:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 13 ::
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 13 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทั้งลม ทั้งฝน และหิมะที่ตกหนักลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ไป่จิงเหวินเดินทางมาถึงเมืองหลวงล่าช้าไปจากที่คาดการณ์ไว้มาก เขาเริ่มตงิดใจตั้งแต่ผ่านประตูเมืองเข้ามาแล้ว นายด่านทั้งสองลอบมองตัวเขาไม่วางตา แม้จะรู้สึกตัวแต่เขาหาได้ใส่ใจไม่ ยังคงเดินเข้าไปในย่านการค้า เพื่อหาอะไรดื่มกินรองท้องบ้าง
ด้านหน้ากำแพงร้านค้าแห่งหนึ่ง เขาเหลือบเห็นประกาศจับของทางการแปะไว้ รูปวาดหน้าตาคนร้ายดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่พออ่านชื่อก็ทำให้รู้สึกตกใจ เพราะมันคือชื่อของเขานั่นเอง !!!
ไป่จิงเหวินดึงแผ่นประกาศออกมาอ่านอย่างตั้งใจ
“ประกาศจับเป็นหรือจับตาย นักโทษกบฏร้ายแรงของแผ่นดินไป่จิงเหวิน ผู้ใดพบเห็นหรือคร่ากุมตัวมาส่งทางการได้ จะได้รับรางวัลนำจับมูลค่ามหาศาล”
“ตัวข้านี่นะเป็นกบฏ” ไป่จิงเหวินสับสนไปหมดแล้ว แต่เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเขาไปก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง เนื่องจากตอนนี้เขาได้สูญเสียความทรงจำไปเกือบทั้งหมดขณะบรรลุวรยุทธ์ขั้นสูงสุดภายในถ้ำที่เทือกเขาคุนลุ้น
ก่อนความคิดจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มหน้าตาคมสันผู้หนึ่งดึงรั้งแขนเสื้อไป่จิงเหวินเบา ๆ เมื่อหันไปมอง ชายหนุ่มคนนี้รีบกระซิบกระซาบกับเขา
“ท่านพี่จิงเหวิน รีบตามข้ามาเถิด อย่าได้กล่าววาจาใดอีก”
เขาสังเกตว่าเริ่มมีชาวบ้านเดินผ่านไปผ่านมา หันมาจับจ้องมองตัวเขาและแสดงท่าทางสงสัยพูดคุยซุบซิบตลอดเวลา ไป่จิงเหวินรีบเดินตามชายหนุ่มคนนี้ไปทันที เดินตัดทะลุซอกซอยวนไปเวียนมาจนลุมาถึงศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน
“ไฉนเจ้าจึงทราบชื่อของข้า” ไป่จิงเหวินรู้สึกสงสัย
ชายหนุ่มเบื้องหน้าทำหน้าตาประหลาดใจ
“พี่จิงเหวินจำข้าไม่ได้จริง ๆ หรือ ข้าคือเว่ยเหยียนลูกน้องเก่าของท่านยังไงล่ะ”
“ลูกน้อง --- ข้าเคยมีลูกน้องกับเขาด้วยหรือ ?” ไป่จิงเหวินยังคงงุนงงกับอดีตของตน
“ดูท่าทางเหมือนพี่จิงเหวินจะจำความอะไรไม่ได้เลย ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองคือใคร ?” เว่ยเหยียนเอ่ยถาม
“ข้าฝึกเพลงยุทธ์จนเกิดความจำเลอะเลือนชั่วขณะ บัดนี้ข้าจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับตัวเอง เว้นเพียงไม่กี่เรื่องซึ่งข้ายังพอจดจำได้บ้าง แต่มันต้องเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ข้าบรรลุเพลงยุทธ์แล้วเท่านั้น”
ไป่เจิงเหวินเล่าตามความจริงที่ปรากฏ เว่ยเหยียนเผยรอยยิ้มประหลาด ยากจะคาดเดาความในใจ
