Group Blog
|
<<< " พรวันใหม่ ชีวิตใหม่ " >>>
ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงาม และได้รับประโยชน์สุขจากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นเพียงแค่ได้ตื่นมาพบวันใหม่ ก็เท่ากับว่าเราได้รับพรอันประเสริฐ ที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่เราไม่ควรรอให้ถึงปีใหม่เสียก่อน ขณะเดียวกันเมื่อปีใหม่ใกล้มาถึง เราก็ไม่ควรคาดหวังเพียงแค่ความสนุกสนานรื่นเริง หรือการได้เสพสิ่งใหม่ แต่ควรเป็นโอกาส สำหรับการมอบสิ่งใหม่ให้แก่จิตใจของตน เช่น ความสงบเย็น หรือ การให้คุณค่าใหม่ แก่สิ่งที่เรามีอยู่แล้ว รวมทั้งการเร่งทำความดี ที่เคยผัดวันประกันพรุ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่จะทำให้เรามีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง หาใช่การมีรถคันใหม่ บ้านหลังใหม่ หรือของขวัญใหม่ ๆ ไม่. <<< "พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน " >>>
แม้มีมากมายเพียงใด หากมัวนึกถึงแต่สิ่งที่ตนยังไม่มี หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สูญเสียไป ก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าได้มาเท่าไร ถ้าเห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ถึงจะได้โชคลาภ แต่ถ้าคิดว่าตนน่าจะได้มากกว่านั้น ใจก็พลันขุ่นมัว ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย แต่หากชื่นชมและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนมี ใจก็เป็นสุข แม้เจ็บป่วย แต่รู้จักมองแง่บวก ก็สามารถยิ้มได้ มีเหตุร้ายมากระทบ แต่ถ้ามีสติและปัญญา ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้ อีกทั้งไม่สามารถปกป้องมิให้อันตราย หรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับเราได้แม้แต่น้อย แต่เราสามารถปรับใจของเราให้เป็นสุขได้ แม้ทุกข์มากระทบ ชีวิตที่มืดมนและสิ้นหวัง สามารถกลายเป็นชีวิตที่สว่างไสวและเบิกบานได้ ไม่ใช่เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และความสำเร็จหลั่งไหลมา แต่เป็นเพราะจิตพลิกเปลี่ยนต่างหาก. <<< "อย่าผัดผ่อน " >>>
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือปัจจุบันขณะ ดังนั้นหากจะทำความดีก็ควรทำเสีย แต่วันนี้หรือเดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่เบื้องหน้าเรา ยิ่งเป็นคนที่สำคัญต่อชีวิตเราด้วยแล้ว อย่ามัวผัดผ่อนหรือรั้งรอ เพราะโอกาสที่เราจะทำดีกับเขานั้น แม้จะมีมากมายเพียงใดในอดีต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีมากมายในอนาคต พ้นจากวันนี้หรือเดี๋ยวนี้แล้ว โอกาสทองอาจหมดไปเลยก็ได้ ใครจะรู้"
พระไพศาล วิสาโล <<< "เป็นมิตรกับความเครียด" >>>
มันไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจเท่านั้น หากยังเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย มีการศึกษาพบว่าร้อยละ ๕๐-๗๕ ของความเจ็บป่วย ที่ผลักดันให้ผู้คนไปหาหมอนั้นสืบเนื่องจากความเครียด ใช่แต่เท่านั้นเมื่อพิจารณาจากสาเหตุการตายแล้ว กล่าวได้ว่าความเครียดเป็นภัย ที่ร้ายแรงกว่าเหล้าหรือบุหรี่เสียอีก ความเครียดหากอยู่ในระดับพอประมาณก็ส่งผลดีได้ เช่น กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เป็นที่รู้กันว่าหากเรียนแบบสบาย ๆ ไม่มีการบ้านยาก ๆ หรือฝึกทำสิ่งที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคย ( พูดง่าย ๆ คือ ถ้าไม่ออกจาก ไข่แดงเสียบ้าง) พัฒนาการในทางสติปัญญาหรือทักษะก็เกิดขึ้นได้ยาก ในทำนองเดียวกันความเครียดที่เกิดจากเส้นตาย หรือการแข่งขัน นอกจากไม่เป็นโทษแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการงานด้วย ทำให้ผู้คนเอาศักยภาพที่มีอยู่มาใช้อย่างเต็มที่ คนเราจะมีปฏิกิริยาสองอย่าง คือ ไม่สู้ก็หนี ในภาวะดังกล่าวหัวใจจะเต้นเร็ว เส้นเลือดจะหดตัว เลือดจะถูกสูบฉีดเลือดไปยังกล้ามเนื้อมากขึ้น ขณะที่สมองจะจดจ่ออยู่กับภาพรวม และมองข้ามรายละเอียด ในกรณีที่สถานการณ์ไม่เลวร้ายมาก และหากเรามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกัน แม้หัวใจยังคงเต้นเร็ว แต่สมองจะคมชัดขึ้น และมีฮอร์โมนบางอย่างหลั่งออกมา เพื่อช่วยในการฟื้นตัวและการเรียนรู้ โดยเส้นเลือดยังคงเปิดกว้าง (เช่น ทำข้อสอบ พูดในที่ชุมชน หรือเสนอแผนงาน) แต่เรามองว่ามันเป็นสิ่งเลวร้าย รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกกดดันบีบคั้น ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและงานที่กำลังทำอยู่ กับพนักงานธนาคารจำนวน ๔๐๐ คน ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกได้ดูวีดีโอที่ตอกย้ำ ถึงผลร้ายของความเครียด กลุ่มที่สองดูวีดีโอที่พูดถึงความเครียด ว่าสามารถเพิ่มพูนสมรรถนะของคนเราได้ ส่วนกลุ่มสุดท้ายไม่มีวีดีโอให้ดู หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผู้วิจัยพบว่า กลุ่มที่สองจดจ่อกับงานมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น และมีปัญหาสุขภาพน้อยลง ส่วนสองกลุ่มที่เหลือ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย นักวิจัยชาวอเมริกันได้ย้อนกลับไปดู ผลการสำรวจสุขภาพแห่งชาติเมื่อปี ๒๕๔๑ ซึ่งมีการสอบถามคน ๓๐,๐๐ คน เกี่ยวกับความเครียดที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา รวมทั้งถามความเห็นว่าเขาเหล่านั้นเชื่อว่า ความเครียดมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ เมื่อตามไปดูว่าคนเหล่านั้น มีใครบ้างที่เสียชีวิตไปแล้ว ผู้วิจัยพบว่าคนที่ระบุว่ามีความเครียดสูง และเชื่อว่ามันมีผลเสียต่อสุขภาพ มีโอกาสตายก่อนวัยอันควรมากกว่าถึงร้อยละ ๔๓ ส่วนคนที่มีความเครียดสูงแต่ไม่คิดว่ามันเป็นอันตราย มีโอกาสตายเร็วน้อยกว่าคนที่มีความเครียดต่ำด้วยซ้ำ ความเครียดจะส่งผลดีหรือเสีย อยู่ที่ทัศนคติของเราเป็นสำคัญ รู้กันมานานแล้วว่า ใจมีผลต่อกาย แต่ที่ผ่านมาเรามักให้ความสำคัญ กับภาวะอารมณ์ เช่น ดีใจหรือเสียใจ รักหรือโกรธ ผ่อนคลายหรือกังวล แต่ในความเป็นจริง แม้แต่ทัศนคติหรือมุมมองของเรา ก็ส่งผลต่อสุขภาพหรือความเป็นไปในร่างกายด้วย มหาวิทยาลัยเยลพบว่า คนอายุ ๔๐ ที่มีทัศนคติลบต่อวัยชรา (เช่น เห็นว่าคนแก่เป็นพวกเหม่อลอย เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ยาก) เมื่อผ่านไป ๒๕ ปี เนื้อสมองในส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัสของคนเหล่านี้จะฝ่อลงมากกว่า รวมทั้งมีลิ่มเลือดมากกว่า ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้ของโรคอัลไซเมอร์ สอดคล้องกับการวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า คนที่มีอคติต่อวัยชรา จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นใน ๔๐ ปีให้หลัง ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึก หรือมีทัศนคติต่อมันอย่างไร แม้สิ่งไม่ดีเกิดกับเรา แต่หากเรารู้สึกดีกับมัน หรือมองมันในแง่บวก มันก็อาจมีประโยชน์กับเราได้ หรืออย่างน้อยก็ก่อความเสียหายน้อยลง ผู้ป่วยหลายคนเมื่อรู้สึกดีกับมะเร็ง ก็สามารถอยู่กับมะเร็งได้อย่างมีความสุข แต่ถ้าหากรู้สึกลบกับมัน ก็จะทุกข์ทรมานและตายเร็ว แทนที่จะผลักไสมัน หรือตีโพยตีพาย ควรมองมันในแง่บวก หรือปรับใจให้เป็นมิตรกับมัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นมันจะเป็นคุณกับเรา และกลายเป็นมิตรกับเราในที่สุด.
พระไพศาล วิสาโล .........................
ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล <<< "หลักประกันแห่งความสุข" >>>
แต่เป็นสมบัติของทุกคน จริงอยู่เงินทอง สามารถบันดาลความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นได้ แต่ความสะดวกสบายหาใช่ความสุขไม่ คนจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่ว่าคนสมัยนี้มีชีวิตที่สะดวกสบาย และมั่งคั่งกว่าคนสมัยก่อนมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเครียด ความเจ็บป่วยทางจิต และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าด้วยเช่นกัน ว่าใจจะดีหรือมีความสุขเสมอไป ในทำนองเดียวกันแม้เจอสิ่งร้าย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าใจจะย่ำแย่หรือเป็นทุกข์ไปด้วย เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าใจเป็นอย่างไร หากใจมีสติ ปัญญา หรือวางใจถูก แม้เจอสิ่งร้าย ๆ ใจก็ยังเป็นปกติ หรือมีความสุขได้ หลายคนไม่เพียงก้าวข้ามความยากลำบาก และความสูญเสียพลัดพรากไปได้เท่านั้น หากยังเข้มแข็ง มั่นคง และฉลาดกว่าเดิม ในยามเจอเหตุร้ายแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะร่ำร้องเรียกหา หรืออธิษฐานขอให้เจอสิ่งดี ๆ ควรที่เราจะให้ความสำคัญกับการหมั่นฝึกใจให้ดี มีคุณภาพ เพราะนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกัน แห่งความสุขที่แท้จริง.
|
tangkay
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |