รักนะ ผ้าผืนนี้เนี่ย
ไม่แปลกที่เราจะมีสิ่งของที่เราใช้บ่อยๆ
จนเกิดทั้งความเคยคุ้น และความผูกพัน
ยิ่งกับเด็กนี่ยิ่งเห็นได้ชัด เกือบทุกคนจะมี น้องเน่า ของตัวเอง
อืม...หมายถึงตุ๊กตาตัวก๊าวววว...เก่า ที่ต้องนอนด้วยกันทุกคืน
จนเปื่อยนิ่มเพราะน้ำลายหกซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นแหละ
บางทีอาจจะเป็นหมอนเล็กๆ หรือผ้าห่มผืนน้อย
ที่ทั้งรัก ทั้งติด และยังไงๆ ก็ไม่ยอมทิ้งแม้ตัวจะโตเลยผ้าห่มไปแล้ว
จนแม่แอบเอาไปบริจาคนั่นแหละ ถึงลืมมันไปได้ในที่สุด
ใครจะไปคิดว่าจนป่านนี้แล้ว นิสัยนี้ก็ยังแก้ไม่หาย
แถมเพิ่งจะรู้ตัวเอาเร็วๆ นี้เองอีกตะหาก
มันคือผ้าคลุมสีม่วงที่ใช้บ่อยจนมันเปื่อยนิ่มโดยที่น้ำลายไม่ต้องหกใส่
เป็นของฝากจากทะเลเมื่อสัก ...อืม... เกือบๆ 6 ปีที่แล้วได้มั้ง
ด้วยความที่มันเป็นผ้าน้ำหนักเบา เนื้อบางๆ
ขยำเป็นก้อนเล็กๆ โยนใส่กระเป๋าได้สบายๆ
เลยพกพาไปไหนมาไหนด้วยตลอด
แล้วก็ใช้มันกันหนาว กันลม กันฝุ่น กันโป๊ เป็นผ้าเช็ดหน้าตอนร้องไห้ได้อีก
เคยใช้รีดอากาศตอนแปะแผ่นสติกเกอร์ด้วย (คนให้นั่นแหละเอาไปใช้)
แถมยังเคยเอาไปเช็ดตัวให้หมายักษ์เปียกฝนที่นอนหนาวด้วยอีกตะหาก
เคราะห์ดีที่มีคนใจดีช่วยซักคืนให้จนหอม... กว่าเดิมหลายเท่าตัว
(ขอขอบคุณอีกครั้งมา ณ ทีนี้ด้วย)
แน่นอนว่าซักบ้างเป็นบางโอกาส แต่ก็ไม่บ่อยนัก
เพราะทุกครั้งที่ซัก ก็ต้องเอาผ้าผืนอื่นมาใช้
แต่มันไม่ถนัดเท่าไหร่ เนื้อผ้ามันไม่นิ่มเท่า
ขนาดมันไม่พอดี สีมันไม่ถูกใจ และอื่นๆ อีกมากมายเหตุผล
ก็เข้าใจว่า มันเป็นเพราะเราชอบผ้าผืนนี้ ก็เท่านั้นเอง
แต่เพิ่งมารู้สึกเอาชัดๆ เมื่อคืนนี้เอง ...เผอิญเกิดเรื่อง...
ตกตะลึงใหญ่หลวง ช็อคไปไม่น้อย กับข่าวร้ายที่ได้รับกลางดึก
ถึงได้พบว่า ตัวเองกำลังควานหาผ้าสีม่วงผืนนี้อยู่จากในกระเป๋า
อากาศไม่ได้หนาวเลย แต่เราซุกตัวเองอยู่ในผ้าที่ตวัดห่มคลุม
และก็คงจะผล็อยหลับไปตอนเกือบเช้า
ก่อนจะตื่นขึ้นมาพบว่าเราหลับไปกับผ้าสีม่วงเต็มอ้อมกอด
มันคือช่วงเวลาที่ถ้าอยากให้ใครสักคนมากอดเราแน่นๆ
และก็ผ้าผืนนี้แหละ ที่ราวกับกอดหัวใจเราไว้จนอบอุ่น
ใช้จนติดแล้วล่ะ
รักมากนะ ผ้าเนี่ย
ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว