บล๊อกหุ้นสำหรับคนเล่นหุ้น แนวโน้มขึ้นให้ซื้อแนวโน้มลงให้ขายเล่นง่ายๆสไตล์ลุยเดียว ถ้าคุณสนใจเก็งกำไรหุ้นและทอง หาจังหวะซื้อ-ขายการทำกำไรคาดการณ์แนวโน้มทิศทางตลาด ตะลุยหุ้นไปกับลุยเดี่ยว โทร 083-883-4707.... Luydrew@hotmail.com คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าคุณมีวินัยและการวางแผนที่ดี โอกาสย่อมเป็นของคุณ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
เล่น ck เพราะมันจะขึ้น



//www.kasetsomboon.org/th/joomla-license/2009-05-24-10-30-14/2009-06-06-21-32-08/522-2011-04-30-19-03-20.html


เรื่องตดในห้อง

//www.unigang.com/Article/360

.....................

เหตุผลที่เราควรรักแม่ มากกว่าแฟน ..

แม่. . . ไม่เคยหลอกให้เราหลงรัก
เพราะเราเต็มใจรักแม่ โดยไม่ต้องหลง
...
แม่. . . อาจเคยตีเราให้เจ็บ แต่ไม่เคยทำให้เราเจ็บหัวใจ
แม่. . . ส่งเสียเรา แต่เราต้องส่งเสียแฟน

...
แม่. . . ไม่เคยบอกเลิก
แม่. . . เป็นแบงค์ส่วนตัวที่เวลากู้ไม่เคยคิดดอกเบี้ย
และไม่ค่อยทวงคืน
...
แม่. . . เห็นเราเดินแก้ผ้าตั้งแต่เล็ก โดยไม่เคยติเรื่องรูปร่าง
แม่. . . เป็นคนที่เห็นเราดีกว่า แฟนของแม่เสมอ
ขอหอมแม่ไม่ยากเท่าขอหอมแฟน

...
แม่. . . ยอมตัดสะดือตัวเองเพื่อให้เราเกิดมา
แม่. . . สอนให้เราพูดได้ เพื่อจะไปบอกรักแฟนตอนโต
แม่. . . ยอมเป็นยายอ้วนลงพุงตั้ง 9 เดือน
เพื่อให้เราอาศัยอยู่ข้างใน
...

และในประเทศนี้ไม่มี . . . “วันแฟนแห่งชาติ”
เหมือนวันแม่ใช่มั้ย
...
รู้ว่าความรักของแม่ ยิ่งใหญ่กว่าแฟนแล้ว. . .
พรุ่งนี้!! คุณอยากบอกแม่ว่าอะไรดี. . .?

...
อย่ารอโอกาส หรือรอเวลาบอกรักแม่เฉพาะ “วันแม่” เท่านั้น
. . .เพราะวันเวลาอาจทำให้คุณ . . . ไม่มีโอกาสบอกรักแม่ก็เป็นได้



พี่น้องครับช่วงนี้ลุยเดี่ยวเขียนช้านะครับกว่าจะส่งสำหรับพวกอ่านในพันทิพย์จะช้ากว่าเวลามากถ้าจะอ่านเเบบเร็วให้เข้าไปบล๊อกตรงของลุยเดี่ยวเลยนะจะได้อ่านก่อนตลาดเปิดสิบโมงครับ คลิกตัวนี้ครับ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nantapongtom&group=1&month=03-2012&date=31

หรือฝากข้อความไว้ที่

//www.facebook.com/profile.php?id=100002782555913&ref=tn_tnmn#!/profile.php?id=100002782555913

แต่ถ้ารอของพันทิพย์กว่าจะไหลมาบางทีสิบเอ็ดโมงยังไม่ได้อ่านเลย สำหรับคำถามถามมาลุยเดี่ยวพยายามจะเขียนตอบให้เลยถ้าเห็นนะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกก็อ่านได้ครับ

คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ความเห็นในบล็อกนี้เป็นความเห็นส่วนตัวลุยเดี่ยวไม่ขอรับผิดชอบความเสียหายใดๆจากบทความนี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาใช้ข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน โชดดีนะครับพีน้อง




วันผู้ให้กําเนิด


“วันเกิดลูกคล้ายวันตายแม่……..”ไม่สิลุยเดี่ยวว่าเรา……….ควรเรียกวันผู้ให้กําเนิดจะถูกกว่า” การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สัตว์ประเสริฐบนโลกใบนี้ นับว่าเป็นบุญมากมายแล้ว ในขณะที่หลายๆชีวิตไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดบ้าง และยิ่งเราได้เติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น นับว่าเป็นความสุขที่แม้มีเงินมากเท่าไร ก็ไม่สามารถซื้อความสุขเช่นนี้ได้

ลุยเดี่ยวจำได้ว่า42 ปีที่แล้ว หญิงวัยกลางคนได้ให้กําเนิด ลูกชาย และแน่นอน เธอมีความเจ็บปวดเหมือนแม่ทั่วๆไป ฟังแล้วกลัวเลยสิท่า

ก่อนถึงวันคลอด เด็กคนนี้(ลุยเดี่ยว) ทําให้แม่เจ็บปวดมากเพราะร่ำว่าจะออกจากท้อง พอไปถึงโรงพยาบาลกลับไม่มีอาการ พอกลับบ้านมีอาการอีก คุณหมอเห็นว่าจะเป็นอันตรายจึงให้หญิงคนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งถึงกําหนดคลอด ประเภทยึกยักออกไม่ออกดีไม่ออกดี

เมื่อคลอดแล้ว เด็กคนนี้ต้องเข้าตู้อบ  โดยคุณหมอบอกหญิงคนนั้นและคู่ชีวิตของเธอว่าให้ทําใจไว้เพราะลูกชายอาจจะไม่รอดน่าเศร้าครับ แต่.....

