไม่ นั้นไม่ยาก
  ถ้าตลาดใกล้ทะเลอย่างบ้านเรา
ก็อาจจะพอพบหมึกตัวใสๆเป็นๆวิบวับๆบ้าง
  แต่มักจะเป็นหมึกโป๊ะซะมากกว่า
  เนื่องจากหมึกโป๊ะนั้นพอจับได้
เขาก็เอาขึ้นมาขายทันที
  ไม่เหมือนหมึกที่ตกได้ หรือหมึกที่ใช้สวิงช้อน
กว่าจะเข้าฝั่งมันก็ไม่ใสปิ๊ง
เหมือนตอนขึ้นจากน้ำทะเล
การเลือกซื้อปลาหมึกนั้น อย่างที่บอกไปแล้ว
ว่าตัวใสวิบวับๆๆน่ะสดแน่นอน
   แต่สดเหมือนกันแต่น้อยกว่านี๊ด
ก็เลือกดูปลาหมึกที่ตัวขาว
   และตามผิวหนังจะมีจุดเล็กๆลายๆ
วิบวับๆเหมือนกัน
   ตัวปลาหมึกจะลื่นด้วยเมือกของเขาเอง
ตาใสปิ๊งเชียวนะ ไม่ขุ่นขาว
  ผิวออกชมพูเรื่อๆ  งามเชียว
ถ้าเราต้องการกินไข่ด้วย
  การเลือกหมึกไข่ก็ต้องพิจารณาดูที่ท้องปลาหมึก
  ท้องจะออกกลมๆๆ แน่นๆๆน่ะจับดูแต่อย่าบีบนะ
เดี๋ยวน้ำดำแตกมันจะยุ่ง
   ปลายตัวส่วนครีบหางจะไม่แหลมแต่จะมนๆ 
  เฮ้อ!!!!ไม่รู้จะบรรยายให้เห็นภาพอย่างไร
จินตนาการไปก็แล้วกันนะ สำหรับเราน่ะ
หยิบตัวไหนไม่เคยพลาดหรอกไข่เต็มท้องทุกตัว
  แม่ค้าไม่กล้าหลอกเพราะแม่ค้าสมัยนี้
บางทียังเลือกไม่เป็นเลย แฮ่ๆๆๆ (เกทับซะงั้น)


ปัจจุบันปลาหมึกในตลาดสดส่วนใหญ่
จะตัวค่อนข้างโต และจะออกสีชมพูเข้มเกือบแดง
  ซึ่งแน่นอนเขาไม่สดหรอก
และถ้าใครนิยมบริโภคปลาหมึกตัวโตๆ
ก็ขอให้ระวังหน่อยนะ
เพราะหมึกพวกนี้เป็นหมึกน้ำลึก 
 ส่วนมากเรืออวนลากลำใหญ่เขาจะออกไปจับกัน
แล้วก็ทำเช่นปลาทูคือการล้างน้ำยาฟอร์มารีน
ก่อนแช่น้ำแข็ง หรือไม่ก็เอา
น้ำยาผสมในน้ำแข็งคลุกเคล้าให้เข้ากัน
แล้วก็แช่หมึกจะได้สดๆ
  เพราะหมึกนั้นเน่าง่ายกว่าปลา
ว่าจะไม่เขียนถึงน้ำยาตัวนี้แล้วเชียวนา
ในปลาทูเราก็ไม่เขียนนะ
แต่มันอัดอั้นใจน่ะเลยบอกมันไปตรงๆซะเลย
จะได้ชัดแจ้งกันไป
ว่าคนมันงกและมักง่ายกันขนาดไหน
(เขียนแล้วองค์ลงอีกแระ)
เฮ้อ!!!!! เอาเป็นว่าใครอยากกินหมึกตัวใหญ่
ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะ
  ควรจะล้างแล้วลอกหนังทิ้งไปให้หมดนะ
อย่าเสียดาย เราน่ะไม่ยอมกินหรอก
ให้อยากอย่างไรก็ไม่แตะ 
  ส่วนปลาหมึกที่แม่ค้าลอกหนังขาย
เหลือแต่เนื้อขาวๆน่ะก็ไม่ได้เรื่อง
  เนื้อปลาหมึกอาจจะไม่มีความเหนียวหลงเหลืออยู่
  เพราะมันโดนกวนน้ำเกลือทุ๊กวัน
  จนกว่าจะขายหมดน่ะ


