:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 6 ::
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 6 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
10 ปีที่แล้วหลังจากหลบหนีความผิดซึ่งตนก่อไว้ในวัด ไป่จิงเหวินเตลิดไปไกลด้วยกลัวความผิด แต่เขาหารู้ไม่ว่าทุกคนบนวัดมิได้แค้นเคืองอันใดเลยต่อความชั่วที่ไป่จิงเหวินก่อขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าพื้นนิสัยของเขาหาใช่คนชั่วร้ายเลวทรามโดยสันดานไม่ แต่เป็นเพราะจิตถูกครอบงำด้วยอวิชชาในชั่วขณะ จึงพลั้งมือกระทำสิ่งชั่วช้าต่ำทรามเช่นนี้ขึ้น
ในวัย 17 ปี นับได้ว่าเขาเป็นคนหนุ่มผู้เก่งกล้าสามารถ มีวิชายุทธ์ฉกาจฉกรรจ์ไม่น้อย เพลงมวยของไคหมิงต้าซือมีความพิเศษ ซ่อนเร้นไว้ทั้งหนักเบาแข็งอ่อน เป็นได้ทั้งมวยรุกมวยรับ มีความแปลกพิสดารไม่เหมือนวิชาหมัดมวยของสำนักใด
ไป่จิงเหวินใช้เวลาสร้างชื่อในยุทธภพเพียงไม่นาน เขาตระเวนท้าประลองกับยอดนักสู้สำนักต่าง ๆ ยิ่งสู้ยิ่งเก่ง ยิ่งเก่งยิ่งแกร่ง สุดท้ายชื่อเสียงของความเป็นนักสู้ก็เลื่องลือไปถึงหูของแม่ทัพคนหนึ่ง ต้าหยวนเฟยเป็นแม่ทัพของกองพลม้าขาวทะลวงโลกันต์ มีทหารในสังกัดกว่า 5 พันนาย ทุกนายเป็นสุดยอดขุนพลนักรบ กล้าไม่กลัวตาย หากไม่มีคำสั่งถอย อย่าหมายว่าจะมีใครถอยหลังแม้เพียงก้าวเดียว ทุกคนพร้อมยืนหยัดต่อสู้จนตัวตาย จนกลายเป็นหนึ่งในกองพลที่มีชื่อเสียงครั่นคร้ามอย่างยิ่งกับเหล่าอริราชศัตรู
ต้าหยวนเฟยไร้บุตรธิดา ได้พบหน้าค่าตาไป่จิงเหวินเพียงครั้งแรกก็ถูกชะตายิ่งนัก ด้วยรักในฝีมือเชิงยุทธ์ เห็นแววแกว่นกล้าผิดกับนักสู้ทั่วไป จึงรับไป่จิงเหวินเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเต็มใจ พร้อมสนับสนุนให้ก้าวหน้าในเส้นทางนักรบ
เมื่อเสือติดปีก มันจึงบินโจนทะยานอย่างคึกคะนอง ไป่จิงเหวินใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นยอดขุนพล นำทัพกองพลม้าขาวทะลวงโลกันต์ เข้าต้านตีกับพวกจินตามแนวตะเข็บชายแดนอยู่หลายครั้งหลายครา
ต้าหยวนเฟยในวัยชราวางใจในฝีมือบุตรชายยิ่งนัก เขาถ่ายทอดเพลงยุทธ์ กลศึก พิชัยสงคราม ให้กับไป่จิงเหวินโดยไม่อำพรางซ่อนเร้น ยิ่งรบ ยิ่งชนะศึก ยิ่งคึกคักมั่นใจในตนเอง
ไป่จิงเหวินในยามนั้น คือ หนุ่มรูปงาม ผู้มากฝีมือ ชื่อเสียงระบือลือไกลทั่วทั้งแผ่นดิน หญิงงามชะม้อยชม้ายสายตา หวังให้เขาเหลือบแลปฏิพัทธ์รักใคร่ แต่ไป่จิงเหวินหาได้ชายตาแลสาวงามคนใดไม่ ค่าที่หัวใจของเขานั้น ได้มอบกายถวายชีวิตไว้ให้กับหญิงงามคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วบางทีคล้ายเป็นการอาจเอื้อมมากเกินไป !!!
