ปกติไม่ชอบดูหนัง แต่วันนี้ว่างจัด หมายถึงหัวว่างๆ นะ
เพราะจริงๆ งานมี แต่ทำไม่รู้เรื่อง จะซ้อมเต้นก็ขี้เกียจไปเสียหมด
โดนเพื่อนด่าในใจเลย เพราะนัดมาซ้อมแล้วเสือกไม่มีอารมณ์เต้น
เย็นนี้ว่างเสียด้วย เพราะบอกแม่ไปว่ามีซ้อม
นั่งโหวงๆ อยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ เลยไปกิน Black Canyon กัน
ถามพนักงาน Black Canyon เล่นๆ ตอนสั่งอาหารว่าตอนนี้มีหนังอะไรดู
เขาเห็นกล้าถามมั้ง ก็เลยกล้าตอบบ้าง บอกว่าให้ไปดูฝันโคตรโคตร
แต่เพื่อนบอกว่าเรื่องนี้แกห้ามดูคนเดียว เดี๋ยวก็ร้องไห้ตายไปเลยหรอก
เราเห็นด้วย ตอนเห็นบนรถไฟฟ้าแรกๆ ก็ยังคิดเลยว่าน่าดู แต่คงดูไม่ไหว
เลยกะจะมานั่งใช้ wireless ที่โรงเรียนทำนู่นทำนี่ต่อ
แต่เจอพี่เอ๋ชวนเข้าไปเต้นบัลเล่ต์เกรดสี่ เลยต้องหนี
อ้อ! เพื่อนบอกให้ดู The Proposal ขำตลอดเรื่อง งั้นก็ไปดูเรื่องนี้ละกัน
แต่ตอนขึ้นบันไดเลื่อนไปดูรอบหนัง...ตัวอย่างหนังฝันโคตรโคตรก็ลอยมากระทบหู
รู้มั้ย ว่านาฬิกากับเวลาน่ะ มันต่างกันยังไง นาฬิกาเนี่ย เวลาเราให้ใครไปแล้ว เรายังขอคืนมาได้ แต่เวลาเนี่ย เมื่อไหร่ที่เราให้กับใครไปแล้วเนี่ย เราจะไม่มีทางขอมันคืนมาได้และ
ที่เขาว่ากันว่าในความฝันมันไม่เจ็บน่ะ มันไม่จริงหรอกนะและกับบทเพลงนี้
...ชีวิตนี้ ถ้าไม่มีเธอก้าวเข้ามา ฉันคงเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น.........
แล้วคิดเหรอ ว่าจะได้ดู The Proposal ก็เลยได้บัตรฝันโคตรโคตรมาใบนึงแทน
กลับลงมาเก็บข้าวของที่โรงเรียน ได้แต่บอกตัวเองว่า ...ช่างกล้านะมึง...
อาจจะเป็นเพราะเป็นวันจันทร์ คนอยู่ในโรงประมาณ 6-7 คู่มั้ง
เพื่อนแจ่มโทร.มาบอกว่าอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์
เฮ้อ... โทร.เร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วโมงก็คงดี
เราไม่ได้มาวิจารณ์เรื่องนี้นะ เพราะไม่ใช่คนชอบดูหนัง เลยไม่รู้ว่าจะวิจารณ์ยังไง
แต่เรามาบอกว่า ... อารมณ์เราโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตลอดสองชั่วโมง
ร้องไห้ได้สะใจดี เหนื่อยชิบเป๋ง
..เราไม่ได้สนใจพระเอกหล่อไม่หล่อ หรือไม่ควรคู่กับนางเอกน่ารักอย่างนี้
เพราะเราไม่เห็นความหล่อสำคัญตรงไหน จะว่าไป เอียนด้วยซ้ำ
..เราไม่ได้สนใจว่าเขาจะอินกับชีวิตตัวเองมากไปหรือเปล่า
เพราะการที่บทเขากระแทกหูเราจนน้ำตาไหลได้เนี่ย
ก็นับได้ว่า ความอินของเขากับของเรามันเป็นอันเดียวกัน
..เราไม่สนใจว่ามันจะเป็นมุขเดิมๆ ซ้ำๆ กับหนังเรื่องก่อนๆ
เพราะเราไม่เคยดูเลยสักเรื่อง ก็บอกแล้วว่าไม่ชอบดูหนัง
..เราไม่ได้สนใจว่าหนังของเขาตัดสลับไปสลับมาจนงงโคตรโคตรยังไง
เพราะ เรื่องราว ไม่ใช่สิ่งที่พึงคาดหวังจากหนังแบบนี้
แต่ อารมณ์ ต่างหากที่มันพาเราโลดแล่นไปกับมันโดยไม่รู้ตัว
อาจเป็นเพราะคุ้นเคยกับการดูการแสดงคอนเทมโพรารีแดนซ์
ซึ่งแม้จะไม่ได้เข้าใจเนื้อหา แต่ก็เข้าใจอารมณ์ของผู้กำกับได้ไม่ยาก
หลายครั้งดูไม่รู้เรื่อง มารู้ตัวอีกที อ้าว! ทำไมนั่งน้ำตาไหล
แบบหนังเรื่องนี้แหละ ยังไม่ทันรู้เรื่องเลย ร้องไห้ซะแล้วเรา
กลับบ้านมาอ่านวิจารณ์หนัง ก็ไม่แปลกใจทำไมเราดูไม่รู้เรื่อง
เนื้อเรื่องย่อแต่ละเว็บที่ค้นเจอยังไม่ค่อยจะตรงกันเลย
แต่จะสำคัญอะไร เมื่อ
ดูด้วยใจ และอย่าใช้เหตุผลความสำคัญไม่ได้อยู่ตรงเนื้อเรื่องหรอก จะตามทันหรือไม่
ตรงไหนฝัน และฝันของใคร มันไม่สำคัญหรอก
มันอยู่ที่บทมากกว่า แต่ละคำมันสะเทือนอารมณ์ชิบเป๋ง
เหมือนได้อ่านหนังสือดีๆ สักเรื่องที่บังเอิญมีภาพเคลื่อนไหวประกอบ
แล้วก็นั่งร้องไห้ๆๆๆ ไอ้ผู้ชายที่นั่งอยู่เก้าอี้ถัดไปสองตัวคงงงกับยายคนนี้
หนังจบแล้ว เดินออกจากโรงไม่ได้ ต้องรอพักหนึ่ง เพราะยับเยิน..
หลายคนบอกว่าดูแล้วเสียดายเงิน แต่เรากลับอยากดูอีกครั้ง
เพราะรู้ว่าเก็บรายละเอียดไม่หมด มีสัญลักษณ์หลายอย่างที่มองข้าม
มีประโยคอีกหลายประโยค อยากให้มันกระแทกลึกเข้าไปในใจให้มากยิ่งกว่านี้
...กว่านี้
"รู้มั้ย ว่านาฬิกากับเวลาน่ะ มันต่างกันยังไง นาฬิกาเนี่ย เวลาเราให้ใครไปแล้ว เรายังขอคืนมาได้ แต่เวลาเนี่ย เมื่อไหร่ที่เราให้กับใครไปแล้วเนี่ย เราจะไม่มีทางขอมันคืนมาได้"
กินใจเลย