ไม่รู้ว่าคนเราจะวิ่งไปถึงไหน
คนเราจะวิ่งกันไปถึงไหนหนอ
เรากลายเป็นตัวประหลาดเพราะเราไม่ยอมวิ่ง
เรากลายเป็นคนขี้เกียจที่ได้แต่หาเหตุผลแก้ตัว
กลายเป็นคนที่อ่อนแอ ขี้แย ขี้บ่น และจับจด
สุดท้ายก็กลายเป็นส่วนเกินของทุกที่ ทุกทีไป

คนเราก็คงจะไม่รู้หรอกว่าเราเหมาะกับอะไร
จนกว่าจะได้ลองทำมัน ถึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นใช่หรือไม่ใช่
แต่การทำอะไรก็ไม่ใช่นี่มันหมายถึงตัวเองรึเปล่าที่มีปัญหา
งานที่เรารัก คงกลายเป็นสิ่งที่เราเกลียด
หากเราต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา
จะวิ่งตามอะไร วิ่งตามไปถึงไหน ก็ไม่รู้
จะวิ่งหนีอะไร หนีไปจนถึงเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ
บางทีคำตอบก็ผุดขึ้นมาในใจว่า
ก็คงจะวิ่งไปจนกว่าหัวใจจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆ
วิ่งหนีสิ่งที่หัวใจดวงนี้ปฏิเสธ หนีมายามาสู่บ้าน
คงไม่แปลกนักที่จะหวนกลับไปนึกถึงเพลงประกอบละครเก่าๆ
....ยิ่งไขว่ยิ่งคว้ามันยิ่งไกล ยิ่งไล่มันยิ่งหนี ดูไกลออกไปทุกที....

ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์
ไม่มีอะไรเลวร้าย นอกจากในหัวใจตัวเอง
กับความรู้สึกผิดที่ผิดทาง ที่คงจะเกิดกับเราคนเดียว
และคำถามที่ผุดขึ้นตลอดเวลาว่า นี่เรามาทำอะไรที่นี่
มันเป็นเพราะมันไม่ใช่ หรือเป็นเพราะเราไม่อดทน

ใช่ มันเป็นงานที่ข้องเกี่ยวกับสิ่งที่เรารัก
แต่...มันทำให้เราต้องออกแรงวิ่งขนาดนี้เลยเหรอ
เอาอีกแล้ว มันเป็นการวิ่งที่...ไม่รู้จะวิ่งไปไหน
แล้ววันหนึ่ง เราก็จะต้องวิ่งเสียจนลืมความรู้สึกว่า
นี่คือสิ่งที่เราชอบ และรักที่จะทำ
เพราะวิ่งจนไม่มีเวลาให้ใจมา "อิ่ม" กับงานที่เราทำ
เพียงแค่เริ่มต้น ก็เห็นตอนจบแล้ว
การทำงานเป็นอย่างนี้เองเหรอ ถ้ามันเป็นอย่างนี้จริง
....ก็ไม่อยากทำงานเลย....
เพราะว่ามันคงจะยังเร็วเกินไปที่จะเกลียดสิ่งที่เรารัก

ช่างภาพชื่อดังที่เราชื่นชอบ และนับถือในความสามารถ
จากที่ทั้งได้คุย ได้ฟังเขาคุย และได้ฟังเพื่อนที่ไปคุยกลับมาเล่า
มันทำให้ใจหาย เพราะพวกเขาหลายคนมีความรู้สึกตรงกันว่า
ทุกวันนี้ การถ่ายภาพไม่ได้เป็นความสุขของเขาอีกต่อไปแล้ว
เพราะตอนนี้มันคือการทำงานที่เร่งรน และเคร่งเครียด
เสียจนไม่ได้เสพสุขกับแต่ละครั้งที่นิ้วกดชัตเตอร์
...น่าเสียดาย...

วันนี้ต้องไปทำงานกลางงานไฮโซงานหนึ่ง
ตอบตัวเองได้ทันทีว่า เราอยู่ผิดที่ผิดทาง
ตามเคย ใบหน้าเปื้อนยิ้มเป็นปกติ
แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทอาจจะบอกได้ว่า ไอ้นี่มันดูเฮฮาผิดปกติไปนิด
ปากก็ยิ้มไป แต่ลูกกะตาสงสัย
ในเรื่องเดิมๆที่เคยสงสัยมาก่อน แล้วเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
แต่กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ทำไมเธอมันขวางโลกอย่างนี้