“เป็นเรื่องประหลาดมาก ที่พี่จิงเหวินไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ของแผ่นดิน ท่านฝ่าฝืนราชโองการ ตัดสินใจพลการรบทัพจับศึกกับอาณาจักรจิน ทั้ง ๆ ที่สองอาณาจักรตกลงหย่าศึกสงครามกันชั่วคราว มิหนำซ้ำท่านยังพ่ายศึกที่ผาดับพยัคฆ์จนทหารทุกนายตายสิ้น ทางการต้องการนำตัวท่านเข้ารับโทษประหาร ถึงขนาดมีป้ายประกาศจับติดเต็มไปหมด”
ไป่จิงเหวินยิ่งฟังยิ่งสับสน นี่เขาก่อเรื่องไว้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ด้วยความสำนึกรับผิดชอบ เขาจึงกล่าวกับเว่ยเหยียนว่า
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้าเห็นจะต้องเข้ามอบตัวกับทางการเพื่อรับโทษ ทั้ง ๆ ที่ข้าเองตั้งใจว่าจะอาสาช่วยเหลือบ้านเมืองในการเข้าร่วมรบต่อต้านทัพจินแท้ ๆ ”
“ค่าหัวของท่านพี่ในตอนนี้มีมูลค่ามหาศาล ใครเห็นคงอยากจับท่านไปส่งทางการ เพื่อรับรางวัลนำจับเป็นแม่นมั่น ข้าคิดว่าท่านพี่ควรซ่อนตัวอยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้สักพัก แล้วค่อยคิดอ่านหาทางแก้ไขสถานการณ์ต่อไปจะดีกว่า”
เว่ยเหยียนแสดงความคิดเห็น ไป่จิงเหวินรับฟังอย่างเห็นด้วย
“ท่านพี่พักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาข้าวหาน้ำมาให้ท่านดื่มกิน โปรดรอสักครู่”
“ขอบคุณเจ้ามากน้องเว่ยเหยียน รบกวนเจ้าแล้ว” ไป่จิงเหวินกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจ
เว่ยเหยียนหายออกไปราวหนึ่งชั่วก้านธูปหมด กลับมาพร้อมน้ำและอาหารสองสามอย่าง ไป่จิงเหวินรับมาดื่มกินด้วยความหิว แต่แล้วเกิดวิงเวียนศีรษะยิ่งนัก จนมิอาจนั่งทรงตัวได้ เขามองอาหารในมือ สายตาที่มองเว่ยเหยียนเริ่มพร่ามัว ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนมิอาจขยับตัว
“เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่ หรืออาหารนี้จะมียาพิษ !”
เว่ยเหยียนแสยะยิ้ม
“สะใจข้ายิ่งนัก ตอนแรกข้ากลัวว่าเจ้าจะจำข้าได้ แต่เจ้าจำข้าไม่ได้จริง ๆ ด้วย ข้าเว่ยเหยียนถูกเจ้าทุบตีทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม เพียงเพราะข้าเสาะหาดอกไม้ที่เจ้าต้องการนำไปมอบให้องค์หญิงชุนเหลียนไม่ได้ ข้าบาดเจ็บปางตายแถมถูกเจ้าขับไล่ออกจากกองทัพ ด้วยสาเหตุโง่เง่า วันนี้ข้าจะจับตัวเจ้าส่งทางการแล้วรับมอบเงินรางวัลนำจับ ฮ่าๆๆๆๆ --- ข้าจะแก้แค้นเจ้าให้สมกับที่เจ้าทำลายชีวิตข้า”
พูดจบเว่ยเหยียนคว้าท่อนไม้ซึ่งวางอยู่ข้าง ๆ ตัว ฟาดเข้าไปเต็มแรงที่ศีรษะของไป่เจิงเหวิน สติของเขาดับวูบไปในทันที !!!
..........................................
ท้องฟ้าแดงฉานราวกับถูกราดรดด้วยเลือด ไป่จิงเหวินเปลือยกายเคว้งคว้างลอยอยู่กลางหาว เบื้องหน้าคือมังกรท่าทางดุร้ายผิวดำขลับเป็นมะเมื่อม แววตาดุดันสีแดงกล่ำจ้องมองไป่จิงเหวินอย่างอาฆาตมาดร้าย มันจู่โจมด้วยกงเล็บแหลมคมขนาดใหญ่ ไป่จิงเหวินกระโดดตีลังกาหลบ ใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้ามังกรเต็มแรง แต่มันหาได้เจ็บปวดไม่ กงเล็บซ้ายจิกเข้าไปที่ร่างของเขา ออกแรงบีบเต็มแรง ร่างของไป่จิงเหวินขาดกระเด็นออกจากกันทันที !!!
