ความเจ็บ กับความว้าเหว่ ... ที่เราร้องไห้ เพราะอะไรกันแน่
เพิ่งอัพบล็อกไปเมื่อตอนหัวค่ำ
ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดเรื่อง
ทั้งเจ็บ ทั้งหนาว ทั้งกลัว
ได้แต่แอบร้องไห้อยู่เงียบๆ
ทั้งๆทีคนเต็มห้อง สัก 20 ชีวิตได้มั้ง
แต่เรากลับรู้สึกว้าเหว่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเกิดเป็นคนอื่น
ไม่ใช่เราที่ต้องมานอนอยู่ตรงนี้
คนที่รอเขาอยู่หน้าห้อง ก็คงจะอุ้มขึ้นรถกลับบ้านไปแล้ว
ชีวิตนี้เกิดมาข้อเท้าพลิกนับครั้งไม่ถ้วน
แล้วยังเจาะจงต้องพลิกแต่ข้างขวาข้างเดียว
แต่ว่าแต่ละครั้งนั้นก็ไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่ พลิกจนชิน
เคยมีหนักๆอยู่ 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ครั้งแรกนั้น นับได้ว่าเป็นการเปิดศักราชการข้อเท้าพลิกเลย
เพราะหลังจากพลิกครั้งนั้น ก็เท่ากับข้อเท้าอ่อนแอไปโดยปริยาย
ตอนนั้นอยู่ป.1 เองมั้ง วิ่งเล่นที่ศูนย์วัฒนธรรม
แล้วทำอีท่าไหนไม่รู้ จำไม่ได้ กลิ้งหลุนๆๆๆ ไปแล้ว
จำได้อย่างเดียวว่า ตอนนั้นลืมร้องไห้ ทั้งๆที่มีสิทธิเต็มที่
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นที่ค่ายวงโยธวาทิต ที่จันทบุรี
ตอนนั้นต้องกระโดดลงมาบนขาขวา ก็พลิกท่านั้นแหละ
เจ็บชิบเป๋ง จำได้เลย แต่ก็ยังพอจะโขยกเขยกมาหาครูไหว
ครูก็เอาน้ำแข็งพันข้อเท้าให้ เหมือนวันนี้ไม่มีผิด
แต่ว่าวันนั้นมันไม่ว้าเหว่อย่างวันนี้
วันนั้นมีเพื่อน มีครู มีความรักรอบๆตัว
วันนี้ก็มี เพียงแต่ว่าเหมือนใจมันต้องการมากกว่าเดิม
จริงหรือเปล่าที่ชีวิตเราไม่ได้ต้องการใคร
จริงหรือเปล่าที่เฝ้าบอกใครต่อใครว่าเราอยู่คนเดียวได้
ที่ทำเป็นเข้มแข็งน่ะ เข้มแข็งจริงหรือเปล่า
ถ้าจริง ทำไมต้องนอนร้องไห้อยู่ใต้ผ้าที่หยิบมาคลุมหน้า
ถ้าจริงทำไมถึงมัวแต่คิดว่าถ้าหากมีใครรอเราอยู่ข้างนอก
เขาก็คงจะพาเรากลับบ้าน เขาก็คงจะมีไหล่ให้เราเกาะ
เขาก็คงจะนั่งอยู่กับเรา และไม่ปล่อยเราให้ร้องไห้คนเดียว
นี่เราไม่มีใครเลยสักคน ไม่มีใครรออยู่ข้างนอกทั้งนั้น
เราไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว มันแย่จัง
วันนี้อ่อนแอที่สุดเลย อ่อนแอทั้งกายและใจ
กังวลและกลัวไปสารพัด ไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน
แต่ถ้าเทียบกับใครหลายๆคน เรื่องแค่นี้ก็ขี้ปะติ๋ว
เพียงแต่ว่ามันเจ็บ เจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา
น้ำแข็งที่พี่สาวคนหนึ่งพันข้อเท้าให้ ทำเอาหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
ทั้งเจ็บ ทั้งกลัว ทั้งหนาว ทั้งเหงา
นี่เราอ่อนแอจริงๆนะเนี่ยเจ็บคราวนี้
รู้สึกหมดแรงจะดูแลตัวเอง
ได้แต่แอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าเหม็นๆผืนนั้น
เจ็บ...มาก
แล้วก็จะผ่านมันไปได้
หายไวๆ นะคะ