เรื่องสงสัยที่ไม่เคยได้คำตอบ ก็ยังคงติดอยู่ในหัวใจ
ว่าพวกเขากำลัง ...วิ่งกันไปไหนหนอ...
แล้วเราล่ะ มาวิ่งตามพวกเขาไปทำไม
ถามได้ แต่อย่าเพิ่งหาคำตอบเลย
เพราะยังเหลืออีกตั้งเกือบๆ 3 เดือน

ร ะ เ รื่ อ เ รื อ ง ข อ บ ฟ้ า ชั่ ว พ ริ บ ต า ข อ บ ฟ้ า เ ลื อ น ห า ย อี ก ไ ม่ น า น ด า ว จ ะ ขึ้ น พ ร่ า ง พ ร า ย ค ว า ม ฝั น พ ร ร ณ ร า ย น่ า ติ ด ต า ม เ พ ริ ด แ พ ร้ ว จิ น ต น า ก ว้ า ง นั ก อ ย า ก รู้ อ ย า ก ป ร ะ จั ก ษ์ จึ่ ง ท ว ง ถ า ม ค ว า ม ฝั น ใ ย อ ยู่ แ ค่ ค รู่ ย า ม ย า ก จ ะ ต า ม ใ ห้ ถึ ง ซึ่ ง ค ว า ม จ ริ ง ด ว ง ด า ว อ ยู่ ไ ก ล ไ ก ล ยิ่ ง นั ก ยั ง รู้ ยั ง ป ร ะ จั ก ษ์ ค ว า ม ใ ห ญ่ ยิ่ ง จ ง ยื น ห ยั ด ต่ อ สู้ ใ น ค ว า ม จ ริ ง เ พื่ อ ใ ห้ ส ร ร พ สิ่ ง ค ง อ ยู่ ใ น ฝั น ง า ม

ป.ล.
น่าเสียดายชีวิต หัวใจ และความสุข
บางครั้งรู้สึกว่ามันเหมือนกับถูกกดชักโครกลงไปง่ายๆ
แต่พอกดไปบ่อยๆ ใช้ไปนานๆ ก็ชักกดไม่ลง
ของเก่าเน่าซากลอยย้อนกลับขึ้นมาให้พะอืดพะอมเล่น
ความรื่นรมย์แห่งวัยเยาว์ กลายเป็นของเน่าเสียเหม็นประจาน
ที่ควรจะรีบซ่อมชักโครก แล้วกดลงไปใหม่โดยเร็ว
คนส้วมตัน พูดไม่รู้เรื่อง ต้องรีบซ่อมเสีย จะได้คุยกับใครๆได้



Create Date : 18 มีนาคม 2551
Last Update : 18 มีนาคม 2551 22:00:13 น.
Counter : 1421 Pageviews.

9 comments
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
พระราชวังบ้านปืน ดาวริมทะเล
(9 เม.ย. 2567 14:46:08 น.)
  
วันนี้ได้วิ่งมาอ่านเป็นคนแรกเลย
โดย: skogkatt วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:21:54:51 น.
  
Hmm...ก็จริงนะ หรือว่านี่
คือ ที่เค้าเรียกกันว่า ทางแยกชีวิตของการทำงาน ต้องเลือกเอาว่า จะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หรือ โลกแห่งอุดมการณ์ เพราะเป็นงาน มันจึงยากเย็น ฝืนใจ หากนิยามกลายไป เป็นสิ่งที่ชอบ สมัครใจทำ ก็ไม่ใช่งาน ตามมาคือความโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตนชอบ และไม่ฝืน วิ่งช้าลงหน่อย มองหาสิ่งที่พอจะทำใจชอบได้มั่ง ในงานที่ทำ อาจจะดีขึ้น แต่อาจจะเป็นการเสียเวลาก็เป็นได้ คงต้องเลือกเอา
โดย: Percipi วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:22:17:01 น.
  

อืมม .. คิดเหมือนพี่คนข้างบนฮะ

และท้ายสุด แม้กระทั่งทางเลือกที่คิดว่าดีที่สุด เราก็อาจจะไม่สุขอย่างที่คิดก็ได้ ทุกทางเลือกมีผลสองด้านตามมาเสมอ .. ดี กับ ไม่ดี (ตามกันมาเหมือนเงา)

สุดท้าย .. จะอยู่อย่างไรให้มีความสุข .. อืมม อันนี้ต้องหาทางกันเอาเองละฮะ แต่ละคน
โดย: ภูติ วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:23:08:04 น.
  
ลองหยุดถามหัวใจตัวเองดู
อยู่กับตัวเองสักพัก

นี่คือสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือเปล่า
บางทีเราอาจเลือกทางไม่ได้
แต่อยู่อย่างไรให้มีความสุขกับมัน
โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:23:21:53 น.
  
อืม ..
โดย: .. IP: 124.121.1.131 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:0:41:03 น.
  
