บล๊อกหุ้นสำหรับคนเล่นหุ้น แนวโน้มขึ้นให้ซื้อแนวโน้มลงให้ขายเล่นง่ายๆสไตล์ลุยเดียว ถ้าคุณสนใจเก็งกำไรหุ้นและทอง หาจังหวะซื้อ-ขายการทำกำไรคาดการณ์แนวโน้มทิศทางตลาด ตะลุยหุ้นไปกับลุยเดี่ยว โทร 083-883-4707.... Luydrew@hotmail.com คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าคุณมีวินัยและการวางแผนที่ดี โอกาสย่อมเป็นของคุณ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
8 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
หุ้นแนวโน้มยังขึ้นแค่เช็คบิลพวกแมงเม่าปอดต้องแข็งแรงนะ

เล่นหุ้นแบบตาสว่าง : ตอนที่ 1 : เกริ่นนำ “ภาพรวมตลาด”


“ทุก คนอยากรวย” แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ไม่รวย …ในโลกนี้ทุกคนสอนให้เดินตามกัน ทำเหมือนกัน เรียนแบบเดียวกัน แต่กลายเป็นว่า “เมื่อคุณทำเหมือนคนอื่น แล้วหวังให้ผลลัพธ์แตกต่างจากคนอื่น ..มันไม่มีทางเป็นไปได้”

ใน ประเทศไทยประชากรส่วนใหญ่ “จน” อย่างแรกถ้าคุณมีเงินมาลงทุนได้ นั่นหมายถึง คุณทำบุญมาดีในระดับนึง ที่สามารถมานั่งอยู่ตรงนี้ และมีโอกาสที่จะลงทุน

“คุณ คือคนโชคดี!!” ทำไมน่ะหรือ ….  ก็เพราะในประเทศไทยมีประชากร 60 กว่าล้านคน แต่มีคนเพียงแค่ประมาณ 100,000 คนที่เล่นหุ้น (หากตอนนี้คุณเป็นคนนึงที่เล่นหุ้น และคิดที่กำลังจะเล่นหุ้น ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณคือ คนส่วนน้อยของประเทศที่มีโอกาสรวย (คนส่วนใหญ่ทำนา ทำไร่ เลยไม่ค่อยรวย คนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีโอกาสเล่นหุ้น ดังนั้น คุณทำแตกต่าง นี่คือ ความโชคดีในเบื้องต้น “คุณมีโอกาสรวย”)

ปัญหา ของการเล่นหุ้นมีอยู่นิดนึง คือ คนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้น “ขาดทุน” มีเพียงสัดส่วนประมาณ 20% เท่านั้นที่กำไร (คำถามคือ คุณจะเป็น 20% นั่นอย่างไร!!)

ประเด็นต้องย่อยลงมา คือจะอธิบายว่า การที่เราทำเหมือนคนส่วนใหญ่ ..เราจะจน ..ภาพใหญ่คือชาวนาไม่รวย ดังนั้น คนที่เล่นหุ้นเป็นส่วนน้อยจึงไม่จน ...มองลงมาภาพเล็กลงไปคือ คนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้นกลับขาดทุนอย่างย่อยยับ --คำถามคือ คนที่ขาดทุนอย่างย่อยยับ เขาทำอะไร -- นี่แหละสำคัญ เพราะถ้าเรารู้ว่าคนส่วนใหญ่ทำอะไร “แล้วขาดทุนอย่างมหาศาล..บางคนหมดตัว ..บางคนฆ่าตัวตาย” ..ถ้าเรารู้ เราจะได้ไม่ทำไง”

“คนเล่นหุ้น ส่วนใหญ่ทำอะไร” ..เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก ..คนส่วนใหญ่ชอบเข้ามาซื้อขายเมื่อตลาด Boom นั่นก็คือ ชอบซื้อหุ้นในขาขึ้น --และนี่เป็นสาเหตุที่ว่า ทำให้ตลาดหุ้นพอเข้าขาขึ้น แล้วมันจะขึ้นไปเรื่อยๆจนราคามันเลยความเป็นจริงหรือ Bubble นั่นเอง (เมื่อตลาดเกิด Bubble มันก็จะจบด้วย Crash !!

