ฉันก็รู้นะว่าคุณก็เหนื่อย
เราต่างก็เหนื่อยกันทั้งนั้น
เหนื่อยที่เราพยายามทำตัวให้มีคุณค่า
แล้วเหนื่อยยิ่งกว่าเวลามันไม่มีค่าอย่างที่หวัง
เลยมีหลายต่อหลายครั้งที่ไม่ได้เหนื่อยกาย
แต่ใจสิ เหนื่อยทีไร กลายเป็นคนขี้บ่นทุกที
เมื่อคืนเหนื่อยมากๆ ทั้งกายทั้งใจ
เปิดประตูออกไปยืนตรงระเบียง
ขอเสพความสุขกับความมืดรอบๆตัว
หวังให้ลมพัดเอาความเครียดไปกับมันด้วย
ทำไมต้องเครียด นั่นสิ ถามใครล่ะ
ไม่รู้สินะ
ได้ยินเสียงกระซิบจากต้นไม้
...พรุ่งนี้อย่าลืมรดน้ำฉันนะ...
ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง...บ้าเปล่าวะเรา
เงยหน้ามองฟ้า พระจันทร์ไม่มา
หายไปไหนหนอ
เหนื่อยและล้า มากมาย
ทำไมไม่เอนกายลงนอนฝัน
ณ ที่แห่งนี้อุ่นไอละอองจันทร์
ในความเงียบ เสียงทุกข์จะนิ่งงัน แสนไกล
มองสิ ท้องฟ้ายามค่ำ
นั่นแสงดาวเริงระบำกลางผ้าผืนใหญ่
จัดแสงแสดงฉาก หากไร้สำเนียงใด
เพียงความงามบรรเลงในหัวใจ แทนเสียงดนตรี
แล้วหลับตาเถิด แค่หลับตา
สายลมจะพาสู่ฝันหลากสี
ให้ฟ้าห่มคลุมจากทุกข์ที่มี
ระยะทางเท่านี้ ห่างเพียงเปลือกตา
แล้วเที่ยวเล่นในฝันเสียให้พอ
เพื่อเก็บความสุขมาก่อกำแพงหนาๆ
เผื่อไว้ตอนเช้า ตื่นมาในเรื่องจริงอีกครา
เจ้ากำแพงที่ว่า จะกันท่าความทุกข์เอาไว้
ความจริงความฝันที่ทับซ้อน
เพียงเอนตัวลงนอนยามอ่อนไหว
หากเหนื่อยนักกับความจริงที่เป็นไป
หลับตาสิ "ปล่อย" หัวใจ...
...ให้พ้นไป...."จาก ค ว า ม จ ริ ง"