โชดดีของเค้าในที่สุดเด็กคนนั้นก็อยู่รอดปลอดภัย ตามปกติเด็กที่คลอดก่อนกําหนดหากไม่เอ๋อ ก็ฉลาดแบบเด็กอัจฉริยะไปเลย โชคดีที่เด็กคนนั้นปกติเหมือนทุกๆคน แม้จะเข้าใจในบทเรียน ช้ากว่าเพื่อนๆบางคนบ้าง ก็ยังดี

ในขณะที่วันเกิดของวัยรุ่นส่วนใหญ่ทั่วไป ลุยเดี่ยวเห็นมักจะไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ(ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอกครับแต่บังเอิญลุยเดี่ยวคิดว่าคุณควรคิดถึงตอนอยู่ในท้องแม่พ่วงไปด้วย) แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะฉลองวันเกิดกับครอบครัวดังเช่นเด็กอีกหลายๆคน เพราะเขานึกเสมอว่า ชีวิตนี้ ที่เติบโตมา ที่ได้สนุกสนานในสิ่งที่ชอบ หากไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้เกิดเป็นลูกใคร บุญคุณที่เลี้ยงดูมาจนเติบโต ช่างยิ่งใหญ่นัก ชีวิตนี้จึงไม่ใช่ของเขาเพียงอย่างเดียวหากแต่เป็นของพ่อและแม่ด้วย น่าทึ่งจังกับความคิดเช่นนี้ครับลุยเดี่ยวศิโรราบ

อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะมาถึงวันครบรอบวันเกิดของเขา(ไม่ซิ วันผู้ให้กําเนิดดีกว่า ลุยเดี่ยวคิดนะ) ซึ่งก็จะมีอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี ไม่ว่าชีวิตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สําคัญเท่า การตอบแทนบุญคุณของผู้ให้กําเนิดให้มากที่สุด ดังเช่น บุตรที่ดีควรกระทํา คุณว่าลุยเดี่ยวคิดถูกไหม

..................................................
เรื่องของแม่

//www.dek-d.com/content/print.php?id=21427
...............................
เรารักแม่
ถ้ามีใครสักคนที่อดทนทุกเวลา
พร้อมยอมเหนื่อยล้าเพื่อเราโดยไม่เกรง
ถ้ามีใครสักคนที่ยอมรับความเจ็บไว้เอง
คิดถึงตัวเองไม่เท่าเรา

ถ้ามีใครสักคนที่ตีเราทั้งน้ำตา
แล้วก็เป็นคนที่ทายาให้เรา
ถ้ามีใครสักคนที่คอยเช็ดตัวให้ทุเลา
ค่ำคืนที่เราไม่สบาย

ร้อยล้านความผิดของเราที่ใครเค้าไม่ใยดี
มีคนๆ นี้คนเดียวที่ให้อภัย
ปากบ่นว่าแสนระอา ว่าเราไม่ดีเท่าใคร
แต่ในใจก็รักไม่เปลี่ยน

อยากขอบคุณฟ้า ให้เรามาเป็๋นลูกแม่
รักดีดี รักไม่มีแต่ ไม่เคยได้รับจากใคร
มีเพียงคนนี้ ชีวิตก็วางให้ได้
คำเล็กๆ ที่ไม่ยิ่งใหญ่
อยากบอกด้วยหัวใจ เรารักแม่

ถ้ามีใครสักคนห่วงกังวลทุกนาที
แม้เราวันนี้เติบโตสักเท่าใด
ถ้ามีใครสักคนแอบไปร้องไห้อย่างน้อยใจ
เมื่อเราทำเป็นเหมือนรำคาญ

ร้อยล้านความผิดของเราที่ใครเค้าไม่ใยดี
มีคนๆ นี้คนเดียวที่ให้อภัย
ปากบ่นว่าแสนระอา ว่าเราไม่ดีเท่าใคร
แต่ในใจก็รักไม่เปลี่ยน

อยากขอบคุณฟ้า ให้เรามาเป็๋นลูกแม่
รักดีดี รักไม่มีแต่ ไม่เคยได้รับจากใคร
มีเพียงคนนี้ ชีวิตก็วางให้ได้
คำเล็กๆ ที่ไม่ยิ่งใหญ่
อยากบอกด้วยหัวใจ เรารักแม่

อยากขอบคุณฟ้า ให้เรามาเป็๋นลูกแม่
รักดีดี รักไม่มีแต่ ไม่เคยได้รับจากใคร
มีเพียงคนนี้ ชีวิตก็วางให้ได้
คำเล็กๆที่ไม่ยิ่งใหญ่
อยากบอกด้วยหัวใจ

บอกกับฟ้าไม่ว่าชาติใด
ขอเป็นลูกแม่ได้ไหม ทุกชาติเลย

........................



