โชคดีนะครับ
กับคำอวยพรยอดนิยมคำนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เราหวั่นไหวสะเทือนใจได้ขนาดนี้ กระนั้น ความหวั่นไหวก็หาใช่ความวาบหวาน ความสะเทือนใจ ก็ใช่ว่าคือความโศกเศร้า หากแต่ว่ามันเป็นความรู้สึกยินดีที่เจือไว้ด้วยความเห็นอกเห็นใจปะปนกันอยู่

บ่ายวันธรรมดาวันหนึ่ง บนถนนสุขุมวิท ถนนที่จอแจที่สุดในเมืองหลวง ทุกอย่างดำเนินไปบนความปกติของมัน เราก็ยังคงเดินอย่างรีบเร่ง สะพายเป้สีแสบใบเดิม กับ CD walk man ในรูหู ซึ่งกลบเสียงทุกอย่างในปฐพีได้อย่างชะงัด แต่สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอันทำให้วันนี้มีเรื่องมาเล่าก็คือ

ผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดูเป็นบุคคลประเภทที่มีฟุตบาทเป็นเตียงนอน ท้องฟ้าเป็นห่ม ควันจากท่อไอเสียเป็นพัดลม และเสียงรถราเป็นนาฬิกาปลุก เขานั่งอยู่หน้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์หรูหรา มีหมวกไหมพรมคลุมหน้า มีขันสีแดงรอเศษสตางค์ตั้งอยู่ แล้วก็นั่งเป่าขลุ่ย ใช่แล้ว เขาคือ วณิพก

อาจจะเรียกว่าความรู้สึกช้าก็ได้มั้ง ไม่ก็เป็นความรีบเร่งที่จะจ้ำเอาๆ หรือไม่ก็ CD Walkman ที่อัดแน่นอยู่เต็ม 2 รูหู ที่ทำให้ประสาทสั่งการช้าลงไปสัก 37% เลยไปจากจุดที่พี่วณิพกคนนั้นนั่งไปสัก 20 ก้าว เราก็คิดขึ้นมาได้ว่า ไหนๆเค้าก็เล่นแล้ว เราก็น่าจะฟังสักหน่อย ก็เลยดึง CD Walkman ออกจากรูหู แล้วก็รีบเดินย้อนกลับไปพร้อมๆกับควักสตางค์ออกมา

ริมถนนสุขุมวิท กับเสียงขลุ่ยหวานๆเล็กๆ ที่ทำท่าจะเบียดแทรกเสียงเครื่องยนต์ให้มากระทบกับกระดูกค้อน ทั่ง โกลนไม่ไหว หากกลับเข้ามากระเทือนในจิตใจเราอย่างจัง แล้วกระแทกความรู้สึกในอกให้หลุดออกมาเป็นคำว่า ถ้าที่นี่เป็นถนนในยุโรปนะ พี่จะต้องได้ตังค์เยอะแยะแน่ๆ แล้วเลื่อนขั้นตัวเองเป็นศิลปินคนหนึ่งทีเดียว แล้วพี่เค้าก็เงยหน้าขึ้นมามองเรา ซึ่งทำให้เราตกใจกลัวใบหน้าปุๆปะๆที่ซ่อนอยู่ในหมวกไอ้โม่งได้อยู่เหมือนกัน แต่แล้วเสี้ยววินาทีต่อมาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้านั้น แล้วก็พูดว่า ขอให้น้องโชคดีนะครับ

เท่านั้นแหละ เรารู้สึกว่าโชคดีทั้งหลายในโลกมันเดินพาเหรดยกขบวนแห่เข้ามาหา เพราะคำพูดนั้นมันออกมาจากผู้ที่ดูเหมือนว่าจะได้ประสบกับความโชคดีในชีวิตอยู่เพียงน้อยนิด แต่กลับมีใจอุตส่าห์คิดปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้พบกับความโชคดีนั้น เราเองนั้นก็ขนลุกไปทั้งตัวเลย ด้วยความรู้สึกซาบซ่าน ปีติ อิ่มๆยังไงบอกไม่ถูก

ตอนที่พี่เค้ายิ้มให้เรา เรารู้สึกว่าเรากำลังคุยอยู่กับเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง คนที่มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก มีความสามารถที่จะโต้ตอบพูดคุยกับใครๆได้ ผิดกับแวบแรกที่เราเองก็ยังโกรธตัวเองไม่หาย ที่นึกกลัวใบหน้าปุปะของเค้า

คิดแล้วใจมันกระหวัดไปถึง the Phantom of the Opera ได้อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน











Create Date : 09 ตุลาคม 2548
Last Update : 9 ตุลาคม 2548 9:31:48 น.
Counter : 1244 Pageviews.

4 comments
มื้อนี้เสี่ยอั๋นขอเลี้ยงเอง nokeja
(11 ม.ค. 2568 20:28:46 น.)
Fukuoka Dream Destination : Day 14 รถไฟ รถบัส เฟอร์รี่ ดั้นด้นจนพบเธอ "ไอโนะชิมะ" mariabamboo
(14 ม.ค. 2568 14:33:16 น.)
ไฮไลท์ บุนเดสลีก้า มึนเช่นกลัดบัค - บาเยิร์น มิวนิค nokeja
(12 ม.ค. 2568 11:41:09 น.)
BlogGang Popular Award ครั้งที่ 21 BlogGang.com
(6 ม.ค. 2568 10:13:44 น.)
  
เค้าก็คงไม่มีโอกาศได้ทำงานที่ดีๆเพราะรูปลักษณ์ภายนอกก็ได้ เพราะสังคมบ้านเราไม่เปิดรับก็น่าเห็นใจอะ แต่ก็ยังมีใจอวยพรให้คนอื่นโชคดี ดีจัง
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:7:34:40 น.
  
จังหวะพอดีเลยนะค่ะ

ที่วันนี้โอเล่เปิดเพลง

The Phantom of the

Opera

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:9:45:43 น.
  
อิอิ..งเข้ามาวก-วนเวียนอ่านเล่น นี่ใช่หรือเปล่าที่เขาบอกว่าคนเราดูกันที่จิตใจ ความคิดและความสามารถ ไม่ใช่หน้าตา ดีใจที่gluhp คิดได้นะเพื่อนจ๋า...ปล.เพลง นี้เพราะดี แต่เราชอบ all I ask of you มากกว่า...แป่ว
โดย: canon-phantom IP: 202.182.5.39 วันที่: 20 ตุลาคม 2548 เวลา:12:33:55 น.
  
แวะมาอ่านเรื่องที่น่าประทับใจแบบนี้ครับ

รอยยิ้มที่จริงใจนี่แหล่ะ สะกดได้ทุกสิ่ง
โดย: ผู้ชายชื่อต้น ผู้หญิงชื่อพิม IP: 58.8.8.56 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:14:47:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gluhp.BlogGang.com

gluhp
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]

บทความทั้งหมด