:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 15 ::
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 15 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
จิ้นเซียงกงเป็นอาลักษณ์ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ของราชสำนักมาตลอดชีวิต สืบทอดตำแหน่งหน้าที่ต่อจากพ่อของเขา จักรพรรดิองค์ก่อนเป็นผู้ตั้งตนอยู่ในทศพิธราชธรรม ได้รับการยกย่องเคารพบูชาจากอาณาประชาราษฎร์ แว่นแคว้นต่าง ๆ โดยรอบต้าซ่งต่างเข้าสวามิภักดิ์ด้วยสำนึกในพระบารมี ประชาชนทุกหมู่เหล่าอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข บัณฑิตนักปราชญ์ต่างมีโอกาสเข้ารับราชการแสดงความรู้ความสามารถกันอย่างเต็มที่ บ้านเมืองจึงรุ่งเรืองเกรียงไกรตลอดรัชสมัย
เค้าลางแห่งความวุ่นวายในแผ่นดินเริ่มปรากฏ เมื่ออาการประชวรขององค์จักรพรรดิเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แพทย์หลวงต่างถวายการรักษาอย่างเต็มที่ แต่มิอาจยื้ออายุขัยของพระองค์ได้
คลื่นใต้น้ำในมหาสมุทรแห่งการช่วงชิงอำนาจกระเพื่อมรุนแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อองค์รัชทายาทในฐานะราชบุตรคนโตถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่ใช่คนผู้เหมาะสมที่สุดในการครองแผ่นดิน แต่เป็นพระเชษฐาต่างมารดาอีกคนซึ่งดูเหมาะสมกว่า ความแตกแยกจากความเห็นต่าง ทำให้เหล่าขุนนางแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด จิ้นเซียงกงบันทึกเรื่องราวพระกรณียกิจต่าง ๆ บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่วันโดยละเอียด เขียนไปตามความเป็นจริงซึ่งได้รับข้อมูลมา นั่นกลับทำให้เขาประสบชะตากรรมอันโหดร้าย ถูกใส่ร้ายป้ายสีกล่าวโทษ จนถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต้องโทษคุมขังและถูกตัดขาทิ้งทั้งสองข้าง !!! โชคดีได้พบไป่จิงเหวิน หาไม่เขาคงต้องกลายเป็นนักโทษประหาร ถูกกุดศีรษะจบสิ้นชีวิตในอีกสามวันข้างหน้า
หลังเดินทางกลางป่าด้วยความยากลำบากราวสิบวัน ทั้งสองเดินลุมาถึงตำบลเยี่ยนจิ่งโถว ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจิ้นเซียงกง ตำบลนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่น้อย และไม่ใช่เมืองที่ผู้คนสนใจทำมาค้าขาย ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกผัก เก็บของป่าขาย ประทังชีวิตอย่างเรียบง่ายและยากจน มีผู้คนอยู่อาศัยไม่ถึง 20 ครัวเรือน
ไป่จิงเหวินแบกชายชราเดินทางมาจนถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งทรุดโทรมโย้เย้อย่างหนัก จิ้นเซียงกงเล่าให้ฟังว่านี่คือบ้านเกิดของเขา ปิดร้างมานานมาก นาน ๆ ครั้งจะมีเพื่อนบ้านช่วยเข้ามาดูแลให้บ้าง เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป ห้องหับยังดูเรียบร้อย ไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนสภาพด้านนอก ไป่จิงเหวินบอกกับจิ้นเซียงกงว่าจะออกมาไปหาอาหารมาให้ แต่จิ้นเซียงกงบอกว่าให้เดินไปสัก 200 ก้าว ทางซ้ายมือจะมีบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ให้ไป่จิงเหวินบอกกล่าวกับคนในบ้านว่าจิ้นเซียงกงกลับมาแล้ว คนในบ้านหลังนั้นคงจะอำนวยความสะดวกให้ได้เพราะเป็นญาติสนิทกัน