ไม่รู้ว่าคนอื่น จะเป็นเหมือนกันไหม อ่านข้อความของคุณเสี้ยวทีไร ก็ต้องนึกคิดอะไรไปเงียบๆ คนเดียวทุกที
มากกว่านั้น ก็คือ การนำคำพูด แต่ละคำ แต่ละประโยคมาคิดซ้ำไปซ้ำมา เรื่อยๆ คิดเป็นจนเป็นนิสัย

เพิ่งจะมารู้ตัว ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ได้ เม้นเป็นคนแรก ก็เพราะตรงนี้แหละมั้ง

อ่านแล้ว วันนี้ ดูคุณเสี้ยวดูเหนื่อยๆ เนอะ ว่าไหม
อ่านข้อความแรก ก็สะดุด กับประโยค “สุดท้ายก็กลายเป็นส่วนเกินของทุกที่ ทุกทีไป” อ่านแล้วก็รู้สึกเห็นเงาสะท้อนตัวเองค่ะ รู้สึกขนลุกอยู่วูบหนึ่ง

“....ยิ่งไขว่ยิ่งคว้ามันยิ่งไกล ยิ่งไล่มันยิ่งหนี ดูไกลออกไปทุกที....” นั่นซิเนอะ ทำไมยิ่งขว้ายิ่งไกล ยิ่งอยากได้ยิ่งไม่มีทาง สุดท้ายแล้ว ก็ยังหาคำตอบให้กับชีวิตไม่เจอสักที

“เกลียดสิ่งที่เรารัก” แย่จังเลยนะค่ะ หากจะต้องมีวันนั้นจริงๆ ไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรามาตั้งหน้าตั้งตา ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดีกว่าค่ะ

เฮ้อ...........อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่หน้ากระจกเลยค่ะ หลายครั้งที่ใครๆ มักจะมองว่าเราแปลก และขวางโลก ก็อาจจะใช่ เราอาจจะไปยืนขวางโลกของคนอื่นอยู่ คนที่เค้ากำลังมีความสุขกัน แต่เรากลับไม่มี แล้วก็ยังไปทำตัวขวางทางความสุขคนอื่นอีก

แค่ความคิดที่แตกต่าง อาจทำให้ดูแปลก หลายครั้งที่มันแปลก และมันก็ทำให้อีกหลายครั้งเราเลยดูแปลกไปอีก
แปลกแล้วไม่ดีตรงไหน แปลกแล้วไปทำร้ายใครรึเปล่า แปลกแล้วไปแย่งข้าวใครกินไหม ก็เปล่า แต่แค่แปลกเท่านั้นเอง

ไม่กี่วันมานี้ โดนหาว่าแปลกอีกแล้วค่ะ เป็นคำพูดจากคนที่ไม่ได้สนิทมากมาย
“พี่ว่าเราแปลกนะ นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึงที่ทำให้เราสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านก็ได้ ” นิ่งไป 1 นาทีได้มั้งค่ะ ขนาดคนที่ไม่สนิทกับเรายังพูดซะขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง

ก็แค่แตกต่าง ทำไมถึงไม่มีใครอยากแตกต่างในด้านดีๆ บ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ทุกวันนี้ เหมือนโลกจะพยายามสอนให้เรารู้ว่า คนเรามักจะวิ่งหนีความเป็นจริงเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความเหมือนเพื่อดำรงและให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ

ปล. แต่เราก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี 555
ทำอะไรที่เรามีความสุข แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วค่ะ
มีความสุขทุกๆวันนะค่ะ
อากาศ
โดย: yonongi IP: 203.144.211.242 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:14:26:21 น.
  
“เหมือนเห็นเงาในวัยวันของฉันเอง
สะท้อนลงในบทเพลงแห่งยุคสมัย
นึกถึงภาพครั้งเก่าก่อนแต่เยาว์วัย
ดูดูไปช่างคล้ายกันฉันและเธอ..”

1.
ในตอนนั้น..
ดูฉันช่างขัดแย้ง..
มองไม่เห็นเส้นแบ่งแห่งจริง-ฝัน
เฝ้าเพียรถามตนเองอยู่ทุกวัน

..เรามาทำอะไรกันที่ตรงนี้?

..ทำไมไม่มุ่งไปในหนทางที่หมายมั่น?
..ทำไมไม่ไปตามหาความฝันที่มั่นหมาย?
..ทำไมไม่ไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ?
..ทำไมไม่ไปตามทางที่หวังไว้ว่าจะเป็น?