ต่อไปจะแนะนำวิธีการทำปลาหมึกซะหน่อย
  ทำอย่างไรจะไม่ให้น้ำดำของหมึกออกมาเลอะเทอะ
   วิธีแบบชาวประมงนะไม่ต้องใช้มีดกรีดเนื้อหรอก 
  เอามือซ้ายจับตัวปลาหมึกขึ้นมา
แล้วเอานิ้วชี้มือขวาค่อยๆ
สอดไปด้านหน้ากระดองหมึกสอดลึกลงไป
หน่อยเบาๆมือนะ แล้วเอานิ้วที่เหลือ
ค่อยๆจับตรงหัวดึงเบาๆ
หัวหมึกพร้อมทุกอย่างในท้องก็จะหลุดตามมา
  แต่ถ้ามีไข่เราก็ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เด็ดตรงเนื้อเยื่อ
ที่ไข่เกาะติดให้ขาดจากกันก่อน
เมื่อดึงหัวออกมาไข่ก็จะไม่ติดตามออกมาหรอก
  ทีนี้ก็ค่อยๆเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขวา
  เด็ดตรงเนื้อพังผืดที่ติดกันระหว่างเนื้อ
ส่วนหัวกับน้ำดำหมึกให้ขาดออกจากกัน
(ทำเบาๆที่สุดนะ)
แล้วก็ค่อยๆดึงน้ำดำหมึกออกทิ้งไปก่อน
เพราะเดี๋ยวมันแตกละก็จะยุ่ง
จากนั้นก็ดึงพวกกระเพาะขี้และเศษอาหาร
ที่หมึกได้กินไปออกทิ้งให้หมด
  เอามือแหวกส่วนหนวดดึงเอาปากปลาหมึกทิ้งไป
  และก็เอานิ้วหัวแม่มือกดลงไปตรงใต้ตา
ระหว่างกลางดึงตาออกซะ
เพราะถ้านำไปทอดมันจะปะทุเอา 
 จากนั้นส่วนตัวปลาหมึก
ก็ดึงกระดองด้านหลังออกซะด้วย
  แล้วน้ำไปล้างให้สะอาดผึ่งในตะแกรง
เตรียมทำอาหารได้ ถ้าจะต้องการเอาไปผัด
และให้สวยน่าเจี๊ยะก็ให้เอามีดผ่าท้องตัวหมึก
แผ่ออกแล้วบั้งเฉียงๆเป็นตาตะแกรง
หั่นออกเป็นชิ้นตามต้องการ
เมื่อนำไปผัดหรือทอดมันก็จะสวยเชียวแหละ


เราชาวประมงเราชอบนำปลาหมึกสดๆทั้งตัว
  ล้างให้สะอาดจากนั้นก็ผึ่งไว้
   แล้วต้มน้ำกับน้ำปลา ให้เดือด 
 ใส่ปลาหมึกทั้งตัวลงไป 
 อย่าเอาทัพพีคนนะเดี๋ยวจะคาว
  เติมน้ำตาลตัดรสนี๊ดนึง เราไม่กินผงชูรส
  เลยใช้น้ำตาลนิดเดียว
  ไม่ใส่ก็ได้เพราะหมึกสดน่ะหวานในตัวอยู่แล้ว 
 จากนั้นก็ต้มไปสักพักไม่เคี่ยวเพราะหมึกจะเหนียว
พอหมึกสุกไข่หมึกในท้องสุกด้วย จึงยกลง 
  เราก็จะได้หมึกต้มน้ำดำสุดอร่อย 
  น้ำดำหมึกจะออกมาเออออผสมกับน้ำ
ที่เราต้มจนดำเชียวละ 
 คนไม่เคยเห็นก็ไม่กล้ากินหรอก
   แต่สำหรับพวกเราน่ะกระโจนเข้าใส่กันเชียว
เพราะน้ำดำหมึกน่ะ หวานอย่าบอกใครเลยนะ
  กินกันให้ปากดำฟันดำกันเลย
   ไม่ต้องกลัวแค่ล้างน้ำก็ออกแล้วไม่ติดนานหรอก
แต่ถ้ากระเด็นเสื้อผ้าไม่รับรองนะจ๊ะ
   หมึกกะต่อมก็ตัมน้ำดำอร่อย
แต่ไม่มีไข่เท่านั้นเพราะมันยังเล็กน่ะ 
  หรือจะนำไปต้มน้ำตาลก็O.K.นะ อร่อยทั้งนั้น
  สำหรับเมนูอื่นๆไปหาอ่านกันเถอะ
ผู้รู้เขาเขียนไว้มากมายแล้ว 
 อร่อยไม่อร่อยมันอยู่ที่รู้จริงหรือไม่เท่านั้น


เดี๋ยวนี้มีสำนักโรคภัยเขาก็เตือนๆกันว่า
กินปลาหมึกนั้นมันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ 
  แต่สำหรับเราน่ะกลัวไม่มีกินมากกว่านะ
ฮิๆๆ   กินมาตั้งแต่เล็กจนแก่ป่านนี้
ยังไม่มีไขมันในเส้นเลือดสักนี๊ด ฮ่าๆๆ 













Create Date : 20 เมษายน 2554
Last Update : 24 ตุลาคม 2561 7:03:42 น.
Counter : 15169 Pageviews.

