ร้านกาแฟ"
ดีใจจริงๆ ที่ชีวิตได้ก้าวเข้ามาสู่การเป็นคนขายกาแฟ
ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คอกาแฟ ก็เพิ่งมาหัดกินเอาตอนเปิดร้านนี้เอง
ก่อนหน้านี้ไม่รู้หรอกว่ากาแฟอร่อยกับไม่อร่อยมันเป็นยังไง
ก็ไม่ได้หลงเสน่ห์ตัวกาแฟอะไรมากมาย
แต่หลงเสห่น์บรรยากาศของร้านกาแฟมากกว่า
ตั้งแต่ช่วงเริ่มจะเป็นวัยรุ่น ก็ชอบไปนั่งตามร้านกาแฟ
(ที่แน่นอนว่าไม่ใช่ Starbucks เพราะว่าแพงเกินไปสำหรับเด็กอย่างเรา)
นั่นเขียนไดอารี่ จิบกาแฟอุุ่นๆ ที่ไม่เคยกินหมดแก้ว
เพียงได้ดื่มกินบรรยากาศ อะไรๆ ก็ดูจะดีไปหมดแล้ว
นิสัยนั่งร้านกาแฟหายไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยเพราะไปเข้าห้องสมุดแทน
และเมื่อทำงานชีวิตก็ห่างหายอารมณ์ "ร้านกาแฟ" ไปโดยปริยาย
จนกระทั่ง
จนกระทั่งจับพลัดจับผลูมาร่วมทุนกับพี่สาว
เปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง นิสัยเดิมๆ จึงเวียนกลับมาอีกครั้ง
ร้านกาแฟของเราเป็นร้านเล็กๆ ในซอย
ลูกค้าจึงไม่ได้เยอะอะไรมากมาย อาศัยลูกค้าประจำเสียมากกว่า
บางคนก็รู้จักมักคุ้นกันเสียจนเรียกได้ว่าเป็น "เพื่อน" กันไปแล้ว
หลายๆ คนใช้ร้านเราเป็นที่นั่งอ่านหนังสือ
บางคนก็ใช้ร้านเราเป็นที่นั่งเล่นเกมส์ crossword ในหนังสือพิมพ์
บ้างก็มาใช้ wifi ที่ร้านทำงานนู่นนั่นนี่
บางคนก็แค่แวะเวียนมาซื้อกาแฟ แล้วหาเพื่อนคุยฆ่าเวลา
หลายคนมาเพื่อคลายเครียด หนีออฟฟิศมานั่งกุมขมับช่วงพักกลางวัน
และก็อีกหลายๆ คนที่มาทุกวัน วันไหนไม่มาคนขายก็เริ่มใจไม่ดี
เป็นห่วงเป็นใยว่าวันนี้เป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า
.. ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ..
ลูกค้าบางคนจะมีช่วง "ละลายพฤติกรรม"
ตอนเข้ามาแรกๆ ก็ดูนิ่งๆ เป็นปกติ
แต่พอนานเข้าเริ่มคุ้นเคยกัน ก็ออกลายเพี้ยนๆ ฮาๆ
จนชักไม่แน่ใจว่า ร้านนี้คนขายหรือลูกค้า (บางคน) เพี้ยนกว่ากัน
บางคนก็น่ารักมาก บางทีเรายุ่งแสนยุ่ง เก็บถ้วยล้างจานไม่ทัน
คุณเธอก็เข้ามาช่วยเก็บช่วยล้าง น่ารักจริงๆ
บางคนก็ดุจนไม่รู้ว่าจะดุทำไม จะจิกไปถึงไหน
ไม่ชอบก็ไม่ต้องมากิน ไม่ใช่มาทีก็จิกใส่กันที
โธ่ .. เจ้าประคุณ คนขายกาแฟไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยนะจ๊ะ
แต่พอนานเข้าเราก็ชิน เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้นแหละ
จะว่าไป ไอ้ความเป็นคนขายกาแฟกับคนซื้อกาแฟ
มันเป็นความสัมพันธ์ประหลาดๆ นะ
จะว่าสนิทสนมกันคงไม่ใช่ แต่อาจเป็นความรู้จักมักคุ้นกันเสียมากกว่า
แต่ว่ามัน "มักคุ้น" มากเสียจนทำให้อะไรพิเศษๆ มันเกิดขึ้น
ลูกค้าหลายคนเลือกที่จะเล่าเรื่องอึดอัดใจของตัวเองให้คนขายกาแฟฟัง
ทั้งๆ ที่ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่กลับเล่าออกมาอย่างหมดเปลือก
เหมือนไม่รู้จะไประบายที่ไหน จะเล่าให้เพื่อนฟังก็อาย
เล่าให้พ่อแม่ฟังก็ไม่ได้ เล่าให้ใครๆ ก็ไม่เห็นมีใคร
มานั่งพักเลียแผลใจอยู่ที่ร้านกาแฟ