อยากจะมอบเรื่องนี้ ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิด..ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน เป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวน ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ไปร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำ แม้ผมจะเติบกล้า เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้ เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ ที่อยู่บ้านเดิม ก็เริ่มแก่ตัวลงด้วย ผมทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกัน ทางจดหมาย โชคดี ต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง
ทุกครั้ง แม่ก็จะคอยเตือน ให้ระวังสุขภาพของตัวเอง
ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง ยิ่งพูด ก็ยิ่งซ้ำๆ ซากๆ ผมรู้ดีว่า แม่เริ่มคิดถึงผมมาก
จนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 ผมจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ โดยตั้งใจว่า..จะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขออยู่เป็นเพื่อนแม่ เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัว ในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของผม

แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหาร ที่ผมชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ผมเคยชอบห่ม มาปะชุนใหม่ สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้..ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ตอนอยู่บนเครื่องบิน.ตั้งใจไว้ว่าพอกลับถึงบ้าน จะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือน แม่คนก่อนหน้านี้เลย แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมง เตรียมอาหารที่ผมเคยชอบ โดยที่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ ผมไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจาน ก็เค็มจัด บางจาน ก็จืดสนิท ผ้าห่ม ที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนา ทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ ผมนอนห้องแอร์ และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่ผมก็ไม่บ่นอะไร เพราะผมตั้งใจจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่จริงๆ
2-3 วันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่น สอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อน ก็เคยพูดแล้ว พอผมบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม
เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ ไปกินข้าวนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอก ไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ
เมื่อผมบอกแม่ว่า จะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก
พอผมจะออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย
พอพวกเรา เริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่า พวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่ อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า“แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆ บ้าง”


ช่วงครึ่งเดือนหลัง ที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่ มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
ได้เวลาที่ ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้น เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ ที่แม่ตัดเก็บไว้ ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ เมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้ง ที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมือง ต้องระวังตัวให้มากๆ
ครั้งหนึ่ง มีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมากถามเพื่อนบ้านว่า จะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้น ผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมา อย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผม เหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่า แม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้า ก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้
ทันใดนั้น มีข่าวแผ่นหนึ่ง ปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ”แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัว..ไปทำกับข้าวทันที
ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง” ตัดจากหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่..ผมเริ่มเถียงกับแม่..ถี่มากขึ้นทุกที
บทความนั้น คัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโกฉบับเดือนพฤศจิกายน
ผมอ่านบทความนั้น..รวดเดียวจบทันที
“เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉัน เพิ่มขึ้นอีกสักนิด
ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า
ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเบื่อ ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน
ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆ ซากๆ จนเธอหลับเลย
ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ
ฉันต้องทั้งออด ทั้งปลอบ เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม “ทำไม ทำไม”
ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม
ตอนฉันเหนื่อยล้า จนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอ ออกมาช่วยพยุงฉัน
เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดิน ในตอนที่เธอยังเล็กๆ
หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด
ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไร ไม่สำคัญหรอก
ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว
ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ ตอนนั้น ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
ตอนนี้ ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉัน เดินไปให้สุดเส้นทาง ให้ความรักและอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ ในรอยยิ้มของฉัน มีแต่ความรัก อันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉัน ที่มีให้กับเธอ”
ผมอ่านบทความนั้น..รวดเดียวจบ เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้น แม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรก แม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้
หลังจากผมกลับไปแล้ว จึงคะยั้นคะยอ ให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป
ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมาก เหมือนกับว่า หนังสือพิมพ์เหล่านั้น เป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่ อีกครั้งหนึ่ง แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยทีเดียว หนังสือพิมพ์ ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ “เมื่อฉันแก่ตัวลง” บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ
เอาไว้ข้างตัวผมตลอดไป
ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ ให้กับลูกพเนจรทั้งหลาย ตอนปีใหม่ โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่า ..
คุณอยากกินอาหาร..ที่ท่านทำเสมอ

โดย: การเปิดใจไม่จำเป็นต้องเปิดปากเ [14 ส.ค. 50 20:12] ( IP A:61.6.206.28 X: )





เรื่องที่ 4

แตกต่างกันมั๊ยเรื่องขี้ลืมกับลืมขี้ มีชายคนหนึ่งเป็นคนขี้ลืม ขี้ลืมจริงๆ เรื่องอะไรจำได้ประเดี๋ยวเดียว แล้วก็ลืมหมดเขาจะทำอะไรไม่ได้เลย วันหนึ่งชายขี้ลืมคนนี้ถือมีดเข้าไปในป่าเพื่อจะไปตัดต้นไม้ เดินทางไปได้สักพักหนึ่ง เกิดปวดอุจจาระ จึงเอามีดฟัดติดกับต้นไม้ไว้ แล้วก็หาที่หลบไปถ่ายอุจจาระ พอถ่ายอุจจาระเสร็จก็เดินออกมา เห็นมีดเล่มหนึ่งอยู่ที่ต้นไม้ เขาลืมไปว่าเป็นมีดของตัวเอง เขาดีใจมากจึงรีบวิ่งไปคว้ามีดมาถือไว้ แล้วจับมีดชูขึ้นพลางเต้นไปรอบๆ แล้วพูดว่า “วันนี้โชคดีแต่เช้าเลยมีดของใครก็ไม่รู้ยังใหม่อยู่ ลับเอาไว้คมกริบทีเดียวเจ้าของมีดนี้แย่มาก ของดีๆ อย่างนี้มาลืมไว้ได้ อ้ายคนไม่รู้จักรักษาของ คนอย่างนี้ทำมาหากิน อะไรมีแต่จะล่มจม” เผอิญเขาเดินไปเหยียบเอาอุจจาระที่ตนเองถ่ายไว้เมื่อครู่นี้เข้า ลืมว่าเป็นของตัวเองจึงตะโกนด่าขึ้นว่า

“อ้ายคนอุบาทว์ที่ไหนมาถ่ายไว้ได้ ที่ทั้งป่ากว้างใหญ่มาทำโสโครก เอาไว้ตรงนี้เอง อ้ายมนุษย์อัปรีย์”

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

ขึ้นชื่อว่าคนขี้ลืมแล้ว มักจะลืมได้ทุกอย่าง ฉะนั้นจงทำอะไรด้วยความมีสติเสมอ

....................................