4 comment
มาเลือกปลาทูสดกันดีกว่า




"ปลาทูสด"


"ปลาทู" เราไม่ต้องอธิบายมาก
 ทั้งรสชาติและคุณค่าทางอาหาร 
 เพราะมีท่านผู้รู้ได้ช่วยกันแฉเธอซะหมดเปลือกแล้ว 
 ไม่ใช่ช่วยกันแฉอย่างเดียวนะยังแนะนำเมนูต่างๆ
ที่ทำมาจากปลาทู เป็นร้อยชนิด
ให้ทุกคนรับรู้และช่วยกันรับประทานเธอกัน 
 โถ.....น่าสงสารเจ้าปลาทูเหลือเกิน 
 จะมีสักกี่คนนะที่จะรู้ว่า
นอกจากนำเธอมาทำอาหารแล้ว
  ชาวประมงจับเธอขึ้นมาแล้ว
ปู้ยี่ปู้ยำเธอมาก่อนขนาดไหน 
 ถ้าเป็นสาวละก็ช้ำจนไม่เหลืออะไรเลยเชียวละ
  แม้แต่ลูกเล็กเด็กแดงสาวท้องแก่เขาก็ยังไม่ละเว้น
จับเธอขึ้นมาเลย....ฮือๆๆๆๆๆ.....เศร้าจริงๆ

เอาละเราจะช่วยแฉเธอในอีกแง่มุมนึง 
 จริงๆแล้วเธอสวยนะ ขอบอก 
 ปลาทูสดนั้นหนังเธอจะมันวาวเชียวละ
ดูตาเธอซิใสปิ๊ง....ซะจนเราใจหายเชียวละ
  เวลาเราจับเธอขึ้นมาจากทะเลใหม่ๆ
  ตัวเธอจะอ่อนนิดๆ และจะค่อยๆแข็งตัว
เมื่อเธอสบตาฉันแล้วสิ้นลมปราณ
  หลังจากเธอดิ้น...ดิ้น..สบัด...สบัด....
จนเหนื่อยนั่นแหละ 
 ฉันเคยไปจับปลาในโป๊ะที่พ่อทำไว้
ตอนหน้าปลาทูเข้าโป๊ะมากมายน่ะ 
 พ่อให้ฉันสังเกตุง่ายๆว่าปลาทูจะมากหรือน้อย
   เราดูขอบฟ้ากันนะ
 ฟ้าน่ะจะเหลืองค่อนไปทางแดงเชียวละ
  นั่นแหละเราไม่เคยผิดหวัง
 จับได้ปลาทูมาเต็มลำเรือทุกครั้ง 
  ดังนั้นฉันจึงชอบร้องเพลง"สนธยาฟ้าแดง
สุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนทอแสงหม่นมัว....."
ใช่เปล่าก็ไม่รู้ร้องไป
ฉันเห็นปลาทูตั้งแต่เธอว่ายน้ำทะเลเป็นฝูงๆ
  จนเธอถูกจับขึ้นมาจนเอามาย่าง
  เอามาทอด เอามาต้มยำ......จิปาถะมากมาย
จนกระทั่งสุดท้าย
ลงไปสถิตในกระเพาะอาหารของฉันเลยทีเดียว
ปลาทูสดนั้น นอกจากผิวจะมันวาว 
 ตาจะใสปิ๊งแล้ว เนื้อตัวเธอน่ะต้องไม่แข็ง
หรืออ่อนนิ่มเกินไป เรียกว่านุ่มนวลดีกว่า 
  เหงือกของเธอนั้นแดงเชียวละ
 หางเธอจะเหลือง ลำตัวก็มีสีเหลืองเรื่อๆนิดๆน่ะ
   สลับกับหนังสีครามเขียวและขาววับ
  เวลาเลือกอย่ากดเนื้อเธอแรงนะ 
 มันจะชอกช้ำเหลวเละ 
  หากจะกดเธอ เธอน่ะชอบเบาๆน่ะ
  ถ้ากดแรงแม่ค้าเห็นต้องรีบเผ่นเชียวนะ 
 เพราะจะทำให้ปลาเธอชอกช้ำน่ะ
  เราอาจโดนกว้างด้วยปลาทูได้นะจ๊ะ
จริงๆแล้วแค่จับตัวเธอขึ้นมาก็รู้แล้ว
   แต่สำหรับเราน่ะแค่สบตา
เธอเราก็เข้าใจกันและกันแล้วละขอบอก...ฮิๆ

