:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณแม่ยุ้ย ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณแม่ยุ้ย ::
ทำอย่างไรให้ทุกคนตระหนักถึงความคิดของตนว่าสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ก่อนมีเหตุที่ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้นกับตัวเอง มันคงต้องชี้จุด หายนะ ให้เด่นเห็นโทษหนักๆ ถ้าเราคิดผิดคิดลบ
คำถามโดย : ธูปหอม
ก่อนพบธรรม ผมพบแต่ตนเอง ตอนที่จะพบตนเอง รู้สึกเลยว่าตัวเองคือศูนย์กลางของโลก ผิดถูกถูกสร้างขึ้นที่ ความคิด อะไรที่ถูกใจเรา ---นั่นถูก อะไรที่ไม่เป็นไปอย่างใจคิด --- นั่นผิด การใช้วิธีคิดแบบนี้ทำให้ต้องปะทะความคิด ความรู้สึก กับคนรอบกายอยู่ตลอดเวลา และบ่อยครั้งมากที่รู้สึกหงุดหงิด ขุ่นเคือง ผิดหวัง ชิงชัง คลั่งแค้น ไปจนถึงโกรธเกลียด กับคนที่คิดไม่เหมือนเรา คนที่เชื่อไม่เหมือนกัน
จนวันหนึ่งที่ผมเดินทางไปเมืองจีน แล้วไปพบทิวเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึก ตื่น ขึ้นมาจากความหลงผิดของตนเอง วินาทีที่รู้สึกว่าขุนเขาเบื้องหน้าช่างยิ่งใหญ่ และตัวผมช่างเล็กจ้อยราวกับฝุ่นผงในจักรวาล วินาทีนั้นเหมือนได้ถูก ครู ตบให้ตื่นจากความโง่ที่เกาะกุมความคิดมานาน ความเก่งที่เคยมี ความเชื่อที่เคยยึดติด ความทุกข์ที่เคยแบก ทุกอย่างหายไปเมื่อตัวตนเราเล็กลงๆๆๆๆและเล็กลง จนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวตน นั่นคือการสลายอัตตาอย่างรวดเร็วที่สุด และเปลี่ยนวิธีคิดของผมไปตลอดกาล
อาแปะสอนผมเสมอว่า จิต คือ ความคิด และ ความคิด คือสิ่งที่สร้าง ตัวตน ของเราขึ้นมา
เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมะ คือการเรียนรู้ที่จะรู้ทัน ความคิด ของตนเอง รู้ทันการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของสรรพสิ่ง รู้ทันอารมณ์และสิ่งที่สมองของตนเองได้สร้างขึ้นมา รู้ถึงความไม่เที่ยงทนในอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดทั้งปวง
อาแปะสอนผมครั้งแล้วครั้งเล่า ย้ำแล้วย้ำอีก ให้รู้ถึงสภาวะแห่ง การเป็นผู้สร้าง (โลกุตระธรรม) และภาวะของการเป็น สิ่งที่ถูกสร้าง (โลกธรรม) เมื่อใดที่เรารู้ถึงความแตกต่างของสองสิ่งนี้ ความแตกต่างจะหายไป และหลอมรวมจนกลายเป็น หนึ่งเดียว
ภูเขาที่เมืองจีนจึงเป็น ผู้สร้าง และตัวผมในวินาทีนั้น คือ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น โดยผู้สร้าง แต่วินาทีที่ความรู้สึกของผมหลุดไปจากการยึดติดว่านี่คือตัวฉัน ทั้ง ผู้สร้าง และ สิ่งที่ถูกสร้าง ก็หายไปจาก ความคิด ในทันที
จิต หรือ ความคิด จึงเป็นสิ่งที่อาแปะย้ำแล้วย้ำอีก ว่าคือสิ่งที่สำคัญมากๆ และ จิตเดิมแท้ ของคนทุกคน นั้นสว่างจ้าใสแจ่มเฉกเช่นดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยหยุดเปล่งแสง แต่ที่คนเราเข้าถึงธรรมได้ไม่เท่ากัน เนื่องจาก จิต ถูกกิเลส อวิชชา ตัณหาเข้าบดบัง เหมือนเมฆดำที่พัดบดบังดวงอาทิตย์จนมิอาจเปล่งแสงออกมาได้อย่างเต็มที่
การปฏิบัติธรรมในความหมายที่อาแปะสอนผม ไม่ใช่การแสวงหาหนทางที่จะเพิ่มแสงสว่างให้กับดวงอาทิตย์ แต่คือการหาหนทางที่จะนำเมฆดำที่บดบังจิตใจอยู่นั้น ให้หลีกไกลออกไป จนดวงอาทิตย์สามารถส่องแสงสว่างตามสภาะอันเป็นปกติของมัน
วิธีการนำกิเลส ความหลงผิด อวิชชา ตัณหา ออกไปจาก จิตใจ หรือ ความคิด มีมากมายหนทางตามความเชื่อ ความศรัทธา ความคิด และจริตของคนในสังคมนั้นๆ
เหมือนการเดินทางจากสถานที่แห่งหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าการเดินทางด้วยเท้า ด้วยรถ ด้วยเรือ ด้วยเครื่องบิน หรือจรวด วิธีใดคือวิธีที่ดีที่สุด ช้าเร็วในการเข้าถึงธรรม ไม่ได้เป็นตัวบอกคุณภาพที่คนๆนั้นจะรู้ธรรมได้ตามความเป็นจริง
แต่ ธรรม ที่แท้จริงนี้ มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน โดยไม่ต้องออกค้นหา ขอเพียงทุกอย่างถูกที่ถูกเวลา ถึงความพร้อมที่จะรู้ได้ ก็จะได้รู้ ความจริงสิ่งนี้ ในตัวตนของเรานั่นเอง
คิดถูก หรือ คิดผิด ล้วนแล้วแต่เริ่มที่ จิต ของตน ใครก็ไม่อาจทำให้ใครรู้ได้ รู้แทนกันก็ไม่ได้ มีแต่ต้องลงมือปฏิบัติ ตระหนักถึงความจริง รู้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิด ไปจนถึงการรับรู้สิ่งต่างๆอย่างเข้าใจ และรู้ทันการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่ง
มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เราเปลี่ยน ความคิด และ ชีวิต ของตนเองได้ ชนิดถึงราก ถึงแก่น ลำต้น ก้านกิ่ง ไปจนถึงดอกใบทุกองคาพยพอย่างแท้จริง
Create Date : 03 ตุลาคม 2557 |
|
28 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 6:17:54 น. |
Counter : 1335 Pageviews. |
|
|
สวัสดีค่ะน้องก๋า