up blog ฆ่าเวลา
เป็นหัวข้อที่แย่จริงๆเลย
"ฆ่าเวลา"...เวลาทำอะไรผิดถึงต้องฆ่ามัน
ว่ากันว่า คนเรามีชีวิตอยู่โดยประมาณ
ก็แค่ 30,000 วัน ไม่ก็น้อยกว่านั้น
การฆ่าเวลามันดูเป็นการกระทำที่โง่เขลาจริงๆ
พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
...ผมเป็นคนที่ไม่ฆ่าเวลา แต่เป็นคนจัดการเวลา...
เอาเถอะ วันหลังจะพยายามไม่ฆ่าเวลาอีกก็แล้วกัน
ช่วยไม่ได้ที่เรามาประชุมตรงเวลา
แต่คนอื่นมาสายไปแล้วครึ่งชั่วโมง
ประมาณ 5 โมงกว่าๆ
เราเดินอยู่ในสุขุมวิทซอย 31
หูก็ฟังวิทยุคลื่นเดิม คลื่นประจำ 106.5
ฟังเสียงพี่อ้อย ดีเจนภาพร ผู้น่ารัก
พี่อ้อยเล่าให้ฟังว่า...
ได้รับ sms จากผู้ฟังว่า กำลังเหนื่อยเหลือเกิน
พี่อ้อยบอกว่า...
ในยามที่เราเหนื่อย ท้อแท้ แต่ต้องทำตัวเข้มแข็ง
ในยามที่เราไม่เก่ง แต่ต้องทำตัวเป็นเก่ง
มันเหน็ดเหนื่อยจริงๆ...ใช่ เราเองก็รู้ดี
แต่พี่อ้อยคะ ถึงจะรู้ว่าทำเช่นนั้นมันเหนื่อย
แต่ที่พี่อ้อยให้วาง ให้นอนพักลงก่อน
แล้วหน้าที่การงาน และสังคมที่เรามี่ชีวิตอยู่
มันไม่อนุญาตให้เราได้พักเช่นนั้นนี่คะ
หลายครั้ง การทำตัวเป็นเก่ง
มันคือการรักษาหน้า รักษาสถานภาพบางประการ
และในบางครั้งของหลายๆครั้งนั้น
มันคือหน้าที่ที่กำหนดให้เราต้องทำตัวเป็นเก่ง
พี่อ้อยคะ
มันเป็นไปได้หรือว่าในสังคมปัจจุบัน
จะยอมให้เราแสดงความอ่อนแอออกมา
จะยอมเผยความบอบบางภายใน
ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งรอยยิ้ม
บางครั้งการทำเช่นนั้นแม้เพียงเสี้ยววินาที
ก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่า
ชีวิตในสังคมมันเหมือนกับ
การเลี้ยงตัวเองอยู่บนเส้นด้าย
ไม่มั่นคง แกว่งไกว
ความสงบ ความวางใจ ไม่เคยได้รับ
เพลงที่พี่อ้อยเปิด
แม้เคยได้ยิน แต่ก็ไม่รู้จักชื่อเพลง
รู้แต่ว่า...เค้าบอกว่าให้เรายิ้มให้ตัวเอง
ยิ้มให้กับความเจ็บช้ำ
ยิ้มรับความผิดหวัง
เราฟังเพลงไป เดินไป ยิ้มไป
เหมือนคนบ้า
แล้วตอนนี้ก็ยังยิ้ม
ยิ้ม
ยิ้ม
พี่อ้อยคะ
พี่อ้อยมักจะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าเสมอใช่มั้ยคะ
ยิ้มแล้วความสุขจะมาหา แต่ผมกลับเป็นคนที่
ไม่ค่อยจะยิ้มกับใครเท่าไหร่เลย...
บางครั้งการปล่อยวางก็ไม่ได้หมายความว่า
ละหรือเลิกทำ แต่หมายถึงปรับตัวให้สมารถ
ที่จะอยู่ร่วมได้โดยไม่ลำบากเกินไปนัก....
ถ้าสุดท้ายแล้วสู้ไม่ไหว ก็เดินหนีไปในหนทางอื่น
ชีวิตมีทางเดินเสมอ อยู่ที่ว่า เราเลือกที่จะก้าวต่อไปหรือไม่
เลือกที่จะสู้กับสิ่งที่เราไม่ต้องการหรือไม่....
ถ้าวันนี้เราผ่านมันไปได้ ก้าวต่อไปต้องมั่นคงกว่าเดิม