“คนส่วนใหญ่ทำ อะไร(ต่อ)” ..เวลาตลาดลงคนส่วนใหญ่จะขายหุ้นทิ้งเพื่อหนีตาย ..เมื่อทุกคนขายพร้อมกัน ราคาหุ้นก็จะยิ่งลงต่อไปอีก จนราคามันต่ำกว่าความเป็นจริง --และนี่คือ ที่ว่าของ ตลาด Crash!!  นั่นเอง

สรุป ก็คือ “การที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบทำอะไร เหมือนๆกัน มันส่งผลให้ ตลาดหุ้นเกิด Bubble และก็ Crash …ซึ่งทั้งหมด ก็ได้ตอบคำถาม ที่ว่า ทำไมคนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแล้วขาดทุน “ก็เพราะทุกคนเดินตามๆ กัน ทำเหมือนกัน”

“คำ ถามที่สุดฮอตของการเล่นหุ้นให้รวย คุณจะต้องทำอย่างไรล่ะ” …ตอบได้ง่ายมาก “ถ้าคุณต้องการรวยคุณก็ทำให้แตกต่างจากคนอื่น …คือ ให้คุณซื้อหุ้นเวลาตลาด Crash จากนั้น ก็ถือไปเรื่อยๆ แล้วไปขายเมื่อตลาด Bubble”

ผม เชื่อว่าเมื่ออ่านมาถึง ตรงนี้ผมเชื่อว่า หลายคนคงมีคำถามในใจแล้วว่า “ณ เวลานี้ (วันที่ผมเขียนบทความนี้ วันที่ 30 ตุลาคม 2010  ตลาดหุ้นแพงหรือถูก)…แล้วเราอยู่ไหนล่ะ จะทำยังไงต่อ !!

(เอ้า!! เอากราฟตลาดหุ้นมาดูกัน)


นี่ คือ ภาพของตลาดหุ้นตั้งแต่ 35 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน …การที่เราจะเล่นอะไร ผมเชื่อว่าหากเราเห็นภาพใหญ่ มันจะทำให้คุณสามารถเดินทางได้ สนุกขึ้น (มันคล้ายๆกับ นักเดินทางสองคน คนนึง เดินทางไปเรื่อยๆโดยไม่มีแผนที่ (สุดเครียด!!) อีกคนเดินมีแผนที่ (มันสบายใจต่างกัน) )… “ไอ้กราฟนี้แหละแผนที่ในการเดินทาง ..มันดูง่ายๆ แต่มันจะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างมีกรอบ (เยี่ยมยอด!!)”
ในภาพปี 1975 - 1993 ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง “ขาขึ้น”  ช่วงนั้นใครเล่นหุ้นก็รวยมหาศาล ..ยุคนั้น เขาเรียกตลาด Bull ในครั้งนั้นว่า Asian Miracle

หลังจากปี 1994 - ปัจจุบัน ..ตลาดหุ้นยังไม่ได้กลับไป Peak เดิมอีกเลย …ช่วงเวลานี้ เริ่มด้วยตลาด SET ลดลงเรื่อยๆ จากปี 1994 ลงมาแตะจุดต่ำที่สุดคือประมาณ 200 จุด เมื่อปี 1998 ..จากจุดนั้น ตลาดหุ้นไทยก็ไม่ไปไหนวิ่งไปสูงสุดก็แค่ประมาณ 900 กว่าจุดเมื่อปี 2007 ก่อนจะมาพังคือครั้งเมื่อปี 2008 (ตลาดลงไปแตะ  300 กว่าจุด)

นับจากปี 1998 เป็นต้นมา ตลาดวิ่งจาก 300 กว่าจุด วิ่งมาแตะ 1,000 จุดเรียบร้อย “คำถามคือ จากนี้ไปตลาดหุ้นจะขึ้นต่อไป หรือมันจบแล้ว” …จริงๆตรงนี้ไม่ต้องถามใคร คุณก็สามารถดูเองได้ (ดูยังไง!!)