แล้วเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นสุดตัว เหงื่อไหลโทรมกาย ใจเต้นตึกตัก ปวดร้าวไปทั้งศีรษะ ทั้งมึนงง ทั้งสับสน แต่เมื่อค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งทรงตัวได้ ความจำที่เคยหายไปทั้งหมดของเขาก็คืนกลับมา !
“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้”
เขาพยายามทบทวนความจำ แล้วชื่อของเว่ยเหยียนก็ปรากฏขึ้นในวาบความคิด ไป่จิงเหวินสะบัดหน้าไปมาสองสามครั้ง ความมึนงงค่อยทุเลาลงไปจนเกือบหมด ร่างกายมิได้บุบสลายอันใด แต่มีโซ่ตรวนตรึงขาและแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้
“เจ้าหนุ่ม...เจ้าตื่นฟื้นแล้วรึ ?” เสียงชายชราจากห้องขังด้านข้างดังขึ้นทำลายความเงียบ
“ใช่ครับ...มิทราบท่านลุงเป็นใครหรือขอรับ ?” ไป่จิงเหวินสอบถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ข้าเป็นใครหาได้สำคัญไม่ แต่เจ้าซึ่งเคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของต้าซ่ง กลับต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดยิ่งนัก”
ชายชราผมขาวโพลนนั่งขัดสมาธิหลังพิงผนังห้อง เมื่อไป่จิงเหวินลอบสังเกต จึงพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาด้วนกุดจนถึงโคนขา !
ชายชราบอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้น
“เจ้าถูกจับกุมส่งตัวมาที่นี่ในสภาพสิ้นสติ นอนสลบนานสามวันสามคืน พวกผู้คุมพูดคุยเรื่องราวของเจ้าอย่างสนุกปาก ข้าเลยพลอยได้รับรู้เรื่องราวไปด้วย”
“ใจจริง ข้าเองมีความต้องการมอบตัวต่อทางการอยู่แล้ว เพียงเผลอไว้ใจอดีตลูกน้องเก่า จึงพลาดท่าเสียที ถูกวางยาสลบและถูกทำร้ายจนหมดสติ”
ไป่จิงเหวินเล่าเรื่องราวโดยมิได้มีความคิดแค้นเคืองเว่ยเหยียนแต่อย่างใด
“ลองหันไปมองดูด้านซ้ายมือของเจ้าสิ ในกรงนั้นมีคู่กรณีที่เจ้าอาจคาดไม่ถึงอยู่ด้วย”
ชายชราบุ้ยบ้ายให้ไป่จิงเหวินหันไปมองดู และเขาจำได้ทันทีว่าสองคนให้ห้องขัง นั่นคือ นายอำเภอหนานฉวนและแม่ทัพซึ่งเขาปราบปรามลงโทษจนพิการทั้งคู่ !
เสียงของชายชราดังขึ้นทำลายความเงียบ
“ทั้งสองคนนั่นมิอาจเจรจาพาทีกับเจ้าได้อีกแล้ว มันโดนตัดลิ้น ตอกเล็บ บีบขมับ ทนรับการทรมานไม่ไหวจนกลายเป็นคนเสียสติไปแล้วทั้งคู่ วันพรุ่งนี้จะถูกนำตัวไปประหารตัดหัวเสียบประจานที่ลานประตูเมืองด้านทิศตะวันตก”
ไป่จิงเหวินมองตามด้วยความเศร้าใจ แม้ทั้งสองเป็นคนชั่ว แต่การถูกลงโทษอย่างรุนแรงก็ทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจ แวบหนึ่งอดคิดถึงชะตากรรมตัวเองไม่ได้ เขาอาจต้องถูกทรมานอย่างโหดร้ายจากการสอบสวนด้วยเช่นกัน
“ระบบการสอบสวนและความยุติธรรมในบ้านนี้เมืองนี้ ช่างเหี้ยมโหดป่าเถื่อนเหลือเกิน ข้าถูกตัดขาทั้งสองข้าง เพียงเพราะจดบันทึกประวัติศาสตร์ตามความเป็นจริง อาลักษณ์อย่างข้า มิอาจบิดเบือนประวัติศาสตร์ด้วยการจารึกคำโกหกไว้ให้ลูกหลานจดจำ แต่เมื่อเขียนความจริงลงไป กลับกลายเป็นโทษทัณฑ์อำมหิต อีกสามวันข้าเองจะถูกบั่นหัวให้ต้องตายตกไปตามเจ้าสองคนนั่น ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดนะพ่อหนุ่ม แม้ว่ามันเป็นไปได้ยากก็ตาม”