บันได10 ขั้นของนักดื่ม



นอกจากเหล้า มิ๊กเซอร์ และกับแกล้มแล้ว ในวงเหล้ายังมีเรื่องสนทนาต่างๆ ที่ขาดเสียมิได้ หรืออาการต่างๆ ที่มักเห็นกันเป็นประจำ แต่คุณไม่ทันสังเกต วันนี้เราเลยมี 10 อย่างที่คุณมักทำในวงเหล้ามาให้อ่านกัน และเราเชื่อว่า..ตัวคุณต้องมีสักข้อในนี้แหละ


1.ท้าดวลเหล้า
ทุกวงต้องมีกันบ้าง “เฮ้ย!! หมดแก้วเลย กล้าเปล่า” แรกก็ท้ากันไปท้ากันมา หลังๆเริ่มไม่ไหว ก็ต้องเช็กกันหน่อย เพื่อความยุติธรรมขอชิมเหล้าของเพื่อนว่ามันผสมเข้มเท่าของเราหรือเปล่า


2.เริ่มขยับอยู่ไม่นิ่ง
พอกลึ่มๆได้ที่แล้วอวัยะแต่่ละส่วนก็เริ่มขยับจากน้อยๆ ไปหามาก เท้่าเริ่มกระดิก หัวเริ่มส่ายตามจังหวะเพลง สายตาเริ่มทำงานหนักขึ้น เหล่โต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ที


3.คุยเรื่องสาวๆ หรือหนุ่ม
เมื่อเห็นสาวขาว สวย หมวย เซ็กส์ หรือหนุ่มหล่อ ขาว กล้ามเป็นมัดๆ ก็จะจ้องตาเป็นมัน แล้วมานินทากับเพื่อน แต่..ถ้าสาวหรือหนุ่ม หน้าตาตรงกันข้ามกับคำว่าดี หรือใส่เื้สื้อผ้าไม่เข้ากับหุ่น ก็จะจ้องตาเป็นมัน แล้วก็มานินทากับเพื่อนๆเหมือนเดิม


4.ถากถาง
รสชาติที่ขาดไม่ได้ทีเดียวในวงเหล้า ไอ้เรื่องที่ไม่ผิด ก็ทำให้ผิดได้ อาการเมาเร็วไม่หนักหัวใคร ก็มาหนักหัวเพื่อนคุณได้ และถ้าคุณเมาจนอ้วกละก็ รับรอง มีเรื่องเมาท์กันอีกนาน


5.แซว/หลีแฟนเพื่อน
ประมาณว่า “ความร้าวฉานคืองานของเรา” หรือออกแนวหมาหยอกไก่ ทำเป็นเรียบๆ เคียง แซวนั้น แซวนี่ไปเรื่อยเปื่อย แกล้งเรียกชื่อแฟนเพื่อนผิดบ้าง หรือถามเพื่อนว่า “ครั้งที่แล้วไม่ใช่คนนี้นี่” แต่ถ้าแฟนตัวเองโดนเพื่อนในวงหลีหรือแซ;หนักหน่อย ถึงหน้าตากำลังยิ้มแต่ในใจบอก “อย่าเอาแฟนก็มาแล้วกัน ทีข้าเอ็งอย่าโกรธ”


6.ปล่อยมุขตลกฝืด
ในวงเหล้าถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด สำหรับการปล่อยมุขที่ไม่ผ่านการคิดมาก่อน จำพวกมุขไม่ขำหรือมุขที่เข้าใจอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายจะกลายเป็นดี เพราะเพื่อนก็ขำในความฝืดของมุขคุณ..เอ้า..กล้าปล่อยก็กล้าขำ


7.เผาเพื่อน
การนินทาเป็นสิ่งไม่ดี แต่ในวงเหล้าคนที่เราไม่รู้จักยังนินทา แล้วนับอะไรกับเพื่อนๆ ที่รู้ใส้รู้พุงกันอยู่แล้ว เรื่องน่าอายของเพื่อนเป็นเรื่องสนุกที่สุดของเรา แต่ถ้าเป็นเรื่องของเราเองละก็ สารพัดจะแก้ตัว ทั้งน้ำขุ่นน้ำใส


8.เริ่มเงียบ
ไม่ใช่ว่าหมดเื่รื่องคุยหรือหมดมุข “แต่ไม่ไหวแล้ว เมามากกก” เอาแต่นั่งกุมหน้า หัวโยกสัปหงก เคารพกันไป

9.ไม่อยากกลับบ้าน
เมื่อเริ่มเข้าสู่อาการเมามาก ถึงแม้ผับจะเลิกแล้วก็ต้องไปหาที่กินต่อให้ได้ เดี๋ยวเมาไม่สุด แถมอาการเมาไม่อยากกลับบ้านของคุณต้องกลายเป็นภาระของเพื่อน ประมาณว่าถ้ากรูไม่กลับ เอ็งก็ต้องไม่กลับ


10.หลับคาโต๊ะ
ขั้นสูงสุดแห่งการเมาขั้นเทพ เพราะนอกจากตัวเองเมาสุดๆแล้ว ยังเป็นภาระหนักให้กับเพื่อนด้วย ยิ่งถ้าคุณอ้วนมาก ภาระของเพื่อนก็จะยิ่งมากขึ้นตามลำดับ
...............................




......................

ฮากันเข้าไป
ช : เราเข้ากันไม่ได้
ญ : ค่อยยัดทีละนิด

ใครติดฝนอยู่ให้เอามาคืนด้วย ฝนฝากมาทวง!!
ปวดฟันแต่ถอนไม่ได้ เพราะไม่เคยเอาไปฝาก!!


ไปโรงพยาบาลมา หมอจ่ายยารสน้ำมูกให้ไปทาน ใครจะไปกินว่ะ!!