.......................................................
องค์หญิงชุนเหลียนเป็นธิดาองค์สุดท้องของสนมองค์ที่เจ็ด ด้วยวัยเพียง 16 ปี ต้องถือว่าเป็นดรุณีซึ่งงามเกินวัย ร่างกายสมส่วนยวนยั่ว ความคิดความอ่านราวบัณฑิตผู้ทรงความรู้ แถมสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างไปจากหญิงงามคนอื่นในวัง คือองค์หญิงน้อยกลับสนใจฝึกฝนวรยุทธ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าชายชาญเท่านั้นจะให้ความสนใจ องค์หญิงร้องขอให้ขันทีคนสนิทช่วยหาครูฝึก และคนที่ขันทีเลือกเฟ้นได้นั้น คือ ไป่จิงเหวินนั่นเอง
ในยามนั้นไป่จิงเหวินอายุได้ 27 ปีเต็ม หนุ่มแน่นหล่อเหลา และได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แทนบิดาซึ่งล่วงลับไปแล้ว ทั้งในวังและนอกวังต่างพูดถึงเขาในแง่ยกย่องชื่นชม เป็นขุนพลหนุ่มอนาคตไกล บัดนี้ดูแลทหารกล้าถึง 1 หมื่นนาย นับเป็นแม่ทัพหนุ่มซึ่งยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดคนหนึ่งในต้าซ่งเลยทีเดียว
เมื่อหญิงกล้ากับชายแกร่งได้ประสบพบกันเพียงครั้งเดียว ใจก็หน่วงเหนี่ยวสัมพันธ์มั่นหมาย ไป่จิงเหวินอาจผ่านสาวงามมาไม่น้อย แต่ไม่มีใครตรึงจิตตรึงใจเขาได้เหมือนองค์หญิงน้อยคนนี้ เธอทั้งฉลาด กล้าหาญ เปี่ยมปัญญา มากความสามารถทั้งเชิงบู๊และบุ๋น การได้อยู่ใกล้ชิดองค์หญิงทำให้วันคืนอันแสนโหดร้ายในชีวิตของเขาสว่างไสวยิ่งนัก ความแค้นในใจเรื่องความตายของพ่อแม่และคนในตระกูลถูกเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำชั่วคราว หลายปีที่เขาพยายามสืบค้นสืบหาผู้กระทำการอุกอาจเข่นฆ่าครอบครัวของตนจนหมดสิ้น แต่ไม่สามารถหาร่องรอยความคืบหน้าใดใดได้ รวมทั้งไม่เคยพูดถึงเรื่องราวชั่วร้ายเลวทรามซึ่งได้พลั้งมือกระทำในอารามหมื่นลี้ให้ใครฟัง ทั้งหมดถูกกลบฝังเป็นความลับดำมืดในใจ
สองวันในหนึ่งสัปดาห์ ไป่จิงเหวินจะเข้าไปสอนเพลงยุทธ์ให้กับองค์หญิงชุนเหลียนที่ตำหนัก เวลาผ่านไปราวครึ่งปี นอกจากเพลงยุทธ์ขององค์หญิงจะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ความรักก่อตัวขึ้นในใจชายหญิงก็งอกงามไม่แพ้กัน ความใกล้ชิด ความผูกพัน กลายเป็นเชือกรัด มัด ตรึงไป่จิงเหวินจนดิ้นไม่หลุด เขาอาจเก่งกล้าที่สุดกลางสนามรบ แต่กลางสนามรัก เขากลายเป็นชายผู้อ่อนแอโอนเอนไปตามอารมณ์ความรู้สึกอันแสนอ่อนไหว ใจหนึ่งอยากรักสมัครสมาน อีกใจก็รู้ดีว่าชาติตระกูลของตนเองนั้นต้อยต่ำ ไร้ทรัพย์ ไร้ที่ดิน ไร้อำนาจราชศักดิ์ที่จะมาสู่ขอเชื้อพระวงศ์ องค์หญิงน้อยเองมิใช่ไม่รักไป่จิงเหวิน หากแต่นางเป็นเพียงลูกสาว ซึ่งมิอาจตัดสินใจอะไรได้เลยในการเลือกคู่ครอง ทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับคำสั่งของท่านพ่อท่านแม่แต่เพียงผู้เดียว
แม้ทั้งคู่มิเคยเผยคำรักต่อกัน แต่รักนั้นเร้นกายอยู่ในทุกห้วงลมหายใจ ในทุกการกระทำ ทุกแววตาซึ่งมองจ้องกัน
ยอดนักรบมิเกรงกลัวความตาย แต่ใยจะแดดิ้นสิ้นชีพเพราะสิ้นรัก !