ชายชรากล่าวขึ้นด้วยความสะเทือนใจจนอดร่ำไห้มิได้ ไป่จิงเหวินนั่งเงียบไป ใช้เวลาครุ่นคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาไม่กลัวการทรมาน เพราะอย่างไรเสีย ยันต์เกราะเพชรและกำลังภายในลึกล้ำในตัว ย่อมป้องกันมิให้เกิดอันตรายได้แน่ โซ่ตรวนที่ตรึงแขนขา ออกแรงสะบัดเพียงนิด ย่อมขาดสะบั้นได้โดยง่าย หาได้คณามือไม่ แต่หากทำเช่นนั้นเขาต้องกลายเป็นนักโทษหนีการจับกุมไปตลอดชีวิต สิ่งที่สำคัญกว่านั้น หลังความทรงจำหวนคืนกลับมา คนแรกที่เขานึกถึงกลับเป็นองค์หญิงชุนเหลียน นางในดวงใจของเขานั่นเอง ป่านนี้นางจะเป็นไฉนหนอ ? ครั้นรับทราบข่าวว่าต้องไปอภิเษกสมรสกับเตมูบูจิน นางจะรู้สึกอย่างไร ? อีกทั้งความแค้นซึ่งยังมิได้ชำระความเรื่องการตายของพ่อแม่นั่นอีก ไหนจะต้องทดแทนบุญคุณของไคหมิงต้าซือและพี่น้องร่วมวัด ซึ่งยอมเสียสละชีวิตปกป้องเขาไว้ เพื่อให้มีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้ปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของพวกจิน บุญคุณความแค้นสุมรุมพัวพันกันเต็มไปหมดคล้ายกลุ่มด้ายสับสนพันกันวุ่นวาย จนเขาไม่รู้จะเริ่มต้นคิดจากเรื่องใดก่อนดี
“ไป่จิงเหวิน” เสียงของชายชราดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง
“วาระสุดท้ายในชีวิตของข้ากำลังเดินทางมาถึง ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกเจ้า”
ไป่จิงเหวินรู้สึกสนใจสิ่งที่ชายชรากำลังบอกเล่ายิ่งนัก
“เรื่องอันใดหรือท่านลุง ?”
“หลายปีก่อน ตระกูลเจ้าถูกฆ่าล้างโคตร ข้ามิรู้ว่าเจ้ารอดมาได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เจ้าสมควรตายตกไปพร้อมกับพ่อแม่และทุกคนในบ้านสกุลไป่ เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับมานานเพราะมันโยงใยกับบุคคลสำคัญเหลือเกิน”
ชายชราถอนใจหยุดเล่าเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้
“ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความคิดต่ำช้านี้หรือขอรับท่านลุง” ไป่จิงเหวินคาดเค้นคำตอบ
“องค์จักรพรรดิ” ชายชราตอบกลับมาด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ
“องค์จักรพรรดิ !!!” ไป่จิงเหวินแทบไม่อยากเชื่อในคำตอบ
“ใช่...องค์จักรพรรดินี่แหละเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารโหดคนในครอบครัวของเจ้า ข้าได้อยู่ในห้องประชุมในวันนั้นด้วย ขณะนั้นพระองค์ยังเป็นรัชทายาทผู้รอสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ด้วยความที่พระองค์เป็นคนดุร้าย เอาแต่ใจ มัวเมาในอิสตรีและหลงใหลในการดื่มน้ำจัณฑ์ ทำให้ข้าราชบริพารหลายคนทูลคัดค้านจักรพรรดิองค์ก่อนเรื่องการส่งมอบอำนาจ ขุนนางตงฉินซื่อตรงทั้งหมด 12 คนล้วนเสนอชื่อพระเชษฐาอีกองค์ให้ขึ้นครองราชย์แทน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ขุนนางทั้ง 12 คนต่างถูกกำจัดไปทีละคน จนเสียชีวิตทั้งโคตรเหง้า ไม่มีผู้ใดรอดพ้นคำสั่งปลิดชีวิตในครั้งนี้ได้เลย พ่อของเจ้าไป่อวี้จิงเป็นคนดีที่น่ายกย่องเหลือเกิน เราสองคนต่างคบหาเป็นสหายกันมาอย่างยาวนาน แรกที่ข้ารู้ความลับนี้ได้กล่าวเตือนไป่อวี้จิงแล้วว่าให้รามือเพื่อรักษาชีวิต แต่พ่อของเจ้ากลับบอกกับข้าอย่างกล้าหาญว่า แม้ต้องเสียชีวิต ก็มิอาจเสียสัจจะวาจาได้ เขาจึงกล้าทูลความจริงทั้งหมดกับจักรพรรดิองค์ก่อน เรื่องพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน น่าเสียดายเหลือเกินคนแวดล้อมในวังเกือบทั้งหมดเป็นพวกกังฉิน เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญเงินทอง เป็นขุนนางซึ่งคิดแต่เรื่องเสพสุขซ่องสุมกำลังทหาร เพื่อใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชนโดยไม่สนใจถูกผิด ราชสำนักจึงเสื่อมโทรมลงไปอย่างรวดเร็ว ข้าราชการที่ดีไม่อาจทนเห็นบ้านเมืองตกต่ำ พากันทยอยลาออกจากราชการหรือไม่ก็ขอย้ายตนเองไปอยู่ยังเมืองอันห่างไกล เพราะไม่อยากมีปัญหากับเหล่ากังฉินซึ่งครองเมืองเรืองอำนาจอยู่ในขณะนี้”