ถ้าใครไปเที่ยว ก่อนกลับอย่าลืมแวะโรงพักถ่ายรูปหมู่

โลตัส มันจะให้บัตรกำนันมาทำไมว่ะ!
#ผู้ใหญ่บ้านบ่น

วิธีทอดปลาไม่ให้ติดกะทะคือ ทอดในหม้อ


ชาย 1: "แม่ยายผมนี่นางฟ้าชัดๆ!"
ชาย 2: "คุณนี่โชคดีชะมัด แม่ยายผมยังมีชีวิตอยู่เลย"

ไม่มีของสิ่งไหนแพง เพียงแค่เราเงินไม่ถึง ^^


A: ข้อสอบเป็นไงบ้าง
B: ง่ายกว่านี้มีอีกมั้ย
A: แสดงว่าทำได้ง่ายๆ
B: กูหมายถึงข้อสอบที่ง่ายกว่านี้มีอีกมั้ย!


ที่ใดมีลัก ที่นั่นมีคุก

ผู้ชายหน้าปลวก มักบอกตัวเองว่า หล่อ
ผู้ชายหน้าหล่อ มักบอกตัวเองว่า สวย
ไม่เท่าไหล่หรอก ไม่เท่าไหล่หรอกงานเนี้ย~

A: แฟนฉันเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์เลยล่ะ
B: อบอุ่น ให้แสงสว่างสินะ
A: เปล่า..มันอยู่กับกูแค่ตอนกลางวัน กลางคืนแม่งไปหาคนอื่น



ภรรยา : ฉันอยากเป็นหนังสือพิมพ์จัง เพื่อจะได้อยู่ในมือคุณทุกวัน
สามมี : ผมก็อยากให้คุณเป็นหนังสือพิมพ์เหมือนกัน เพราะจะได้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน


ภรรยา : หมอทำไงให้สามีดิฉันพักผ่อนเยอะๆ
หมอ : งั้นเอายานอนหลับไป
ภรรยา : แล้วต้องให้สามีดิฉันกินตอนไหน?
หมอ : ไม่ใช่ของสามี ยานี้สำหรับคุณ


พยาบาล: คุณคะ ตื่นได้แล้วค่ะ
คนไข้: (งัวเงียลืมตา) มีไรหรอครับคุณพยาบาล
พยาบาล:ได้เวลาทานยานอนหลับแล้วค่ะ

บรรพบุรุษ ไม่ได้มีแต่ผู้ชายนะ ผู้หญิงก็มี


แต๊ะเอียนี่ได้ตังค์ แต่ถ้าแต๊ะอั๋งนี่ได้ตีนนะ

คนคิดว่า "ซัมซุง" กับ "เขาทราย" เป็นญาติกัน เพราะนามสกุล "กาแล๊คซี่" เหมือนกัน

เชิดสิงโต ไม่ได้หมายความว่า เอาสิงโตไปโดยไม่จ่ายเงินนะ


..............................

ค ว า ม จ ริ ง ใ น ค ว า ม รั ก

มันก็เป็นความจริงอย่างที่ความจริงเป็น...

ความจริงเกี่ยวกับความรัก

1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือ การรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ทานประทานมา

3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่ เปิดไว้รอเรา

6.เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไร กันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

7.เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา

8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

10. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้

11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

14.มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

15. ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ

16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข

17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน

18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุขได้

19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่าเราเราเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในพวกเขา

20. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก

21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่าของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิตพวกเขา

22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา

23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดีถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ

- A man overtime falls in love with the woman he is attracted to, and a woman overtime becomes more attracted to the man she loves.
ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เค้าหลงเสน่ห์ และผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก

- Friendship is love minus sex and plus reason. Love is friendship plus sex and minus reason.
มิตรภาพคือ ความรัก ลบด้วย เซ็กซ์ และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป ส่วนรักคือ มิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออก

- To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!
การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง การถูกรักเป็น "บางอย่าง" ทีเดียว ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง (ว้าว)

- You may only be one person to the world but you may also be the world to one person.
คุณอาจจะเป็นแค่ "คน ๆ หนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้

- Friendship often ends in love, but love in friendship- never.
มิตรภาพมักจะจบลงด้วยความรัก แต่ความรักไม่มีวันจบลงด้วยมิตรภาพ






......................




.......................................
บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.................. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ



ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.....
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลงTags: 8207, read and thinking about, จอร์จ คอลลิน3 Commentsอย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
posted on 18 Nov 2010 14:38 by lonelylove

เพราะรักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว
อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบใครสักคนเพียงเพราะ อยากจะมีใครสักคน
อย่าชิงสุกก่อนห่าม
เพราะผู้ชายที่ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเพื่อถนอมหญิงที่รัก
แสดงว่าเขาไม่ได้รักคุณหรอก เค้ารักตัวเองมากกว่า
อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน
วันนึงคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรัก ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
อย่าหลงในรสชาติของความรัก เสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง
หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า
คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างหรือนำหน้า
คนที่ไม่บังคับให้คุณ ทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์ และให้เกียรติ คุณ
...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
เพราะคุณจะเสียใจหากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดี
ที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น
คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน.
ชีวิตคนคนนึงจะมีคนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณ แล้วพยายามจะเปลี่ยนคุณ
ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง
จงเชื่อในพรหมลิขิต
จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
จงเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีเส้นขนาน
อย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล้ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง ถ้า หัวใจไม่อาจลืม
อย่าบอกว่าคิดถึง ถ้า เพิ่งจากกันไม่ถึง1นาที
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต
อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้
อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ


จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..วันนึงถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่าที่เคยทำให้


คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก

เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..
ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...
..........................................






//morkeaw.com/blog/?p=444











......................................








