Sometimes you put walls up not to keep people out, but to see who cares enoughto break them down.
บางครั้งที่เราสร้างกำแพงขึ้นไว้สูงๆ รอบๆ ตัวนั้นไม่ได้หมายความว่า เรากันไม่ให้คนอื่นเข้ามาแต่เพื่อจะดูว่ามีใครแคร์เรามากพอที่จะพังกำแพงนั้นเข้ามารึเปล่า
เขาว่ากันว่า ประโยคนี้โสเครติสเป็นคนพูดไว้นะ แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ หลายครั้ง quote นี้เลยถูกลงนามไว้ว่า Anonymous แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราอยากจะพูดในวันนี้หรอก ใครจะเขียนก็ช่างมันเถอะ (จริงๆ ปกติเรื่องเครดิตเราไม่ช่างนะ แต่วันนี้ช่างมันก่อนแล้วกัน) ส่วนประโยคต่อไป..
But many times you see the walls up there and care enough to break them down, but then end up being pushed out and forever injured.
แต่หลายครั้งที่เราเห็นกำแพงสูงนั้น และก็แคร์คนที่อยู่ข้างในมากเพียงพอที่จะพังกำแพงนั้นเข้าไป แต่ก็ต้องลงเอยด้วยการถูกผลักไสออกมาและบาดเจ็บไปตลอดกาล
ประโยคหลังนี่รู้แน่นอนว่าใครพูด ..ตัวเราเองนี่แหละพูด เพราะมันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ความรักความแคร์ที่มากเกินไป โดยที่คนที่อยู่ข้างในเขาไม่ต้องการนั้น มันย้อนกลับมาทำร้ายเราครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งเขาทำสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกโดยที่เขาเองคงไม่ได้ตั้งใจ ว่า ..เอ็งไปเสือกเรื่องเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่สิ่งที่เราพยายามนั้นก็แค่ พยายามจะทำหน้าที่เพื่อนให้ดีที่สุด ให้เขารู้ว่าเราพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขานะ แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
เข้าใจว่าคนบางคนก็เซ็ท Private area ของตัวเองสูงมากเสียจนเราไม่กล้าที่จะล่วงล้ำเข้าไป ได้แต่ชะเง้อมองอย่างห่วงๆ แต่มันก็คนเดียวกันนี่แหละที่เคยพูดไว้ว่า อยากจะมีใครสักคนมองตาเขาลึกๆ เวลาที่เขาบอกว่าเขาโอเค แล้วบอกกับเขาว่า ..ฉันรู้ว่าแกไม่โอเค..
แล้วจุดที่พอดีมันอยู่ตรงไหนเหรอ ช่วยบอกทีเถอะ
ทำยังไงถึงจะทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเขาได้ หรือบางที มันอาจจะเป็นเพราะเคมีของเราไม่ตรงกันแล้วจริงๆ
เสียใจอยู่คนเดียวตลอดเลย
เคยอ่านบล็อกเรื่องโยคะที่อินเดีย เขียนได้น่าอ่านน่าติดตาม ไม่เขียนต่ออีกหรือคะ