...................................................
แล้วสิ่งที่ไป่จิงเหวินกังวลก็เกิดขึ้นจริง คำสั่งตรงจากราชโองการ สั่งให้กองพลม้าขาวทะลวงโลกันต์ รุดขึ้นเหนือเพื่อรับศึกกับพวกจินซึ่งกำลังแผ่อิทธิพลอย่างหนุนเนื่อง ตีหักด่านสำคัญเข้ามาทำลาย 8 หมู่บ้านของต้าซ่ง และสถานการณ์ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกครั้งไป่จิงเหวินไม่เคยกลัวการรบพุ่งในสมรภูมิใด ชัยชนะคือสิ่งที่เขาเสพติด ทุกครั้งที่นำทัพกลับมาพร้อมธงของข้าศึก เสียงไชโยโห่ร้องดังกึกก้อง สร้างความเปรมปรีดิ์ในใจให้กับเขา หัวของแม่ทัพศัตรู คือ ใบเบิกทางสู่ความสำเร็จและการยอมรับนับถือ เขาทำได้ทุกอย่างขอเพียงให้ตนชนะ แม้ต้องฆ่าพวกเดียวกัน หรือ ทอดทิ้งทหารเลวเพื่อเอาตัวรอดก็ยินดีทำ
แต่ครั้งนี้ความรู้สึกช่างแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง ความรักปักอก ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรก การจากองค์หญิงชุนเหลียนไปรบ ทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน คิดถึง โหยหา ปรารถนา
แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อคำสั่งคือคำสั่ง อยากไปหรือไม่อยากไปก็ต้องไป
แม้จะร่ำลาคนรักสักคำเดียวยังมิอาจทำได้ นี่ต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บปวดช้ำชอกใจ !
......................................................
กลางสมรภูมิรบดินแดนตอนเหนือ ทำไมครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไป่จิงเหวินไม่อาจทำใจยอมรับได้ พวกจินบุกมาครั้งนี้ทั้งรวดเร็ว ทั้งกล้าแกร่ง จัดทัพได้สมบูรณ์แบบจนแทบไม่มีช่องโหว่ให้โจมตี การประจันบานสองครั้งที่ผ่านมา กองพลม้าขาวทะลวงโลกันต์ซึ่งเก่งกาจของเขาพ่ายยับ ทหารล้มตายนับพัน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ไป่จิงเหวินจะพบกับความพ่ายแพ้เช่นนี้ ดูเหมือนศัตรูจะมีแม่ทัพคนใหม่ผู้แกร่งกล้าอาจหาญเหลือเกิน เขาให้หน่วยสอดแนมไปหาข้อมูลยังกองทัพศัตรู ไป่จิงเหวินอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้กองทัพจินซึ่งเคยพ่ายศึกต่อทัพซ่งมาโดยตลอด กลับเก่งกล้าสามารถขึ้นอย่างมากในเวลาไม่นาน ราวกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สายลับถูกส่งไป ทำงานอย่างรวดเร็วฉับไว ใช้เวลาไม่นานนัก ไป่จิงเหวินก็ได้รับทราบข้อมูลสำคัญที่อยากรู้
“ท่านแม่ทัพขอรับ ทัพจินนั้นแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่จริง ๆ อย่างที่ท่านคาดการณ์ไว้ บุรุษผู้นั้นตัวโตสูงใหญ่ องอาจมาดมั่น และต่างจากแม่ทัพทุกคนที่เราเคยเอาชนะมา”
ไป่จิงเหวินมองดูสายลับด้วยความร้อนใจ เขาอยากรู้ว่าแม่ทัพคนนั้นคือใคร สายลับไม่รั้งรอรายงานข้อมูลที่สืบหามาได้ทันที
“แม่ทัพคนนี้มีนามว่า เตมูบูจิน ขอรับ”
“เตมูบูจิน” ไป่จิงเหวินทวนชื่ออีกครั้ง พยายามนึกว่าคน ๆ นี้เป็นใคร แต่ไม่คุ้นเลย
“มีคนบอกว่าเตมูบูจินน่าจะเป็นบุตรคนใดคนหนึ่งของจินข่านด้วยขอรับ”
“เป็นถึงเชื้อพระวงศ์เลยรึ ?”