เรื่อง มาสายเพราะขี่ควาย
มีโรงเรียนในชนบทแห่งหนึ่ง
วันนี้ห้อง ป.3 ทั้งชั้นมีนักเรียน 30 คน มาสายทั้ง 30 คน
คุณครูสาวประจำชั้นก็เลยถามเหตุที่มาสายทีละคน
คนแรก ตอบว่าบ้านผมไกล ต้องขี่ควายมาครับ
แต่เมื่อวานควายไม่สบาย
วันนี้ผมขี่มันมา มันเลยมาตายกลางทางครับ
ผมจึงต้องเดินมาเลยมาสายครับ
ปรากฎว่านักเรียนอีกยี่สิบกว่าคนตอบเหมือนคนแรกกันหมดเลย
เหลือแต่ คนสุดท้ายกำลังจะให้คำตอบ
ครูสาวประจำชั้นก็เลยพูดขึ้นมาว่า คงไม่ต้องตอบแล้วล่ะ ครูรู้แล้วว่าเธอจะต้องตอบเหมือนกัน
เด็กคนสุดท้ายพูดขึ้นว่า
"ป่าวนะครับ ควายผมไม่ตายหรอก แต่ที่ผมมาสายเพราะต้องขี่ควาย
หลบซ้ายทีขวาที เพราะศพควายตั้ง 29 ตัวมันขวางทางครับ"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง รหัสลับ
หลังจากที่คุณพ่อทราบว่า
"ป๋อง" ลูกชายวัยรุ่นชอบแอบเปิดอินเทอร์เน็ต
เข้าไปดูเว็บไซต์โป๊ๆ เป็นประจำ คุณพ่อจึงตั้ง password ไว้
เพื่อป้องกันมิให้ลูกชายตัวดีแอบมาเปิดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
เรื่องอะไรจะยอมจนมุมง่ายๆ "ป๋อง" จึงได้ว่าจ้างน้องเก๋ น้องสาววัย ๘ ขวบ
ของตนด้วยขนมถุงใหญ่ให้แอบไปชะโงกดูคุณพ่อตอนเปิดเครื่อง
คอมพิวเตอร์ว่าคุณพ่อพิมพ์ password ตัวอะไรลงไปบ้าง
น้องเก๋ยินดีรับงานด้วยความเต็มใจ วันหนึ่งขณะที่คุณพ่อกำลังจะเปิด
เครื่องคอมพิวเตอร์ น้องเก๋ก็แกล้งทำเป็นมานั่งข้างๆ คุณพ่อ ในขณะเดียว
กันก็แอบชำเลืองดูคุณพ่อพิมพ์ password ไปด้วย
ทันทีที่รู้รหัสลับ น้องเก๋ก็รีบวิ่งแจ้นออกมาหา "ป๋อง"
พี่ชายที่ยืนรอด้วยใจ ระทึกอยู่นอกบ้าน
ป๋อง : รู้หรือยังๆ
เก๋ : รู้แล้ว ! คุณพ่อพิมพ์สี่ตัวจำได้แม่นเลย
ป๋อง : มีตัวอะไรบ้าง บอกมาเร็ว!
เก๋ : เอาขนมมาก่อนสิ
ป๋องจึงยื่นขนมถุงใหญ่ให้น้องสาว น้องเก๋รีบคว้าถุงขนมทันที
พร้อมกระซิบข้างหูบอกพี่ชายว่า
เก๋ : จดไว้นะ คุณพ่อพิมพ์ว่า..... "ดอกจัน ดอกจัน ดอกจัน แล้วก็.. ดอกจัน "
ป๋อง : !!!??!!
(ซะงั้น )
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง ใครคือชู้
มีชาย 3 คน ชายสามคนนี้ตายพร้อมกัน ดวงวิญญาณจึงถูกส่งไปที่สวรรค์ แต่ทว่าเทพสูงสุดของสวรรค์นั้นได้บอกกับชายสามคนว่าสวรรค์นั้นเหลือที่ว่างอีกเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงตัดสินกันว่า ใครที่ตายอนาถที่สุดจะได้ขึ้นสวรรค์

ชายคนที่ 1 : ตอนนั้นผมจับได้ว่าเมียมีชู้ ผมจึงรีบกลับบ้านด้วยโทสะที่เต็มเปี่ยม บ้านของผมเป็นคอนโด ผมอยู่ชั้นที่ 25 พอผมไปถึงผมก็ไม่เห็นใครนอกจากเมียผม ผมรีบไปที่ระเบียง ก็เห็นชายคนหนึ่งเกาะระเบียงอยู่ชั้นบน ผมคิดว่าชายคนนี้แหละเป็นชู้เพราะเขากำลังจะปีนหนี ผมจึงผลักเขาตกลงไป แต่ชายคนที่ถูกผลักยังไม่ตาย เพราะเขาร่วงลงไปบนพุ่มไม้ ผมจึงยกตู้เย็นในห้องผมโยนซ้ำลงไป แต่ด้วยความที่ตู้เย็นหนักไปหน่อย ผมจึงร่วงตามตู้เย็นไปด้วย

ชายคนที่ 2 : บ้านของผมอยู่ที่คอนโดชั้นที่ 26 ผมออกกำลังกายอยู่ที่หน้าระเบียง แต่เกิดพลัดตกลงไป ผมตกใจมากแต่โชคดีที่ผมจับระเบียงไว้ทัน แต่มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ ผลักผมลงไปแล้วก็โยนตู้เย็นลงมาอีก

ชายคนที่ 3 : ผมเป็นชู้ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่แล้วสามีของผู้หญิงคนนั้นก็จับได้ ผมตกใจมากจึงไปซ่อนตัวในตู้เย็น

