Group Blog
(•‿•✿)♦♦♦ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ♦♦♦







เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก
  ลูกชายพาหลานมาเยี่ยมเยียนแสดงความรัก
ที่มีต่อแม่ พาแม่ไปรับประทานอาหาร
จากนั้นก็บอกว่าจะพาแม่ไปเที่ยวทะเล 
 เพราะรู้ใจแม่ว่าแม่เป็นคนทะเล 
 ถึงแม้ทุกคืนวันแม่จะนอนอยู่ที่บ้านทะเล
ฟังเสียงคลื่นในทะเลซัดใต้ถุนบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว
แม่ก็ยังรักทะเล และหลงไหลในทะเลไทยยิ่งนัก
 ชีวิตนี้แม่ขาดทะเลไม่ได้
ถูกใจจริงๆเล้ยไอ้ลูกรัก แม่เสนอทันทีโดยไม่รั้งรอว่า
อยากไปเที่ยวทะเลที่สัตหีบ เพราะคิดถึง
เจ้าหลานตัวแสบก็ประสานเสียงกันดังลั่นว่า
   ต้องไปเล่นน้ำทะเลด้วย นั่นน่ะซิ จะได้เล่นน้ำทะเลหรือ
ลูกชายบอกว่าคงไม่ได้เล่นน้ำทะเลหรอก
  เพราะแค่อยากจะไปดูสถานที่
เอาไว้พาญาติไปเที่ยวตอนสงกรานต์เท่านั้น









เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
  ก็แค่นั่งรถไปเที่ยวแล้วก็กลับเท่านั้น
  หลานๆก็ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำทะเล
กล้องถ่ายรูปที่พกพาประจำตัวก็ไม่ได้เพิ่มเติมถ่าน
เหลือแค่ไหนก็แค่นั้น
นี่แหละเป็นสาเหตุที่ทุกท่านได้ชมภาพน้อยมาก
แต่ก็สัญญานะว่าถึงอย่างไรก็จะต้องกลับไปอีกแน่นอน
  เมื่อนั้นเราจะนำภาพมาให้ท่านได้ชมแบบเต็มที่เลยละ









เมื่อเดินทางมาถึงอ่าวแสมสาร
  ลูกชายได้เข้าไปติดต่อกับทหารเรือ 
 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่
เพื่อทราบข้อมูลในการเดินทางข้ามไปเที่ยวที่เกาะขาม 
 ดินแดนอนุรักษ์ท้องทะเลไทย
คณะเราไม่ได้เตรียมอาหารการกินอะไรไปทั้งนั้น
เพราะเราคิดว่าเดี๋ยวเราจะไปนั่งริมทะเล
รับประทานอาหารทะเลสดๆกันที่ตลาดแสมสาร 
 ซึ่งที่นี่จะเป็นแหล่งรวมปลาทะเล
เพราะมีท่าเทียบเรือที่มีเรือประมงเข้าเทียบมากมาย









เมื่อเดินกลับมาที่รถ
  เจ้าลูกชายตัวแสบก็ชูบัตร
ท่องเที่ยวอุทยานใต้ทะเลเกาะขามให้ดู
เราถามว่าจะไปไหน ลูกตอบว่าไหนๆก็มาถามแล้ว
ไปดูของจริงกันดีกว่า
 สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ดูมันพูดเข้า
จากนั้นก็ทำการนำรถเข้าไปจอดเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย
   จะมีรถของทหารมาบริการนำไปยังท่าเรือ
ซึ่งก็ไม่ไกลมากนัก
เมื่อไปถึงท่าเรือจะมีสะพานปูนแข็งแรงดังภาพ
ยื่นออกไปเพื่อให้เราได้เดินทางไปขึ้นเรือ
ที่จอดรออยู่ปลายสะพานกัน
เมื่อไปถึงก่อนลงเรือ เราจะเห็นทหารสองนาย
มีตระกร้าของกินนิดหน่อยมาขาย
  เช่นแซนวิส ขนมกล้วย สาคูใส้หมู และถั่วต้ม
เราไม่ค่อยสนใจหรอก
เพราะนึกว่าที่เกาะก็คงจะมีอาหารขายอยู่แล้ว
  แต่ทหารเห็นเราเดินตัวปลิวกันมา
แถมยังมีเด็กๆมาด้วยทหารจึงได้พูดขึ้นว่า
  มีอาหารเตรียมไปรับประทานหรือยังครับ
  ที่เกาะจะไม่มีอาหารขาย 
 และเรือก็จะกลับบ่ายสามโมงเย็น
เท่านั้นแหละ ...ทำไงล่ะมาถึงที่แล้ว
ยังไงๆก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าแหละ 
 เราจัดการซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าทันที
ยังไงๆก็ไม่ยอมอดตายหรอก
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงลงเรือ
มุ่งหน้าตรงไปยังเกาะขามทันที