ไป่จิงเหวินเดินออกไปหาตามคำบอก พบหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน พอแจ้งรายละเอียดไป เด็กสาวรีบเดินเข้าไปในบ้าน และกลับมาพร้อมหญิงชราคนหนึ่งซึ่งแสดงท่าทีดีใจอย่างมากมาย
“พี่จิ้นกลับมาแล้วอย่างนั้นรึพ่อหนุ่ม เขาอยู่ที่ไหนล่ะ?” นางถาม
“ท่านลุงนอนรออยู่ที่บ้านขอรับ ท่านไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว เนื่องจากไร้ขาทั้งสองข้าง” เขาตอบนาง
“ไม่มีขา !!!” หญิงชราปิดปากทำท่าตกใจ
“ใช่แล้วขอรับ ท่านลุงถูกลงทัณฑ์ ข้าแบกท่านลุงหนีมาจากการกุมขัง ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ รบกวนท่านป้าเป็นผู้ไปสอบถามเอาความจากท่านลุงเองจะดีกว่า” ไป่จิงเหวินกล่าว
ทั้งสามคนรีบรุดเดินกลับมาหาจิ้นเซียงกงพร้อมน้ำดื่มและอาหาร เมื่อหญิงชราพบเจอจิ้นเซียงกงก็รีบโผเข้ากอดร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน หญิงสาวยืนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ สะทกสะท้อนใจในชะตากรรมอันโหดร้ายของชายชราผู้เป็นญาติ
เขาปล่อยให้ทั้งสามคนสนทนากันตามสะดวกใจ ส่วนตัวเองเดินเลี่ยงออกมาด้านนอก เพื่อพักผ่อนอิริยาบถ ในใจนึกชื่นชมทิวทัศน์ของหมู่บ้านแห่งนี้ว่ามีความสงบ สวยงามยิ่งนัก ทิวเขาเบื้องหน้าซับซ้อนซ่อนเป็นแนวเขาลดหลั่นต่ำสูง ต้นไม้ใหญ่จำนวนมากขึ้นเต็มพื้นที่ เมฆาเคลื่อนคล้อยไปมาช้า ๆ น่าดูชม ทำให้เขารู้สึกคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้ไม่น้อย
เมื่อเห็นทั้งสามคนในบ้านยังสนทนาว่าความกันไม่เสร็จ เขาจึงตัดสินใจเดินท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามเชิงเขา สองข้างทางเป็นป่าทึบ มีลำธารเลี้ยวลดคู่ขนานไปกับทางเดิน เสียงนกร้องดังก้องป่า ยิ่งฟังยิ่งเพลิน ไป่จิงเหวินเดินมาไกลเท่าใดมิทันรู้ตัว พ้นทางเดินช่วงป่าทึบ กลับพบผาน้ำตกสูงชันตระหง่านตั้งอยู่ตรงหน้า เขายืนมองจนคอตั้งบ่า ละอองน้ำพัดมาสร้างความเย็นชื่นใจจนตัวเปียกโชก
“เจ้าหนุ่ม !!!” เสียงตะโกนร้องซึ่งดังกว่าเสียงน้ำตกดังขึ้น เขาสะดุ้งด้วยความตกใจ
หันมองไปตามเสียงเรียก พบนักบวชชราคนหนึ่งนั่งตกปลาอยู่เพียงลำพังบนโขดหินขนาดใหญ่ ไป่จิงเหวินรีบสำรวมกาย เดินเข้าไปกราบคารวะนักบวชเฒ่าผู้มีคิ้วขาวยาวจนถึงข้างแก้มและเคราขาวยาวถึงกลางหน้าอก
“กราบคารวะท่านต้าซือ ข้าน้อยไป่จิงเหวินต้องกราบขออภัยหากรบกวนการตกปลาของท่านขอรับ”
นักบวชเฒ่าหัวเราะชอบอกชอบใจโดยไม่มีเหตุผล จ้องหน้าไป่จิงเหวินอย่างตั้งใจ
“คนหนุ่มอย่างเจ้าเดินทางมาหมู่บ้านแห่งนี้ทำไม ?” นักพรตเฒ่ากล่าวถาม
ไป่จิงเหวินไม่อยากโกหกผู้ปฏิบัติธรรม จึงเล่าความตามเป็นจริง
“ข้าหนีการจับกุมของทางการซ่งมาขอรับ”
นักบวชชราหัวเราะดังก้องป่า
“นั่นเป็นเรื่องของเจ้า ข้าหาได้อยากรู้เรื่องราวนั้นไม่ ที่ข้าถามว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม เพราะข้ารู้ล่วงหน้ามานานแล้ว ว่าวันหนึ่งเจ้าจะต้องเดินทางมาถึงที่นี่”
ไป่จิงเหวินประหลาดใจกับคำพูดของพระชรารูปนี้เป็นอย่างมาก
“ข้าไม่เข้าใจเลยท่านต้าซือ ว่าท่านจะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าข้าจะต้องเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้”
“มันเป็นชะตากรรมระหว่างข้ากับเจ้ายังไงล่ะ ?”