2.
เพียงเพราะสิ่งใดกันหรือ
ที่ยึดถือตัวเราหยุดเอาไว้
คอยฉุดรั้งมิให้เดินต่อไป
ตอกตรึงเราให้อยู่ตรงนี้

แล้วคำตอบที่ฉันได้รับ
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าใช่
อาจมีเสียงโต้แย้งในหัวใจ
ว่าไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
แต่ใครล่ะจะปฏิเสธได้
เพราะเราต้องกินและใช้
เพราะชีวิตเรายังต้องดำเนินไป
เพราะอะไร ก็แล้วแต่ ต้องใช้มัน

3.
นี่แหละเส้นบางบาง..
ที่กั้นกางระหว่างจริงกับฝัน
ที่ทำให้ฉันไม่ไปถึงไหนกัน
แม้หัวใจจะใฝ่ฝันถึงเสรี

4.
ในตอนนี้..
ฉันก็ยังคงขัดแย้ง
แต่ก็ต้องแสดงตามหน้าที่
แบ่งเวลาให้ฝันบ้างเป็นบางที
ใช้ชีวีให้เต็มที่อย่าทุกข์ใจ.

ส่งท้าย..
ความมุ่งหวัง หรือใฝ่ฝัน ฉันยังอยู่
ยังเคียงคู่ ไม่เหินห่าง หรือหนีหาย
ในวันหนึ่ง ข้างหน้า ยังไม่ตาย
เราคงได้ พบกัน ที่ปลายฟ้า.

โดย: BlackMica วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:17:28:46 น.
  
วันนี้ รุ้สึกไม่ค่อยดีค่ะ แต่จริงๆ เมื่อวานต่างหากที่รุ้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกอยากร้องไห้อีกแล้วค่ะ

ถามตัวเองหลายครั้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาคำตอบจากการร้องไห้ได้ไหม รู้แต่ว่าสิ่งที่เรากำลังเสียน้ำตาให้ มันไม่ประโยชน์เลย มันไม่ประโยชน์เพราะต่อให้เราร้องไห้มากแค่ไหน ก็คงมีแต่เราเท่านั้นที่จ่อจมอยู่กับความทุกข์เพียงคนเดียวเท่านั้น

ทั้งๆที่มันก็ผ่านมานานแล้ว แต่ยิ่งนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทรมาน และทำให้เรารู้ว่า เราไม่มีวันลืมมันสักที

“ยิ่งไม่อยากเห็นยิ่งต้องดู ยิ่งไม่อยากรับรู้ยิ่งต้องจำ” นี่เป็นท่อนนึงของกลอนบทหนึ่งค่ะ อ่านแล้วก็จำได้เฉพาะท่อนนี้ อ่านออกมาแล้วก็มีแต่ตอกย้ำ คำนี้มักจะเป็นคำที่ตอกย้ำอยู่ในใจอยู่เสมอ

เมื่อใดก็ตามที่เกิดเรื่องขึ้น คำนี้ก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัว วนไปเวียนมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเดิม

เหนื่อยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตนี้ ยังมีโอกาสได้วิ่งตามความฝันอยู่ไหม หากมีแต่โอกาสได้วิ่งตาม แต่ไม่มีโอกาสสัมผัส มันจะต่างอะไรกับการอยู่เฉยๆ ยิ่งไปกว่านั้น การวิ่งตามก็ทำให้เหนื่อยมากยิ่งขึ้นไปด้วย

อยากหยุด แต่ก็คงไม่ได้ อยากไปจากตรงนี้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาส
การเกิดเป็นมนุษย์ คงไม่ยากเท่ากับการพยายามดำรงความเป็นมนุษย์ให้ได้นานที่สุด ว่าไหมค่ะ

มีความสุขทุกๆวันนะค่ะ
อากาศ
โดย: yonongi IP: 203.144.211.242 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:10:25:11 น.
  
บางทีเราก็คิดอย่างนั้น
แต่ก็อีกหลายๆครั้งมันก็เห็นว่าไอ้ที่เราได้พบระหว่างทาง มันก็กลายมาเป็นคำตอบของคำถามหลายๆอย่างในชีวิตเฉยเลย

บางทีก็เสียดายที่วิ่งมาทางนี้ แต่หลายๆทีก็ไม่ค่อยเสียดาย ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ก็เอาเป็นว่า การได้มีโอกาสวิ่งตามความฝัน มันก็ดีกว่าการอยู่เฉยๆแน่ล่ะ เพราะมันจะนำเราไปพบกับอะไรบางอย่างที่บางทีเราไม่ได้คิดมาก่อนว่าเราจะได้เจอ
โดย: gluhp IP: 203.146.136.113 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:15:26:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gluhp.BlogGang.com

gluhp
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]

บทความทั้งหมด