นั่งเรือไปเกือบครึ่งชั่วโมง  ระหว่างทาง
เราก็ทำการเก็บภาพทะเลที่เราหลงไหลทันที
น้ำทะเลใสสะอาด คลื่นลมสงบดีแท้ 
  ลมเย็นสบายสดชื่นจริงๆ
  สักพักเรือก็เข้าเทียบหาด โอ....แม่จ้าว
หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสแจ๋ว 
 ชายหาดไม่มีขยะเกะกะรกหูรกตาเลยละ
  เด็กๆๆร้องกรี๊ดสนั่นเมื่อเห็นหาดทราย
ตลอดทางจะมีทหารเรือบริการให้โดยตลอด 
 พูดจาไพเราะ เป็นห่วงเป็นใย
 ทั้งคนแก่และเด็ก ยิ้มแย้มแจ่มใส
เฮ้อ....อยากให้คนไทยเป็นอย่างนี้ทั้งประเทศจัง 
 เมื่อเรือเข้าเทียบชายหาด ก็จะมีสะพานเล็กๆ
ทอดให้เดินจากเรือไปสู่หาดทราย










เมื่อเดินขึ้นฝั่งเราก็พบผู้คนประมาณร้อยกว่าคน
เดินเที่ยวกันอยู่แต่ทำไมทุกคนจึงสรวมเสื้อสีเดียวกันหมด
  คือสีเขียวสวยเชียว
เมื่อเดินตรงไปจึงเห็นป้ายติดอยู่
   ลองอ่านดูก็จะรู้ว่าเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้
เขามาอนุรักษ์ปะการังกัน เขามาช่วยกันปลูกปะการัง
จัดกันมาเป็นหมู่คณะ ในทัศนคติเดียวกัน
คือรักและอนุรักษ์ทรัพยากรของไทย
และรักประเทศไทยของเรากันนั่นเอง
น่ารักซะจริงๆ ลูกหลานเอ๋ย
  หากมีคนอย่างลูกหลานมากๆ 
 รับรองว่าประเทศไทยของเราจะไม่น้อยหน้าใครเลย










ที่เกาะขามนี้เขามีบริการให้เช่นเสื่อไม่ต้องเช่า
ไปหยิบเอามาปูนั่งเล่นที่ชายหาดได้เลย
สำหรับผู้ที่อยากพายเรือเล่นก็มีให้เช่าราคาไม่แพง 
 อุปกรณ์ดำน้ำก็มีให้เช่าไม่แพงเช่นกัน
   มีชูชีพไว้บริการฟรี
เมื่อเราจัดแจงหามุมร่มไม้ได้แล้วก็จัดการปูเสื่อ
  นั่งพักกัน แต่เด็กๆร้องกันระงมว่าอยากเล่นน้ำทะเล
ยังไงก็จะเล่นแก้ผ้าก็เอา โอย...เอาละซิ
  เราเลยจัดการถอดเสื้อผ้าทุกคนให้เหลือแต่กางเกงใน
   แล้วใส่ชูชีพให้
เท่านั้นแหละทุกคนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
   ลงไปเล่นน้ำทะเลกันเลย สนุกสนานมาก น้ำทะเลใสแจ๋ว
ไม่มีขยะสกปรก เราว่ามัลดีฟ น่ะชิดซ้ายไปเลยนะ
  แล้วอย่างนี้เรายังจะขนเงิน
ไปเที่ยวทะเลต่างประเทศกันอีกหรือ
ทะเลไทยน่ะงามจนสุดพรรณาแล้ว 
  โดยเฉพาะที่เกาะขามนี้ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรอก
หากไม่มีพวกอนุรักษ์เสื้อเขียวแล้ว
   วันนี้รวมทั้งคณะเราก็มีไม่ถึงร้อยคนหรอก


























































































เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
  เราก็จัดการเดินสำรวจเกาะขามทันที
เดินไปถ่ายภาพเอามาให้ดูกันไปด้วยสวยๆ
  ประทับใจจริงๆ 
 เสียดายที่ไม่ได้ชาร์ตแบตถ่านกล้องถ่ายรูป
เลยถ่ายมาให้เห็นกันได้ไม่มากนัก
 แต่ก็ยังดีที่ยังพอถ่ายได้บ้าง ดูกันนะจ๊ะ
 นี่แหละท้องทะเลไทย สวยจริงๆ

















































ถ่ายรูปด้านหน้าได้พอประมาณ
ก็เดินลัดเลาะไปตามหลังเกาะดูทิวทัศน์
  เดินไปเห็นต้นจันผาขึ้นอยู่หลายต้น
ทหารคงจะนำมารวมเป็นกอไว้สวยงามเชียวละ
  ดูเถอะธรรมชาตินั้นเมื่อมันอยู่ในที่ที่ของมันแล้ว
มันก็จะเปล่งประกายความงามของตัวมันเอง
ยกเว้นจะไปเจอเอามนุษย์ซึ่งยังมีความอยากอยู่มากมาย
นำมันมาเป็นเจ้าของนั่นแหละ
มันก็อยู่ให้ชื่นชมได้ไม่นานหรอก 
 ในไม่ช้ามันก็ลาจากไป
ไม่ตายก็ถูกมือดีที่มีความอยากมากกว่า
เอาไปครอบครองต่อซะงั้น










เดินลัดเลาะมาทางด้านหลังเกาะ 
 ซึ่งชายหาดยังไม่ได้พัฒนาเก็บเศษไม้ที่ลอยมาติดออก
และหาดไม่ยาวเป็นแนว 
 แต่อย่างไรก็ยังสวยงามด้วยเม็ดทราขาวสะอาด
   และน้ำทะเลใสแจ๋ว นั่นเองแหละ















































เมื่อได้เวลาพอสมควรแล้วเราก็เดินกลับมาที่หน้าเกาะ
 เดินไปก็คิดไปเรื่อย ทำให้เราคาดคะเนได้ว่า
ด้านหลังเกาะที่ทหารยังไม่เก็บเศษไม้ชายหาดนั้น
  เข้าใจว่าไม่อยากจะให้นักท่องเที่ยวไปด้านหลังเกาะ
เพราะยากต่อการดูแลความปลอดภัย
   เพราะกำลังทหารที่พักดูแลเกาะนี้อยู่
มีแค่ประมาณ สิบกว่าคนเท่านั้น
   มีบ้านพักเก่าๆให้
น้ำใช้เข้าใจว่าเรือทหารคงจะนำมาส่ง
เพราะเห็นแท้งน้ำใหญ่ๆตั้งอยู่เรียงราย
  สำหรับไฟฟ้าน่าจะใช้พลังแสงอาทิตย์
เพราะเราเห็นแผงพลังแสงอาทิตย์
ซึ่งบริจาคโดยบริษัทกระทิงแดง
ตั้งอยู่แต่เป็นแผงเล็กๆไม่ใหญ่มาก ก็น่าจะพอใช้





























เมื่อได้เวลาพอสมควร
จัดการเรียกเด็กขึ้นจากทะเลอาบน้ำอาบท่าแล้ว
ก็เตรียมลงเรือท้องกระจกไปดูปะการังกัน