พูดจบคำ ท่านก็กระโดดลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยวิชาตัวเบาอันล้ำลึก ก่อนพุ่งตัวลงมาสกัดจุดไป่จิงเหวินอย่างรวดเร็วแม่นยำ ร่างของเขาชะงักนิ่งราวกับก้อนหิน ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้เลย
“ข้าคือกงเป่ยต้าซือ เจ้าอาวาสแห่งวัดสุ่ยตี้ ข้าเป็นเพื่อนรักกับไคหมิงต้าซืออาจารย์ของเจ้านั่นเอง น่าเสียดายยิ่งนักที่เขาจากไปแล้ว แต่เจ้ายังอยู่ และเจ้าคือภารกิจสุดท้ายซึ่งข้าต้องสืบสานปณิธานของเพื่อนรักให้สำเร็จ บัดนี้ลูกศิษย์เดินทางมาหาอาจารย์แล้ว ช่างน่ายินดียิ่งนัก ฮ่าๆๆๆๆ”
เมื่อกล่าวคำจบ กงเป่ยต้าซือแบกร่างไป่จิงเหวินกระโดดเหยียบหินทีละก้อน ๆ กระโจนทะยานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ชายชราแบกคนหนุ่มร่างสูงใหญ่ แถมยังกระโดดเหินหาวราวกับนกบินได้ นี่ย่อมเป็นภาพน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก !!!
.........................................
กงเป่ยต้าซือให้เด็กวัดเดินเท้าลงจากเขา เพื่อบอกกล่าวเล่าความให้จิ้นเซียงกงทราบว่า บัดนี้ไป่จิงเหวินจะพักอยู่บนวัดสุ่ยตี้สักระยะเพื่อฝึกฝนเพลงยุทธ์ ช้านานเพียงใดมิอาจตอบได้ หากสำเร็จวิชาจะลงเขามาพบกันอีกครั้ง ระหว่างนี้ขอให้ต่างคนต่างอยู่ เพื่อทุ่มเทสมาธิในการฝึกฝนตน จิ้นเซียงกงเมื่อทราบความก็คลายกังวล ส่วนไป่จิงเหวินจะประสบพบชะตากรรมแบบใดต่อไป ย่อมมิอาจมีใครคาดเดาได้ !ความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8
ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12
ตอนที่ 13 ตอนที่ 14
Create Date : 28 สิงหาคม 2562 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 23:17:26 น. |
|
24 comments
|
Counter : 2855 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณkae+aoe, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณอุ้มสี, คุณThe Kop Civil, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณตะลีกีปัส, คุณJinnyTent, คุณtuk-tuk@korat, คุณเนินน้ำ, คุณmcayenne94, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณTui Laksi, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse |
โดย: kae+aoe วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:8:01:14 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:8:08:38 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:8:25:06 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:8:42:35 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:9:43:48 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:9:45:33 น. |
|
|
|
โดย: sunny-low วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:10:20:50 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:12:46:16 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:14:00:09 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:16:35:20 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:16:46:46 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:19:35:29 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:19:54:42 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:22:45:34 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:22:53:08 น. |
|
|
|
โดย: toor36 วันที่: 28 สิงหาคม 2562 เวลา:23:56:58 น. |
|
|
|
| |
นึกถึงรูปปั้น คนจีนใส่หมวกงอบนั่งตกปลาบนสะพานปูนเลยค่ะคุณก๋า
ที่เขาเอาไว้แต่งสวน แล้วเขาไม่ปั้นอริยาบทอื่นเลยนะคะ
เช่นเผาข้าวหลาม คริคริ