“ให้คุณมองไปรอบๆตัว แล้วสังเกตุให้ดีว่า คนส่วนใหญ่ทำอะไร ..นั่นแหละ ไม่รวย” (คนส่วนใหญ่รอบๆตัวคุณทำอะไร ให้ทำตรงข้าม)
ณ ตลาด 1,000 จุด “มีน้อยคนมากที่ คิดว่าตลาดจะไปต่อ รายย่อยจึงเริ่มกล้าๆกลัวๆ .. ดังนั้น ถ้าใครสังเกตุให้ดี พอตลาดวิ่งไปใกล้ๆ 1,000 จุด จะมีแรงเทขายทำกำไร ออกมามาก จนจุดนี้ได้กลายเป็นแรงต้านที่มหาศาลมาก” …จุดนี้ถ้าให้ผมตีความหมาย ก็คือ รายย่อยส่วนใหญ่ เทขายหุ้นเกือบหมด port แต่แปลกไหมล่ะครับ ยิ่งขายราคา มันกลับยิ่งขึ้น !!

“แล้วไง!!”… จากจุดนี้ไป การที่คนส่วนใหญ่ขายทิ้ง มันทำให้ผมสบายใจ เพราะในเมื่อตลาดยังมีความเห็นไม่ตรงกัน นั่นก็หมายความว่าในภาพใหญ่มันยังไปต่อ ..ไปเรื่อยๆ ..เรื่อยๆ ..ไปจนถึง “เมื่อทุกคนในเห็นพ้องต้องกันว่า ตลาดดีเยี่ยม อนาคตสดใส และ ทุกคนที่สามารถซื้อหุ้นได้ ก็ได้ซื้อหุ้นไว้หมดแล้ว”…เมื่อเวลานั้นมาถึง นั่นก็คือ จุด Peak ของตลาดนั่นเอง

(นี่แหละครับ จบแล้ว) “สุดยอดของการทำกำไรจากตลาดหุ้น ก็คือ ทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ …เมื่อใดที่คนส่วนใหญ่ขาย “ให้คุณซื้อ” เวลาที่คนส่วนใหญ่ซื้อ “ให้คุณขาย” …ฟังดูง่าย แต่ผมบอกเลยว่า “คุณทำไม่ได้หรอก เพราะถ้าคุณทำได้ คุณก็รวยไปแล้ว ฮ่า ฮ่า .. ไอ้คนที่ทำได้ก็ลุง Buffett ไง..เฮอะ ๆ ๆ”

การลงทุนมีสามแนว คือ

1.          เล่นหุ้นแนว Fundamental คือ คนที่ใช้ข้อมูลพื้นฐานมาคำนวณ แล้วคาดคะเน ราคาในอนาคต จากนั้น ก็หาจังหวะซื้อ เมื่อหุ้นราคาถูก “หัวใจของแนว Fundamental คือ ซื้อหุ้นเมื่อ..หุ้นถูก และก็ขายหุ้นเมื่อ..หุ้นแพง” ..คนกลุ่มนี้มักเรียกตัวเองว่า Value Investor (VI) และ idol ของคนกลุ่มนี้ก็เช่น Warren Buffett (ดูยังไงว่าถูก ดูยังไงว่าแพง ไว้เดี๋ยวเราจะมาลงรายละเอียดกันครับ)

2.         เล่นหุ้นแนว Technical คือ กลุ่มที่ซื้อหุ้น “แพงเพื่อขายแพงยิ่งกว่า” หรือ เรียกคนกลุ่มนี้้ได้ว่า Trend Follower …วิธีการก็คือ ใช้เครื่องมือทาง Technical มาดู Trend ของราคา ..จากนั้นก็ซื้อหุ้นตาม Trend “หัวใจของแนว Technical คือ ความเชื่อที่ว่า เมื่อหุ้นขึ้นมันจะขึ้นต่อ เมื่อหุ้นลงมันก็จะลงต่อ.. ดังนั้น คนที่เล่นแนวนี้ก็คือ ตอดกินไปเรื่อยๆ”