น่าเสียดายไม่อาจถ่ายรูปปะการังมาให้ดูได้
เนื่องจากกล้องถ่านหมดซะก่อน 
 ไว้คราวหน้าไปอีกจะถ่ายมาให้ดูกัน
แต่ปะการังที่เห็นนั้นไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร 
 ทหารเล่าว่าปัจจุบันเกิดสภาวะโลกร้อน 
 ทำให้สัตว์ทะเลตายกันมากซึ่งรวมถึงปะการังด้วย 
  ดังนั้นจึงต้องมีการอนุรักษ์และปลูกเพิ่มเติมอยู่เสมอ
สำหรับที่เกาะขามแห่งนี้
  เรียกว่ายังมีอยู่แต่ก็ไม่มากเหมือนเก่าแล้ว
แต่ที่เราชอบมากก็คือหอยคราง
  ซึ่งมีรูปร่างเหมือนหอยแครง แต่ตัวใหญ่มาก 
 น่าจะตัวละหลายกิโลนะ
เมื่อกลับจากดูปะการังแล้ว
ก็ถึงเวลาที่จะต้องพาเด็กๆ
  รวมทั้งคนแก่กลับบ้านได้แล้ว 
 เพราะต่างก็เหนื่อยกันพอควร
เรือได้พาพวกเราไปขึ้นเรือใหญ่
ที่จอดรออยู่ในทะเลน้ำลึกหน่อย
  ขากลับเราได้กลับพร้อมพวกเสื้อสีเขียว
เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นเด็กที่มีอัธยาสัยดีมาก
   ช่วยเหลือดูแลเด็กและคนแก่อย่างดี 
 น่าชื่นชม ขอบคุณนะจ๊ะเด็กๆ



















บทส่งท้ายก่อนขึ้นฝั่ง 
 การท่องเที่ยวชมปะการังที่เกาะขามนี้
 เราติดต่อเข้าชมที่กิจการท่องเที่ยว ทัพเรือภาคที่ 1
ราคาค่าเรือและค่าพาเที่ยวชมปะการัง
และพืชใต้ท้องทะเลนั้น

เรือจะเริ่มออกจากฝั่งเวลาประมาณ 09.00 น. 
 และจะกลับเข้าฝั่งเมื่อเวลา 15.00 น.
  ค่าท่องเที่ยวครั้งนี้
ผู้ใหญ่ท่านละ 250 บาท เด็กคนละ 150 บาท

ที่นี่ไปเที่ยวได้เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์
 และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้นนะจ๊ะ

ราคานี้ไม่แพงเลย 
 ทหารเรือเอาใจใส่ดูแลนักท่องเที่ยว
และเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับปะการังและพืชใต้ทะเล
ได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่เกาะขามนี้ไม่มีที่พักค้างคืน
   เพราะเขาจำเป็นต้องอนุรักษ์
หากมนุษย์เข้าไปพักแรม ก็จะต้องมีน้ำเสีย
มีขยะ และคนที่ไปเที่ยวต่างคนก็หลายแบบ 
 บางคนก็เที่ยวอย่างเดียว
โดยไม่มีจิตสำนึกถึงการอนุรักษ์
สนุกสนานกันจนเลยขอบเขต ไร้สติ 
 ไร้จิตสำนึก ซึ่งเราจะเห็นได้มากมายในโลกศิวิไลแห่งนี้
เราเห็นด้วยจริงๆ ที่แค่เปิดให้พวกคุณ
ได้มาเห็นธรรมชาติที่สวยสดงดงามก็เพียงพอแล้ว
  ธรรมชาตินี้จะได้อยู่กับเราไปนานเท่านาน
ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไร้สติเท่านั้น 
 นายทุนที่มองไปตรงไหนก็เห็นเป็นเงิน
ที่อยากกอบโกยทั้งนั้น
หรือจะเรียกอีกอย่างว่างกเงินจนขาดสติ 
 จนลืมตัวว่าตายก็เอาไปไม่ได้่ 
 คนก็จะแช่งชักประนามตาม่หลัง
คนพวกนี้ก็เป็นอีกจำพวกหนึ่ง 
 ซึ่งเป็นนักทำลายธรรมชาติตัวยงเชียวละ 
 และที่แน่ๆการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรคนพวกนี้เลย
หรือความเป็นผู้อนุรักษ์จะไม่มีอยู่ในคนพวกนี้เช่นกัน
  ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าแน่แค่ไหน 
 ก็แค่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างแรงคนหนึ่งเท่านั้น
พอได้เห็นสิ่งที่ควรจะอยู่กับประเทศไทย
และคนไทยไปนานเท่านาน ก็ทนไม่ได้
อยากจะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
เพื่อจะได้ไปอวดกับคนพวกเดียวกันว่า
ตนเองนี้เก่งและแน่ หรือไม่ก็กูนี่รวย ฮ่าๆๆๆ 
 ไร้สติและสามัญสำนึกจริงจริง
สู้เด็กๆๆนักอนุรักษ์ธรรมชาติพวกนี้ไม่ได้ 
 ถึงแม้อายุยังน้อย ผ่านโลกมาไม่มาก 
 ก็ยังรู้แล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร น่ารักจริงๆๆ เด็กๆ




















Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 1 ตุลาคม 2561 19:43:37 น.
Counter : 2023 Pageviews.