ชายชราเล่าเรื่องราวหนหลังอย่างพรั่งพรู
ไป่จิงเหวินแอบสงสัยอยู่ในใจ ในเมื่อจักรพรรดิเป็นผู้สั่งฆ่าล้างโคตรตระกูลของเขา แล้วเหตุไฉนจึงไว้วางใจแต่งตั้งเขาให้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ของราชวงศ์ซ่ง ชายชราจึงเฉลยความจริงให้ทราบ
“ต้าหยวนเฟยพ่อบุญธรรมของเจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ต้าซ่ง เขารักเจ้ามากจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่จนเจ้าก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน ในเวลานั้นองค์เหนือหัวหาได้สนใจเรื่องราวของเจ้าไม่ เนื่องจากพระองค์ทรงลืมไปแล้วว่าได้กระทำอะไรกับใครไว้บ้าง หญิงงามและน้ำจัณฑ์เป็นเพียงสองสิ่งซึ่งพระองค์หลงใหล ขันทีและขุนนางโฉดต่างร่วมมือกันทอนอำนาจของพระองค์ทำหน้าที่ประหนึ่งพระเนตรพระกรรณ ออกคำสั่ง และแต่งตั้งบุคคลต่าง ๆ แทนองค์เหนือหัว เจ้าจึงรอดพ้นหายนะมาได้เรื่อย ๆ ยังไงเล่า”
ชายชราถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อเล่าจบ ก่อนจะพูดอะไรต่อไป เสียงไขกุญแจประตูคุกก็ดังขึ้น ทั้งสองระงับการพูดคุยในทันทีความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8
ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12
Create Date : 26 สิงหาคม 2562 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2562 6:13:06 น. |
|
23 comments
|
Counter : 2854 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณmultiple, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณJinnyTent, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณตะลีกีปัส, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณmcayenne94, คุณInsignia_Museum, คุณALDI, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณTui Laksi, คุณธนูคือลุงแอ็ด |
โดย: หอมกร วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:7:07:02 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:8:13:03 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:9:35:45 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:10:29:01 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:12:41:04 น. |
|
|
|
โดย: sunny-low วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:13:41:36 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:13:45:26 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:14:42:28 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:14:49:11 น. |
|
|
|
โดย: ALDI วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:16:21:41 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:22:21:57 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:23:26:02 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว IP: 184.22.165.49 วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:23:39:30 น. |
|
|
|
| |