เดิมปลาทูบ้านเราอยู่ตามชายฝั่งนะ
  แต่ปัจจุบันหาไม่ได้แล้วเพราะโดนจับกันมาก
  ตัวเล็กตัวใหญ่จับหมด
 จนหาตัวใหญ่จริงๆตามชายฝั่งไม่เจอแล้ว
   ต้องออกไปน้ำลึกอีกหน่อย 
 ชาวประมงเขาจะใช้เรืออวนลากใหญ่ๆที่เห็น
จอดทอดสมอตามท่าเรือน่ะ ออกไปลากปลาทูกัน
  เมื่อได้ปลายังไม่เพียงพอเขาก็ยังไม่เข้าฝั่งนะ
  เขาเอาน้ำแข็งโม่ ใส่ไปในเรือด้วย
แล้วก็นำปลาทูที่จับได้แช่ในน้ำแข็งไว้ก่อน
  รอจนกว่าจะได้เต็มห้องเย็น
ในเรือเขาถึงจะเอาเรือเข้าฝั่ง
  เพื่อนำขึ้นท่าเรือไปขายให้ผู้คนที่นิยมบริโภคปลาทู
ได้ซื้่อไปรับประทานกัน แต่คุณรู้ไหมว่าทำไม
ปลาทูถึงแม้จะจับมาหลายวันแล้วยังสดใสตาใสปิ๊งอยู่
....เฮ้อ.....
คนที่เห็นแก่ได้และไม่มีมนุษย์ธรรมน่ะ
เขาเอาน้ำยา......อะไรนะ.
ที่ทำให้ความสดคงที่ ล้างปลาก่อนแช่เย็น 
 แต่ขอบอกว่าไม่ทุกรายหรอกนะ
  เอาเฉพาะคนเห็นแก่ตัวเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ 
  เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้คนที่รู้เขาถึงนิยมกินปลาโป๊ะ
หรือปลาอวนที่ชาวประมงชายฝั่ง
ออกหามาขายกันวันต่อวันเท่านั้น
   เราจะรู้ได้โดยเมื่อเรานำมาทำอาหาร
เนื้อปลาจะไม่นิ่มนวลหรือหวานหรอกนะ
แต่จะแข็งและร่วน บางครั้งสีเนื้อที่นานๆ
ก็จะค่อยๆค่อนไปทางคล้ำเชียว
ทั้งๆที่ปลาทูสดน่ะเนื้อเขาจะขาว
ฉาบด้วยน้ำมันของตัวเขาเองนะ
เวลาทานจะนุ่มและหวาน
  อร่อยจนลืมความคาวไปเลยเชียวละ
เพราะฉะนั้นเวลาเลือกซื้อปลาทูสดน่ะ
ก็ต้องสังเกตุดีๆนะจ๊ะ ปลาน่ะมีหลายเกรด
เช่นคนเหมือนกันนะจ๊ะ จัดเกรดดีๆ
เราจะได้กินปลาดีและสดจริงๆไง
  และระวังจะถูกแม่ค้าหลอก
เอาปลาลังมาขายเป็นปลาทูนะ 
  ลักษณะปลาลังน่ะเราดูอย่างไร
ก็ไม่เหมือนปลาทูหรอก
แต่ถ้าคนไม่รู้จะดูมีส่วนคล้ายปลาทู
  ปลาลังนั้นจะตัวใหญ่กว่าปลาทู
และลักษณะตัวจะค่อนข้างกลมมากกว่า
เพราะปลาทูตัวมักจะแป้นๆและสั้นกว่าปลาลัง
  หางก็ไม่เหมือนแล้วปลาทูหางจะเหลืองกว่านะ
  เนื้อปลาลังจะแข็งและหยาบไม่มัน
ส่วนเนื้อปลาทูก็อย่างที่บอกนุ่มขาว
และหวานมันกว่าเยอะแยะ