(*!?!...!?!*)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง Yes No Ok
มีชายคนหนึ่งเขาไปอังกฤษแต่พูดได้ 3 คำคือ yes no ok พอขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วเกิดปวดท้องจึงไปเข้าห้องน้ำแล้วมีโจรปล้นบนเครื่องทุกคนโดนยิงตายหมดยกเว้นเขาคนเดียวที่รอดมาได้ตอนเครืองลงจอดเขาได้ออกจากห้องน้ำพอดี ด้วยความที่เขารอดมาได้คนเดียว ตำรวจเลยคิดว่าเป็นโจรปล้นเครื่องบิน ตำรวจจึงถามเขาว่า

Q : เป็นโจรใช่ไหม
A : Yes
Q: มีข้อแก้ตัวไหม
A : No
Q : งั้นเชิญไปเข้าคุก
A : OK
(3 คำจำไว้ - -*)
------------------------------------------------------------------------------------------------------


.................................



คำตอบที่ 4
"Life....
in your memory "

เราใช้ชีวิต.... ผ่านความทรงจำมากมาย

บ้างก็หน้าจดจำ... บ้างก็ไม่น่าจดจำ

ครั้งหนึ่ง.. ที่เราเคยล้ม

ครั้งนั้น.. เราก็ลุกมาแล้ว

หากลองนั่งมองย้อนไปยังวันเก่าๆ

บางคนบอกว่า.... ไม่อยากจำเรื่องที่ไม่น่าจำ

แต่คำว่า " ไม่อยากจำ " เรานำมาใช้แทนที่คำว่า " ไม่เคยลืม" ต่างหาก

เราไม่เคยลืม.. เรื่องที่เราไม่อยากจำ

ไม่งั้น!! เราจะพูดว่า "ไม่อยากจำ" ทำไม ??

คราวนี้.. เราลอง ยอมรับความจริง .. นึกถึงมันดูบ้าง

บางที... เรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้น

มันก็ให้อะไรบางอย่างกับเรา

มันทำให้เราเรียนรู้.... เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเจ็บอีก

มันทำให้เราตั้งสติได้ดีขึ้น.. คิดได้มากขึ้น

และทุกๆการดำเนินไปของชีวิตในเวลาต่อมา

ล้วนกลั่นกรองผ่านความทรงจำในเหตุการณ์เหล่านั้นมาด้วย

ถ้าเราลองคิดดีๆ....

วันนี้.... วันที่เราได้ลองนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมา

วันที่เรากำลังค้นหา....

และคัดสรรสิ่งดีๆให้กับชีวิตเรา

เราคงได้นั่งพักซะบ้าง....

ถ้าเราไม่เคยเหนื่อยและล้มเจ็บมาก่อน

....ขอบคุญ... ทุกๆความทรงจำ

>>> ที่เราไม่เคยลืม <<<
::



3 Parts of life....

อดีต...ไม่มีใครอยาก " มี " ....แต่ " มี " กันทุกคน

ปัจจุบัน....บางคนไม่อยาก " มี " .....แต่ " มี " กันทุกคน

อนาคต...ทุกคนอยาก " มี " แต่ " มี " เป็นบางคน

.................................

พระในบ้าน
//www.oknation.net/blog/wadwangnoy/2009/08/04/entry-1
........................
คำคมเเจ๋วๆ
//comvariety.com/article/9806-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%86-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B9%86-%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81
................
อ่านเรื่องหุ้น
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=fishy

.....................

ทีวีหุ้น

//www.mnewsfund.com/

.............................

โอโหแห่กันมาขอหวยกันใหญ่เลยลุยเดี่ยวไม่มีหวยให้ครับแต่มีหุ้นให้ลองเก็งกำไรกันดูนะครับ ถูกไม่ถุกไม่รู้ต้องอาศัยใจเล่นครับลองดู