แล้วก็เล่าให้คนขายกาแฟฟังเสียเลย
ไม่เห็นมีเขียนใน Job Description ที่ไหนเลยที่บอกว่า
บาริสต้าจะต้องเป็นศิราณีด้วย
แต่นั่นแหละ เป็นไปแล้ว และก็เต็มใจจะเป็นเสียด้วย
เพราะมองลูกค้าเหมือนเป็นเพื่อน เป็นคนที่เราห่วงใย ใส่ใจไปแล้วในตอนนี้
ล่าสุดลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งจู่ๆ ก็ถามว่า
ผมมาที่นี่ทุกวันได้ไหม" คนขายตอบกลับด้วยความงงๆ
ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" แล้วเขาก็มาทุกวันจริงๆ
นั่งทำงานอยู่ที่ร้านวันละห้าหกชั่วโมง
ไม่ได้สั่งอะไรมากมาย บางวันก็แค่กาแฟแก้วเดียว
บางวันทิ้งคอมพิวเตอร์ไว้ในร้านแล้วออกไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่
เดี๋ยวเดียวก็เดินปากเจ่อมาขอนำ้เปล่าในร้านกิน แล้วก็นั่งทำงานต่อ
มีอยู่วันหนึ่งเขาก็ตบหัวตัวเองดังป้าบก็พูดกับตัวเองว่า
ทำงานๆๆ" (ตอนนั้นมีเขานั่งอยู่ในร้านคนเดียว)
ดูเคร่งเครียดผ่ายผอมลงไปทุกวัน จนพวกเราเป็นห่วงกัน
จนมีอยู่วันหนึ่ง เขาเดินหน้าหมองเข้ามา
ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร โผเข้ากอดคนขาย
(ไม่ใช่เรานะ เป็นพี่พนักงานผู้หญิง)
กอดอยู่นาน กอดเหมือนขอกำลังใจ ขอพลังงาน
พี่เขาก็ไม่รู้ทำอย่างไร เพราะอ้อมกอดนั้นมันสั่นสะท้าน
เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เหมือนคนไม่เหลืออะไร
เขาจึงยอมให้กอด ยอมให้กำลังใจถ่ายทอดไปสู่ลูกค้าคนนั้น
ผ่านอ้อมกอดของคนที่เป็นเพียงลูกค้ากับคนขาย
เมื่ออ้อมกอดคลายออก สารพัดปัญหาและน้ำตาที่เขามีอยู่ก็พรั่งพรูออกมา
ความเหงา ความเศร้า เรื่องราวต่างๆ ที่เขาเก็บอยู่ข้างใน
ไม่เล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาที่มาที่ร้านด้วยกันบ่อยๆ
แต่เขาเลือกที่จะเล่าให้เราฟัง เราที่เป็นเพียงคนขายกาแฟ
งานขายกาแฟเป็นศิลปะที่ต้องศึกษาเรียนรู้ด้วยใจ
เพราะการเป็นคนขายกาแฟมีรายละเอียดมากกว่าที่คิดจริงๆ
ชีวิตหลากรูปแบบจะวนเวียนเข้ามาให้เราเห็นเสมอ
หลายเรื่องราวเราได้ก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
สิ่งนี้แหละที่อยากเห็นร้านเราเป็น
อยากให้ร้านเล็กๆ แห่งนี้มีความอบอุ่น มีความรัก มีมิตรภาพ
ไม่ใช่เป็นเพียงสถานที่ที่ขายกาแฟ แลกเปลี่ยนซื้อขายกันด้วยเงินตรา
แต่เป็นสถานที่ที่สนทนากันด้วยความรู้สึก ด้วยมิตรภาพ
เป็นสถานที่แบ่งปันความรักความเข้าใจ ความห่วงใยกันและกัน
เป็นสถานที่ที่ให้ใครนึกถึงเวลามีเรื่องไม่สบายใจ
เป็นสถานที่ที่ให้ใครแวะเวียนเข้ามาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังดุจเพื่อนคนหนึ่ง
เป็นที่พักพิงยามเหนื่อยล้า จิบกาแฟ ก่อนก้าวเดินต่อไป
บนเส้นทางที่ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
หากอยู่ร่วมราวเป็น "เพื่อน" กันและกัน
ขอบคุณลูกค้าทุกๆ คนที่ไว้ใจวางใจ แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนสมำ่เสมอ
...ดีใจจริงๆ ที่ได้ขายกาแฟ...
อุ้มจะได้ไปช่วยดื่มกาแฟค่ะ