การทำปลาทูก็ไม่ยาก
  เอามือซ้ายจับตัวปลาไว้แล้วเอามือขวาเปิดแก้มปลา
เอานิ้วชี้เข้าไปล้วงรวบเหงือกแล้วค่อยๆดึงออกมา
  ทั้งเหงือกทั้งใส้พุงรวมทั้งขี้ปลา
จะติดออกมาด้วยกันหมด
  แต่ถ้าดึงแรงเหงือกขาดออกจากใส้
ก็ต้องเอานิ้วล้วงใส้ออกมาอีกครั้งแหละ 
 เหงือกน่ะทิ้งไป ขี้ดำๆก็อย่าเสียดายทิ้งไปซะ
ส่วนพุงนั้นเอามีดกรึดเอาเศษอาหารออก
แล้วล้างพุงและใส้ต่างๆทั้งพวงให้สะอาด 
 ผึ่งให้แห้ง แล้วคลุกกับเกลือเม็ด
ในอัตราหนึ่งต่อหนึ่งส่วนใส่โหล
ดองเป็นไตปลาได้ อย่าทิ้งเชียวนะ
เพราะไตปลาใช้ทำแกงไตปลา 
 หรือยำไตปลาใส่ตะไคร้ซอย หอมซอย
พริกขี้หนูซอย บีบมะนาว 
 แค่นี้ก็อร่อยสุดยอดแล้วจ้า
 เอาละจากนั้นก็นำปลาทูไปล้างเมือก
ล้างเลือดออกให้หมดผึ่งไว้
แล้วนำไปทำอาหารกินกันให้อร่อยเหาะไปเลย
  เราชอบนำปลาทูไปย่างเตาถ่านสุมกาบมะพร้าว
  น่ากินดีเพิ่มความหอม
ของกาบมะพร้าวไปด้วย...สุดยอด...
ส่วนน้ำปลาที่ใช้จิ้มเราก็ทำแบบพื้นบ้าน
ชาวประมงของเราทำกินกันธรรมดานั่นแหละ
  โดยการใช้หัวน้ำปลากะตักที่เราทำเอง 
 ฝานมะกอก(เป็นมะกอกที่เขา
ใช้ใส่ส้มตำในสมัยนี้น่ะ)
ซอยหัวหอม พริกขี้หนูสวน ใส่ลงไป
ไม่ต้องบีบมะนาว
เพราะมะกอกเปรี้ยวออกกวาดอยูู่แล้ว
จิ้มกับปลาทูย่าง ร้อนๆ...โอ๊ย...อร่อยสุดสุด....
น้ำลายสอแล้วซินะ
ไปหาซื้อปลาทูมารับประทานกันได้แล้วค่ะ
  คุณค่าทางโภชนาการน่ะเพียบเชียวนะ 
 ไม่เชื่อไปอ่านที่ผู้รู้เขียนไว้ก็ได้
เราไม่บังอาจรู้เรื่องพวกนี้หรอก 
 รู้แต่เรื่องรับประทานอย่างไรให้อร่อยเท่านั้น
ฮ่าๆ  ขอบคุณที่ทนอ่านนะจ๊ะ
  ขอให้โชคดีไม่ถูกหลอกนะจ๊ะ



✮ ✮ ✮ ✮ ✮ ✮ ✮ ✮



























Create Date : 12 เมษายน 2554
Last Update : 24 ตุลาคม 2561 7:24:22 น.
Counter : 1688 Pageviews.

3 comment
รู้ทันปูม้า ตอนอวสาน (ปูลอกคราบ และปูกะเทย)
รู้ทันปูม้า ตอนอวสาน (ปูลอกคราบ และปูกะเทย)