0 comment
(•‿•✿) ♦♦♦ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย ♦♦♦









ก่อนอื่นขอนำเสนอประวัติความเป็นมา
ของการอนุรักษ์ครั้งนี้ก่อน
  ซึ่งเราไม่ได้เป็นผู้เขียนเองหรอก
อ่านจากแผ่นพับของกองทัพเรือ 
 ถึงที่มาที่ไปจึงอยากจะนำมาบอกต่อ
แก่ทุกท่านให้ได้รู้ถึง
ความรักและความห่วงใย
ที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศไทย
ตลอดถึงคนไทยทุกๆคน
โดยเฉพาะเยาวชนไทย
ที่จะต้องเจริญเติบโตไปในภายหน้า
 ให้รู้จักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ของประเทศไทยที่มีอยู่แล้วให้คงอยู่
และเจริญยิ่งขึ้นไปอีก หากเราไม่ใช่ผู้สร้างสรร
   เราก็อย่าเป็นผู้ทำลาย เพราะ
เมื่อทรัพยากรทางธรรมชาติได้ถูกทำลายไปแล้ว
   การที่จะให้หวลคืนมาดังเดิมนั้นยาก
และต้องใช้เวลานานมากกว่าชีวิตเราอีก


ประวัติความเป็นมาที่กองทัพเรือ
ได้ประมวลไว้ในแผ่นพับแนะนำมีดังนี้....

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
  ได้ทรงมีพระราชกระแสแนะนำ
 แนวทางการสร้างความรู้ความเข้าใจ
และจิตสำนึกในเรื่องเกี่ยวกับ
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ให้แก่เยาวชนไว้หลายครั้งหลายครา
ครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2536 
 ได้มีพระราชกระแสว่า
 "การสอนให้เด็กมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์พืชพรรณนั้น
ควรใช้วิธีการปลูกฝังให้เด็กเห็นความงดงาม
  ความสนใจ และก่อให้เกิดความปิติ
ที่จะทำการศึกษาและอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป
การใช้วิธีการสอน การอบรมให้เกิดความรู้สึก
กลัวว่าหากไม่อนุรักษ์แล้ว จะเกิดผลเสีย
   เกิดอันตรายแก่ตนเอง
จะทำให้เด็กเกิดความเครียด 
 ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประเทศในระยะยาว "

ในโอกาสเดียวกันนี้
  ยังได้ทรงมีพระราชกระแสเพิ่มเติมด้วยว่า
" ตามเกาะต่างๆ มีพืชพรรณอยู่มาก
  แต่ยังไม่มีผู้สนใจเท่าไร
  จึงน่าจะมีการสำรวจพืชพรรณตามเกาะด้วย"

ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 
  ได้พระราชทานแนวทางปฏิบัติแก่กองทัพเรือ
  ในการดำเนินงานกิจกรรมสร้างจิตสำนึก
ของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ที่เกาะแสมสาร ว่า
ควรพิจารณาปฏิบัติตามรูปแบบ
ของอุทยานแห่งชาติเกาะปอร์เกอรอลส์
และเกาะปอร์โครส์ ที่ฝรั่งเศส
ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนมา
ในปี พ.ศ. 2538 และทรงมีความประทับใจ
ในวิธีการให้ความรู้ความเข้าใจ
ในด้านพันธุไม้และระบบนิเวศต่อเยาวชน
ในลักษณะที่เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต 
 อันก่อให้เกิดความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ









นอกจากนี้
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
  ยังได้ฝากงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลนี้
ไว้ต่อกองทัพเรือด้วย โดยมีพระราชกระแส
ต่อผู้บัญชาการกองทัพเรือ
เมื่อ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ว่า
"ให้กองทัพเรือทำงานนี้เพื่อความมั่นคงของประเทศ"

