แตกกระจาย ต่อติด แตกกระจาย
เหมือนชีวิตที่แตกเป็นส่วนๆ
การทำงานเรียกร้องให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
ที่บ้านต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้
การเป็นนักเต้นกลับเรียกร้องฉันอีกอย่าง
และความเป็นครูทำให้ชีวิตฉันยิ่งแตกกระจาย
ฉันรวบรวมตัวเองไม่ได้ เหมือนเป็นพายุหมุน
รู้สึกว่าเป็นช่วงชีวิตที่จัดสมดุลชีวิตลำบากที่สุด
คงเป็นเพราะไม่เก่งเองแหละ
เวลาอย่างนี้ต้องการเพียงกำลังใจที่ "จับต้องได้"
ปีนี้ไม่ได้ตั้งใจไปงานหนังสือ
เป็นเพราะรู้ด้วยว่าไม่มีเวลาไป
แต่ในที่สุด วันนี้ก็ได้จากออฟฟิศก่อนครึ่งชั่วโมง
แล้วตรงดิ่งไปที่ศูนย์สิริกิติ์แบบไม่คิดอะไรมาก
วินาทีแรกที่ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณงาน
เหมือนพายุที่กำลังหมุนวนจนชีวิตแตกกระจายนั้น
หยุดลงอย่างฉับพลัน ทุกสิ่งทุกอย่างสงบนิ่ง
กลิ่น เสียง บรรยากาศ และทุกอย่างที่คุ้นเคย
ทำให้ทิ้งเรื่องต่างๆเอาไว้ตรงริมถนนอโศกข้างนอกนั่น
กระแสบางอย่างแล่นเข้ามาจับหัวใจ
แล้วกระซิบบอกตัวเองว่า ฉันมีความสุขจัง
โชคดีอยู่อย่าง ตรงที่หนังสือที่ตัวเองสนใจในช่วงนี้
เป็นหนังสือแนวลึกๆ ของบูธที่ผู้คนไม่มากมายถล่มทลาย
ทำให้ยังพอมีโอกาสซึมซับบรรยากาศ
อันน่าพึงใจในการซื้อหาหนังสือได้อยู่
แถมยังได้พบปะพูดคุยกับคนขาย ที่คุ้นหน้ากันอยู่หลายคน
ในขณะที่บางบูธ กลับพากันตะโกนลดราคาหนังสือ
ไม่ก็มีพนักงานบุกเข้ามาประชิดตัวผู้คนที่กำลังเดินอยู่
แล้วพยายามจะโฆษณา เรียกหาสมาชิก
ไม่แน่ใจว่า บูธเหล่านั้น เขาคิดว่าเขากำลังขายอะไรอยู่
คำว่าหนังสือ มีคุณค่าสำหรับตัวคนขายเหล่านั้นแค่ไหน
ก็คงไม่ว่าอะไรหรอก มันก็ไม่ผิดมั้ง
ก็แค่ตัวเองไม่ชอบ ไม่สำคัญอะไรนัก
เดินๆดูหนังสือหลายๆบูธ
เออหนอ มันก็สะท้อนสังคมได้ดีเสียจริงๆ
ขอบคุณงานหนังสือจริงๆนะ
วันนี้พายุสงบลงไปได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ
ก่อนจะกลับมาพัดหมุนวนต่ออีกรอบ เมื่อเท้าก้าวเข้าบ้าน
แล้วฉันก็ชอนไชเข้าไปซ่อนตัวในหนังสือที่ซื้อมานั่นเอง
ป.ล. วันนี้หกล้มข้อเท้าพลิก เจ็บมาก (กระโปรงเปิดด้วย ><)
ป.ล.2 อยากใช้เป็นข้ออ้างไม่ไปสอนเด็กพรุ่งนี้จัง
ป.ล.3 ฉันก็ไม่ใช่ครูที่ดีเท่าไหร่หรอก ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลย
เพราะพายุจะหมุนวนรุนแรงอีกครั้ง