ปูเหมือนงู จะต้องมีการลอกคราบ 
 รายละเอียดว่าลอกคราบเมื่อไร และลอกปีละกี่ครั้ง 
 เราไม่ทราบหรอก เพราะไม่เคยศึกษา 
 ได้แต่รู้ว่าปูมีการลอกคราบ ปูที่ลอกคราบนั้น
ทุกอย่างที่ห่อหุ้มตัวปูอยู่ เช่นกระดอง 
 หรือเปลือกแข็งที่หุ้มก้าม หุ้ม
ขาปูจะอ่อนเป็นเหมือนพังพืดเหนียวๆหุ้มตัวปูอยู่เท่านั้น
  ปูเหล่านี้้ตามประสาทั่วไปเขาเรียกว่า"ปูนิ่ม" 
 ปูพวกนี้จะรอคอยวันเวลาที่เปลือกหุ้มตัวและขาแข็ง
ถึงจะออกหากิน นี่แหละคือจุดอ่อนของปู
ถ้าไม่แอบซ่อนตัวดีๆก็จะถูกจับกินเป็นอาหาร 
  ปูนิ่มเนื้อจะแน่นไม่โพกจะเป็นด้วยต้องเตรียมอาหาร
ไว้ในตัวมากๆยามลอกคราบหรือเปล่าก็ไม่รู้(คิดเอาเอง)
   หลังจากลอกคราบแล้วเปลือกหุ้มปูจะค่อยๆแข็งตัว
  เราไม่ค่อยเห็นปูตัวโตๆลอกคราบเท่าไร
  เห็นแต่ปูนางๆ(ปูที่กำลังจะโต ชาวประมงจะเรียกว่าปูนางๆ)
หลังเปลือกหุ้มแข็งตัวปูเหล่านี้จะมีเนื้อแน่น 
 มีมันมาก(ไม่ใช่ใข่นะ) กระจุกอยู่ใต้กระดอง
ปูแบบนี้กินอร่อยมาก เนื้อหวานมันอร่อย
ด้วยปูนี้ยังไม่โตเต็มที่ ตะปิ้งของมันจะเล็กและไม่กว้าง
เราจึงเรียกว่า "ปูกะเทย " แต่พอ
โตเต็มที่ก็ทางใครทางมัน เป็นไปตามลักษณะเกิด
  คือตัวผู้ก็ตัวผู้   ตัวเมียก็เป็นตัวเมีย ไม่ผิดเพศละ
    เรามักจะเอามาดองน้ำปลากัน วิธีการดองก็ง่ายๆ
   เอาปูมาล้างก่อนแล้วผึ่งให้แห้งปูหมดแรง 
 เราก็นำมาใส่ภาชนะแล้วก็ใส่น้ำปลาลงไปจนท่วมปู
ดองไว้ประมาณสักชั่วโมง หรือต้องการเค็มหน่อย
ก็ต่อเวลาอีกหน่อยก็ได้ แล้วก็เอาขึ้นมาแกะกระดองปูออก
  หักปูออกเป็นสองท่อน จากนั้นก็ซอยหัวหอม
   ซอยพริกขี้หนู บีบน้ำมะนาวตามชอบ
เราเรียกว่ายำปูดอง เอามากินกันก็อร่อยสุดๆ
   น้ำปลาที่ดองถ้าได้น้ำปลาดี รสชาดจะดีมาก 
 บ้านเราใช้หัวน้ำปลาดอง เพราะเราทำน้ำปลาเอง 
  หัวน้ำปลาจะหอมมาก อร่อยอย่าบอกใครเชียวละ
แต่เดี๋ยวนี้เขาเอาปูดองไปแช่ตู้เย็นช่องแข็งก่อน
แล้วค่อยเอามายำ ก็อร่อยไปอีกแบบนึง 
 เรียกว่าวิวัฒนาการไปตามยุคสมัยไง
   ปูดองบ้านเราดองเองทำกินกันเอง ไม่เคยท้องเสีย
  มีแต่ถามว่ามีอีกไม๊เท่านั้น
ฮ่าๆๆ  อยากกินละซิ น้ำลายจะหกแล้วนะ ฮิๆๆ







Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2559 21:12:20 น.
Counter : 4605 Pageviews.

0 comment
รู้ทันปูม้า ตอนที่ 3 (ต้มปูอย่างไร ไม่ให้ปูสลัดก้าม)
ตอนที่ 3 ต้มปูอย่างไรไม่ให้ปูสลัดก้าม
..........................
สัญชาติญาณของปูน่ะ หากเขาโดนศัตรูไล่ล่านะ
เขาจะชูก้ามขึ้นต่อสู้ (ยกเว้นปูถูกมัดก้าม)
และจะวิ่งหนีได้เร็วมากถ้าเราจะจับปู
ต้องพยายามจับที่กระดองปูให้ได้ หากจับไป
โดนก้ามปู และขาปู ไม่โดนหนีบ ไม่โดนแทง ละก็ถือว่าแปลก
เมื่อโดนหนีบหรือโดนแทงจากปลายแหลมของขาปูแล้ว 
 อย่าฝันนะว่าเราปล่อยให้ปูหนีบแล้วเราก็จับตัวมันได้ ไม่มีทาง
  เพราะปูเมื่อป้องกันตัวแล้วมันจะปล่อยก้ามทิ้งไว้เป็นที่ระลึกทันที
แล้ววิ่งหนีไป เพราะก้ามปูและขาปูนั้นเมื่อสลัดทิ้งแล้ว
ก็งอกออกมาใหม่ได้ ถือเป็นเรื่องของธรรมชาติสร้างสรรอย่างนึง
  น่ามหัสจรรย์จริงๆ  ชาวประมงจะจับปูโดยใช้การจับที่กระดอง
เหมือนการจับพิสูจน์ปูแน่นไม่แน่นน่ะ 
 ลองจับดูจะหงายท้องปูหรือคว่ำปูอย่างเดิม
ปูก็ไม่สามารถโน้มก้ามปูมาหนีบคนจับได้หรอก
   การมัดขาปูเขาต้องระมัดระวังอย่างมาก 
 ต้องทำไม่ให้ปูรู้สึกว่าศัตรูกำลังทำร้าย 
 ไม่เช่นนั้นปูจะปล่อยก้ามและขาทันที
 (เท็คนิคนี้มันเฉพาะตัว คนกินปูไม่จำเป็นต้องรู้ลึกหรอก
   เอาแค่ดูปูสด ปูไข่ เป็นก็ใช้ได้แล้ว 
 นอกนั้นเอาไว้ให้ชาวประมงเขาทำเองก็แล้วกันนะจ๊ะ)