ใครเคยเล่นหุ้นบ้าง ยกมือขึ้น
     ในที่นี้จะไม่พูดถึงวิธีการเล่นหุ้น ว่าเล่นอย่างไรถึงจะรวย หรือเล่นอย่างไรถึงจะไม่หมดตัว แต่จะพูดถึงอีกมุมมองหนึ่ง คือทุกข์ของคนเล่นหุ้น
     คนเล่นหุ้น หรือจะเรียกให้หรูหน่อยว่านักลงทุนก็ได้ คนเล่นหุ้นมีโอกาสที่จะเป็นทุกข์ได้ตลอดเวลา หุ้นตกก็เป็นทุกข์ หุ้นขึ้นก็เป็นทุกข์ ขาดทุนก็เป็นทุกข์ แม้แต่ได้กำไรก็ยังเป็นทุกข์
     ช่วงนี้หุ้นตก หุ้นพื้นฐานดี ๆ เคยมีราคา 80 กว่าบาท ตอนนี้เหลือ 20 กว่าบาท ถูกมาก ๆ เราก็ช้อนซื้อไว้ เพราะพื้นฐานธุรกิจเขาดี มีปันผลทุกปี เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะขึ้นกลับไปแน่ ๆ พอเราซื้อมันลงต่อ แถมวันรุ่งขึ้นก็ยังลงต่ออีก แหม! เสียดาย ไม่น่าใจร้อน
     เราถือไว้เกือบเดือน ราคาขึ้นกลับมาเป็น 27 บาท กำไรโขเราก็ขาย พอเราขายมันขึ้นต่อเนื่องอีก 2-3 วัน เป็น 30 กว่าบาท แหม! เสียดายจริง ๆ ไม่น่าใจร้อน เก็บไว้ขายอีก 2 วันก็กำไรอีกหลายตังค์
     อีกไม่ถึงเดือนมันลงอีก ราคาหุ้นมันก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นรอบ ๆ อย่างนี้แหละครับ นักวิเคราะห์บอกว่ารอบนี้แนวรับอยู่ที่ 18-19 บาท เราก็กะว่าเผื่อเหลือเผื่อขาดจะรอรับที่ 20 บาท มันลงมาพักอยู่ที่ 22 บาท ตั้ง 2 วัน แล้วก็ขึ้นกลับวิ่งเร็วไปถึง 27 บาทอีกครั้ง แหม! เสียดาย มัวลังเลเลยพลาดโอกาส
     นักวิเคราะห์บอกว่ารอบนี้ถ้าผ่านแนวต้านที่ 27 บาทได้ จะขึ้นต่อไปถึงแนวต้านถัดไปคือ 35 บาท
     พอมันผ่าน 27 บาทได้ เราก็ตัดสินใจซื้อที่ราคา 28 บาททันที มันก็ขึ้นต่อจริง สัปดาห์เดียวไปถึง 31 บาท แล้วก็ลง ๆ ๆ ๆ ต่อเนื่อง ตอนนี้เหลือสิบกว่าบาท ตั้งนานแล้วไม่ไปไหนเลย เจ็บใจจริง ๆ ไม่น่าโลภมาก ถ้าขายตอน 30 หรือ 31 บาท ก็กำไรโขแล้ว
     มันจะเป็นทุกข์วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้วก็ แหม! มันน่าจะทำอย่างนั้น แหม! มันน่าจะทำอย่างนี้ ฉลาดเอาตอนที่ผ่านไปแล้วทุกที
     นอกจากจะเป็นทุกข์เพราะสารพัดเหตุที่กล่าวแล้ว ยังเกิดนิสัยที่น่ารังเกียจอีกอย่างคือ พอซื้อหุ้นมาแล้วก็ลุ้นให้หุ้นขึ้น แต่พอขายหุ้นไปก็ลุ้นให้หุ้นตก เหมือนไม่อยากจะเห็นใครได้ดีกว่างั้นแหละ
     ถ้าใครคิดจะเล่นหุ้น ก็ต้องมีสติคอยดูใจตัวเองไว้ เสียเงินยังพอทน แต่เสียใจเสียนิสัยนี่คือเสียทั้งหมด




Create Date : 07 มกราคม 2554
Last Update : 8 มีนาคม 2556 5:52:21 น. 2 comments
Counter : 1678 Pageviews.

 
CK กับ STEC นี่หุ้นโปรดในดวงใจผมเลย ขึ้นๆ ลงๆ เล่นไปเล่นมาได้หลายรอบดีครับ


โดย: Clark Kent IP: 58.9.198.183 วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:22:10:07 น.  

 
ผมก็เชื่อว่ามันกำลังมา


โดย: ตาต้อม IP: 49.228.245.237 วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:0:19:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุยเดี่ยว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




รู้ไหมในตลาดหุ้นมีโจรใส่สูทที่คอยดักปล้นเงินนักลงทุนอยู่ไม่น้อยโดยใช้กลลวงหลอกล่อให้เราเข้าไปซื้อหุ้นต้องถามว่าท่านทำใจได้ไหมถ้าเงินที่เก็บหอมรอมริบต้องหมดไปมีเงินใช่ว่าจะเล่นหุ้นได้สิบกว่าปีในวงการเห็นคนรวยก็เยอะเจ๊งก็แยะรวยไม่ว่าแต่ที่เจ๊งนีสิเป็นที่อนาจสำหรับลุยเดี่ยวคนที่เก็บเงินมาทั้งชีวิตต้องมาหมดไปกับหุ้นเขาจะอยู่อย่างไรดำรงชีพต่อไปยังไงไม่มีใครรู้ลูกเมียล่ะในที่สุดปัญหาๆต่างๆเหล่านี้จะกลายมาเป็นปัญหาของสังคมที่จะพัฒนาไปเป็นปัญหาต่างๆ บล๊อกนี้จึงก่อกำเนิดขึ้นเป็นบล๊อกที่ลุยเดี่ยวต้องการจะบอกให้นักลงทุนที่สนใจเล่นหุ้นได้รู้ทันก่อนทีจะเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกที่จ้องจะสูบเงินโดยใช้เทคนิคต่างๆเพื่อให้นักลงทุนหลงเชื่อเพื่อให้เป็นไปตามที่เค้ากำหนดลุยเดี่ยวจึงต้องการให้นักลงทุนได้รู้ถึงจังหวะของหุ้นแนวโน้มทิศทางหุ้นถ้าเป็นอย่างนี้มันจะลงถ้าเป็นอย่างนี้มันจะขึ้นโดยใช้การคาดการณ์ทางเทคนิคและจิตวิทยาในการเล่นหุ้นเพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นใช้พิจารณาตัดสินใจก่อนและหลังการลงทุนเพื่อเป็นแนวทางไม่ให้ท่านตกเป็นเหยื่อของพวกชอบปล้นสดมภ์ในกิเลสความโลภของคนที่อยู่ในระบบของทุนนิยมสามานย์ความเห็นทั้งหลายในบล๊อกนี้เป็นความเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ต่างๆที่พบเห็นในอดีตอาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามหลักวิชาการแต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวลุยเดี่ยวมิได้มิเจตนาจะชี้นำให้นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ใดๆนักลงทุนควรพิจารณาตรวจสอบข้อมูลก่อนการตัดสินซื้อขายทุกครั้งลุยเดี่ยวจึงไม่ขอรับผิดชอบความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นไม่มีใครรู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงบนโลกนี้มีอยู่สองคนที่รู้คือคนที่ยังไม่เกิดและคนที่ตายไปแล้วหากันเองก็แล้วกัน
Friends' blogs
[Add ลุยเดี่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.