“ใช่ครับ ยังหนุ่มแน่น อายุราว 20 ปีเศษ ข้าลอบมองจากไกล ๆ เห็นเตมูบูจินตะโกนสั่งงานในกองทัพ ช่างเป็นบุรุษหนุ่มผู้เก่งกล้าสามารถยิ่งนักขอรับ”
ไป่จิงเหวินครุ่นคิดตรึกตรองอย่างหนักหน่วง พอเปลี่ยนแม่ทัพ กองทัพก็เปลี่ยนโฉม เปลี่ยนกลศึก ก็เปลี่ยนสถานการณ์ ที่ผ่านมาไป่จิงเหวินยอมรับว่าตัวเองติดประมาทไม่น้อย ชนะศึกมากเข้าก็หน่ายเพลงยุทธ์ ซ้ำร้ายหลายเดือนที่ผ่านมา กลับหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความรักระหว่างเขากับองค์หญิงชุนเหลียน ถึงกับละเลยการฝึกฝนกองทัพไปจนหมดสิ้น
ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ พลทหารคนหนึ่งเดินมาแจ้งว่าทางกองทัพจินได้ส่งทูตเข้าเจรจา ไป่จิงเหวินแปลกใจไม่น้อย ปกติแล้วการรบพุ่งยังติดพันเช่นนี้ ไฉนเลยจะมีการหย่าศึกโดยใช้การทูต ยิ่งสถานการณ์ของพวกจินได้เปรียบมากเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขาก็สั่งการให้นำทูตทัพจินเข้ามาพบทันที
ทูตจินถูกปลดอาวุธและนำตัวเดินเข้ามายังกระโจมแม่ทัพ ไป่จิงเหวินกล่าวต้อนรับตามธรรมเนียม
“ท่านมีสาส์นอันใดแจ้งมายังตัวข้ากระนั้นหรือ ?” ไป่จิงเหวินสอบถาม
ทูตจินยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“สงครามจบแล้วท่านแม่ทัพ บัดนี้ท่านแม่ทัพของข้า เตมูบูจิน ได้สั่งการมายังทหารทุกนายให้เตรียมถอยทัพ เนื่องจากรบพุ่งกันต่อไป หาได้มีประโยชน์โพดผลอันใดไม่ ทางราชสำนักซ่ง ได้ส่งสาส์นสำคัญ ขอระงับศึก โดยจะส่งเครื่องราชบรรณาการให้กับอาณาจักรจินทุกปี รวมทั้งผูกดองกันด้วยการแต่งงานระหว่างเชื้อพระวงศ์ทั้งสอง ข้าจึงมาแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านทราบ พร้อมนำราชสาส์นของต้าซ่งมายืนยันให้ท่านเห็นด้วยตาของท่านเอง”
ไป่จิงเหวินรับพระราชโองการมาอ่านด้วยความงุนงง สงครามกลับพลิกผันจบลงอย่างง่ายดายเหลือเชื่อ เขาหันไปสอบถามเสนาธิการของตนซึ่งยืนอยู่ด้านข้างว่าข่าวสารนี้เป็นเรื่องจริงแท้หรือไม่ ขณะนั้นเองม้าเร็วจากเมืองหลวงนำสาส์นแจ้งการพักรบหย่าศึกเดินทางมาถึงพอดี ม้าเร็วกระหืดกระหอบเร่งรีบนำราชโองการจากเมืองหลวง ถ่ายทอดคำสั่งให้ไป่จิงเหวินรับใส่เกล้า แต่ข้อความที่ได้รับกลับสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวเหลือคณานับ คำสั่งถอยทัพอาจสร้างเพียงความขุ่นเคืองและประหลาดใจ แต่สิ่งซึ่งมอบความเจ็บช้ำระกำใจอย่างใหญ่หลวงที่สุด คือคำสั่งให้เขาเป็นผู้คุ้มกันในอีกสามเดือนข้างหน้า เพื่อนำทัพขบวนส่งมอบตัวองค์หญิงชุนเหลียนเพื่อให้ทรงอภิเษกสมรสกับเตมูบูจิน ราชบุตรแห่งอาณาจักรจิน !!!