เอาละ มาต้มปูม้ากินกันดีกว่านะ 
 วิธีการต้มปูม้าโดยไม่ให้ปูปล่อยก้าม 
 อ้อ...ลืมบอกไป ปูม้าน่ะจะกินให้เนื้อแน่นและ
หวานน่ะนอกจากเลือกปูตามที่บอกแล้ว
   ต้องต้มปูม้าเป็นๆนะถ้า
ต้มปูตายละก็เนื้อจะโพกและไม่แน่นไม่หวานเท่าปูเป็นหรอกจ้า...
เอาละๆ  มาต้มปูกันซะที ก่อนอื่นต้องนำปูไปล้างน้ำจืด 
 แล้วแช่น้ำจืดไว้สักพัก คนทะเลเขาเรียกว่าพอปูเพลียน่ะ
 ไม่ต้องนาน จากนั้นก็เตรียมน้ำใส่หม้อไม่ต้องมากนะ
 เพราะน้ำปูจะออกมาอีก
(ปัจจุบันเขาใช้ซึ้งนึ่งกันแล้วนะ
เรามันคนโบราณเลยยังว่าแบบเก่าอยู่)
แล้วจากนั้นก็เอาปูเพลียๆนี่แหละใส่หม้อแล้วปิดฝา
 ต้มโดยใช้ไฟปานกลางนะอย่าใช้ไฟแรงจัด
  เพราะน้ำจะต้องค่อยๆร้อน ปูที่ถูกแช่ในน้ำเย็นมาบ้างแล้ว
และยังเพลียอยู่ ไม่มีแรงจะสลัดก้ามหรอกค่ะ
  จากนั้นก็ต้มไปจนกว่าน้ำจะเดือด 
 จะปล่อยน้ำให้เดือดไปสักสิบห้า หรือยี่สิบนาที
ก็แล้วแต่ว่าปูตัวใหญ่ตัวเล็ก ไข่นั้นต้องให้สุกถึงจะอร่อย
ถ้าไข่ยังเป็นยางมะตูมอยู่ไม่อร่อยเท่าที่ควรค่ะ
  สังเกตุจากกระดองปูเมื่อสุกจะเป็นสีแดงสวยเชียวละ 
 เราก็ตักขึ้นใส่ภาชนะพักไว้ แล้วก็นำใส่จานตามแต่จะจัด



ขอแถมนึดเอาเรื่องเก่ามาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะ
เพื่อเรียกน้ำย่อย  ที่บ้านเราตั้งแต่เด็กมาแล้ว
(อ้อ...ลืมบอกไปว่าเราเป็นลูกชาวประมง อยู่ศรีราชาน่ะ)
  เรามักจะต้มปูม้ากันเป็นหม้อใหญ่ๆ
เมื่อสุกเรียกว่าต้องใส่กะละมังนะ
เพราะต้มทีละหลายกิโลถึงจะพอกินกัน ตั้งแต่เด็กมาแล้ว
(แสดงว่าขณะเล่าเรื่องน่ะแก่แล้วนะจ๊ะ) 
 แม่เราจะแกะเนื่้อปูรวมทั้งไข่ปูคลุก
กับข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยหัวน้ำปลากะตักอย่างดี
(ใช้หัวน้ำปลากะตักนะ เพราะเราทำน้ำปลากินกันเอง )
  แค่นี้ก็อร่อยจนลืมอย่างอื่นเชียวละ 
  แต่พวกผู้ใหญ่ที่กินเผ็ดได้ 
 ต้องทำพริกน้ำปลาเพื่อเข้มข้น
 (ปัจจุบันใช้ชื่อซะเก๋เชียว "น้ำจิ้มซีฟู๊ด" ซะด้วย ฮิๆ) 
 วิธีทำก็ง่ายๆตามประสาชาวประมง 
 ใช้พริกขี้หนูสวน กระเทียม เกลื(นิดหน่อย) 
ตำให้เข้ากันพอหยาบแล้วแต่ชอบ 
 จากนั้นก็บีบมะนาวใส่  เติมน้ำตาลทรายสักช้อนชา
   และเพื่อเพิ่มความหอมเราก็จะใส่หัวน้ำปลาเพียงเล็กน้อย
  โอ๊ย...แซบหลาย อย่าบอกใครเชียว อร่อยสุดยอดไปเลยละ
   โอ๊ย....น้ำลายหก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หากชอบ
เข้ามาอ่านบ่อยๆนะ จะเล่าเรื่องคนทะเลให้ฟังอีกมากมาย
  อยากให้รู้ไว้เพราะเราแก่แล้ว 
 ไม่อยากให้ตายตามตัวไปไร้ประโยชน์น่ะ