อันเนื่องมาจากพระราชกระแส
และพระราชดำริหลายครั้งหลายครานี้เอง
   กองทัพเรือจึงมุ่งหน้าดำเนินงาน
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ที่เกาะแสมสาร
  และในส่วนของกิจกรรม
สร้างจิตสำนึกแก่เยาวชน 
 กองทัพเรือได้พิจารณจัดตั้ง
 "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย"
ขึ้นบนฝั่งสัตหีบตรงข้ามเกาะแสมสาร 
  รวมทั้งจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์
  และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะแสมสาร
เพื่อเป็นสื่อในการสร้างความรู้ความเข้าใจ
 และจิตสำนึกแก่เยาวชนตามแนวทางพระราชดำริ









พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
  ตั้งอยู่ริมทะเล บริเวณเขาหมาจอ 
 ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ในจุดที่อยู่ตรงข้ามเกาะแสมสาร
  มีอาณาบริเวณประมาณ 16 ไร่ 
 สิ่งก่อสร้างมีลักษณะ
เป็นอาคารไต่ระดับเขา ถึงยอดเขา
เพื่อให้มองเห็นทัศนียภาพในมุมกว้างไกล 
 และความลึกของทะเล โดยมุ่งที่จะให้
ผู้ชมเห็นความงดงามของท้องทะเล
แล้วเกิดจินตนาการและความปิติ
ที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้
ตามแนวพระราชดำริ











ข้อมูลทั้งหมดที่ให้นี้มาจากกองทัพเรือ 
 ซึ่งเราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่เยาวชนไทยมาก
และน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งทางโรงเรียนต่างๆ
ควรนำไปพิจารณาเพื่อนำเยาวชนที่อยู่ในมือของท่าน
เข้าศึกษาและเยี่ยมชมกัน
และการติตต่อเพื่อเยี่ยมชมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
   ทางกองทัพเรือได้จัดสถานที่อำนวยความสะดวกไว้ให้แล้ว
และที่แน่ๆ ครั้งนี้ที่เราได้ไปเยือน
 เราประทับใจในอัธยาสัยไมตรีอันดีเยี่ยม
ของเหล่าทหารเรือทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่
ขอบอกว่า หากชีวิตท่าน
ยังไม่เคยสัมผัสคำว่า "สุภาพบุรุษ"
 ก็ควรไปสัมผัสกับทหารเรือไทยเราได้เลยนะ
ทั้งสุภาพ อ่อนน้อมและเอาใจใส่ผู้มาเยี่ยมเยียน
อย่างประทับใจทีเดียวละนะ
   เฮ้อ...นี่ถ้าไม่แก่
ก็คิดจะมีแฟนเป็นทหารเรือสักคนละนะ ฮิๆๆๆๆ
โอ้...มายก๊อด... ความหล่อท่านซ่อนไว้ข้างใน 
 ความประทับใจท่านมีให้เต็มเปี่ยม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ







กำหนดการของวันเวลาทำการของพิพิธภัณฑ์
วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 09.00 น. - 17.00 น.
  หยุดวันจันทร์
ค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์ 
 - นักเรียนไม่เกินชั้น ม.6 คนละ 20 บาท
- ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท
คณะที่ทำหนังสือมา
 - นักเรียนไม่เกินชั้น ม.6 คนละ 20 บาท
- ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท

ชาวต่างชาติ คนละ 200 บาท

บุคคลที่ไม่ต้องเสียค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์
นักบวช ทหารเรือในเครื่องแบบ 
 เด็กความสูงไม่เกิน 110 ซ.ม
และผู้ที่มาสักการะที่ศาล
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นการเฉพาะ

เบอร์โทรติดต่อ 038 - 432471 ,
  038 - 432475 FAX . 038 - 432473


ทั้งหมดนี้เราอยากบอกต่อให้กับทุกท่านได้รับรู้
  และเชิญชวนไปเที่ยวกัน ทั้งสวย ได้ความรู้
และประหยัดเงินด้วย และที่แน่ๆ ท่านจะได้รู้ว่า
  เมืองไทยเรามีธรรมชาติที่สวยงามมากยิ่งกว่าต่างประเทศ
ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสทะเลต่างประเทศหรอก
  ทะเลไทยเรานั้นงามจนสุดจะพรรณาเชียวละ







Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 1 ตุลาคม 2561 19:23:03 น.
Counter : 1306 Pageviews.

1 comment

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