ราวฟ้าผ่าลงมากลางใจ ใบหน้าของไป่จิงเหวินแดงก่ำด้วยความโกรธ แค้นใดว่าหนักหนายังไม่สาหัสสากรรจ์เท่ากับคำสั่งที่ได้รับ สติขาดผึงในชั่วขณะ ไป่จิงเหวินชักดาบข้างกายออกมาในทันที โดยใครมิอาจห้ามปรามได้ทัน เขาฟาดดาบใส่คอทูตจินจนขาดกระเด็นในดาบเดียว !
ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง เพราะในทางการทูตแล้ว ย่อมไม่มีใครกล้าละเมิดธรรมเนียมทำร้ายหรือฆ่าทูตของอีกฝ่าย
ไป่จิงเหวินตะโกนสั่งให้เสนาธิการคู่ใจ นำศีรษะของทูตจินไปมอบยังค่ายศัตรู พร้อมประกาศคำท้าประลองให้เตมูบูจินนำทัพออกมาสู้รบกันอย่างเด็ดขาดในอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้า
แม้รู้ว่าสิ่งที่ไป่จิงเหวินกระทำลงไปนั้น ทั้งไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม อีกยังกล้าละเมิดราชโองการขององค์เหนือหัว แต่ห้วงยามนี้ย่อมไม่มีใครหาญกล้าไม่ทำตามคำสั่งของเขาเป็นแน่แท้
ไป่จิงเหวินมองดูม้าของเสนาธิการกำลังควบขี่ตรงไปยังค่ายจินซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไป ความโกรธแค้นความเสียใจพุ่งทะลุขีดสุดของความอดทนอดกลั้น
“ข้าไม่มีวันยอมเจ้าโดยง่ายอย่างแน่นอนเตมูบูจิน ทั้งการศึกและเรื่องของหัวใจ ข้าจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าให้ย่อยยับในครานี้ ข้าขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน !!!”ความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1
ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5
Create Date : 19 สิงหาคม 2562 |
|
29 comments |
Last Update : 19 สิงหาคม 2562 11:25:00 น. |
Counter : 2681 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณตะลีกีปัส, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณThe Kop Civil, คุณเริงฤดีนะ, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณอุ้มสี, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณTui Laksi, คุณSweet_pills, คุณชีริว, คุณtoor36 |
| |
โดย: หอมกร 19 สิงหาคม 2562 7:53:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 19 สิงหาคม 2562 8:20:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 19 สิงหาคม 2562 8:58:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 19 สิงหาคม 2562 21:04:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 19 สิงหาคม 2562 23:39:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 19 สิงหาคม 2562 23:46:25 น. |
|
|
|
| |
อีกหน่อยบ้านเราก็คงมีเจ้าหญิงมากมายนะคุณก๋า