ขอเล่าเสริมเรื่องการจับปู
ของคนทะเลสักหน่อยนะเป็นความรู้
  เอาแบบพื้นบ้านก่อนแระกันนะ
   สมัยเรายังเด็กบ้านเรามีอาชีพประมง
  โดยการทำโป๊ะ (โป๊ะมีสองชนิด โป๊ะน้ำตื่น กับโป๊ะน้ำลึก
 วันหลังจะเล่ารายละเอียดนะ) 
 เรามีเรือเล็กๆสำหรับวางจั่นตกปู
(จั่น มีลักษณะเป็นไม้ไผ่เหลาเรียวยาวประมาณ
สักแขนสองอัน วางทับกันเป็นรูปกากะบาท
  แล้วเอาลวดมัดไว้ จากปลายไม้ทั้งสี่
เราจะใช้อวนตาไม่ห่างหรือถี่เกินไป
ตัดสี่เหลี่ยมพอให้ท้องอวนหย่อนหน่อย
แล้วมัดปลายอวนทั้งสี่มุมเข้ากับปลายของไม้ไผ่จนแน่น
ปลายไม้ผูกหินก้อนเล็กๆทั้งสี่ด้านเอาไว้ถ่วงไม่ให้จั่นลอย
 แล้าเราก็หาเชือกไนล่อนใหญ่สัก สี่มินก็พอ
มาผูกติดตรงกลางกะให้ยาวพอจั่นวางพื้นได้
ปลายเชือกอีกด้านเราผูกทุ่นติดไว้เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์
เวลาเราวางจั่นทุ่นก็จะลอยอยู่เหนือน้ำ)
ตกปูเราต้องใส่เหยื่อล่อ ซึ่งเขาใช้ปลาเล็กๆเช่นปลากุแร
  หรือหัวปลาที่ไม่ใช้ แต่ต้องเป็นปลาสดนะ ร้อยด้วยลวดเข้าด้วยกัน
สักสี่ห้าตัวแล้วก็มัดติดไว้ตรงกลางจั่น่ที่เรามัดไม้ไผ่ให้ติดกันน่ะ
โดยให้หย่อนอยู่เหนืออวนเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ)
เมื่อเราเอาจั่นลงเรือแล้วเราก็แจวเรือออกไปไกลบ้านสักหน่อย
  ถ้าท่านเคยไปเที่ยวเกาะลอยศรีราชา หรือดูในรูปที่เราลงไว้ก็ได้
  เราจะออกเรือไปประมาณก่อนถึงเกาะลอยน่ะ 
 ช่วงนั้นเวลาน้ำลงจะลงไปเกือบถึงเกาะลอยนะ
   เราก็อยู่ชายๆน้ำน่ะ เรามักจะออกไปตกปูตอนน้ำเริ่มขึ้น 
  บ้านเราเรียกหัวน้ำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา หรือกุ้ง
  จะมีมากมายตามชายน้ำช่วงนี้ เพราะน้ำมันจะขุ่น
และกำลังขึ้นยังไม่ถึงฝั่งน่ะ เราทิ้งจั่น ไปวางบนดินโดยมี
ทุ่นลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบอกตำแหน่งที่เราวางจั่นไว้
ระวังอย่าให้จั่นคว่ำนะ เราแจวเรือทิ้งจั่นเป็นระยะๆ 
 แถวหน้ากระดาน สักสิบอัน
  เมื่อเสร็จแล้วเราก็แจวเรือมาที่ทุ่นอันแรกที่วาง
  แล้วสาวเชือกเร็วๆ  เมื่อพ้นน้ำเราจะเห็นปูกินเหยือหนีไม่ทัน
บางทีก็ตัวสองตัว เราก็เอาใส่กระชังไว้
กระชังนั้นเราจะผูกไว้ที่ท้ายเรือ
ตัวกระชังให้แช่น้ำไว้ปูจะได้ไม่ตาย
 แล้วก็แจวไปยกจั่นอันอื่นต่อๆไป
ทำอย่างนี้สักสองสามชั่วโมงเราก็ได้ปูมากมายแล้วละ
  ปูตัวเล็กเราจะไม่เอาเราจะจับโยนทิ้งน้ำทะเลไป
ปล่่อยให้มันโตก่อน ปัจจุบันชายฝั่งบ้านเราหาปูไม่ค่อยเจอแล้ว
   เพราะพวกเล่นเอาอวนลากตาถึ่ ลากไม่ยั้ง 
 กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวเล็กตัวน้อยจับหมด แล้วมันจะเหลือ
อะไรให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้บ้างล่ะ เศร้าจริงๆ












Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 21 มีนาคม 2559 12:59:43 น.
Counter : 21852 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