3.         เล่นหุ้น “แนวมั่ว” ..แนวนี้คือ แนวที่คนส่วนใหญ่ในตลาดเล่น ..และนี่ก็คือ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน …พวกแนวมั่ว คือ คนที่มีความรู้สูง มีหลักการในการเล่นมากมาย ..แต่มันมากจนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเล่นวิธีไหน ..จากนั้น เวลาเล่นก็จะโลเลไปมา เดี๋ยวก็บอกว่า “ผมเป็น VI”  พอหุ้นราคาตก ดันขายทิ้ง (ซึ่งในความจริงถ้าคุณเป็น VI..เวลาหุ้นของคุณตก คนควรจะซื้อเพิ่ม เพราะราคาที่ VI ซื้อมันเป็นราคาที่หุ้นถูก ..ดังนั้นเมื่อหุ้นตก คุณต้องซื้อเพิ่ม ..ไม่ใช่ขาย!!)

…..ในทางกลับกัน พวก Trend Follower คือ พวกที่ซื้อขายตาม Trend ...แต่คน "แนวมั่ว" พวกนี้ พอหุ้นขึ้นมากๆ ก็กลัวหุ้นจะตก “ก็รีบขาย”

..สรุป “ขายหมู” (การ “ขายหมู” เป็นสิ่งที่คนเล่น Technical ไม่ควรทำ ..เพราะการเล่น Technical คือ การซื้อหุ้นแพง “ซื้อตอนที่มีสัญญาณซื้อเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ถือไปเรื่อยๆ จนมันมีสัญญาณขายที่ชัดเจน”

…ดังนั้น แนว Technical ก็จะไม่ขายหุ้นที่ Peak เพราะไม่มีใครรู้หรอกครับว่าหุ้นมันจะ Peak ที่ไหน …การเล่นแนว Technical จึงต้องรอให้ ราคาหุ้นมันแตะ Peak แล้วเข้าขาลงแล้ว จึงขาย!!

สรุปง่ายๆว่า ในเงินแต่ละก้อนที่คุณลงทุน ..ถ้าคุณเลือกแนวไหน คุณต้องยึดแนวนั้น …เพราะถ้าคุณเปลี่ยนแนวทาง มันก็เปรียบเสมือน เปลี่ยนม้ากลางศึก “โอกาสเจ๊ง มันสูงมาก”
(อยากกำไร ห้ามเปลี่ยนแนว!! เด็ดขาด)

“อย่า เปลี่ยนม้ากลางศึก ..ตายชัวร์” …แต่ถ้าใคร (เจ๋งๆ) ก็มีม้าหลายตัวได้ ฮ่า ฮ่า ( ยกตัวอย่างผมเอง ผมจะแบ่งหุ้นเป็น 2 Port แต่ละ Port เปิดกับคนละ Broker

แนว ทางของ Technical เป็นแนวทางที่คนรุ่นใหม่ (Gen Y) ให้ความสนใจ ..เพราะโดยหลักแล้ว Technical เป็นศาสตร์แห่งสถิติ นั่นก็คือ ศึกษาแนวโน้มและราคาในอดีต เพื่อให้เราเข้าใจ การขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัว

“มี เซียน Technical เคยบอกผมว่า …คนที่ใช้ Technical ในการทำนายอนาคต “มั่ว” ..เพราะ Technical คือ การดูแนวโน้มและเล่นตาม Trend เราถึงเรียก นัก Technical ว่า “Trend Follower หรือ นักตาม Trend นั่นเอง”

หัวใจ ของวิธีการนี้ คือ “การซื้อแพง แต่ขายที่แพงกว่า และที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้อง Cut Loss เป็น และทำอยู่เป็นประจำ”..พูดถึง จุดนี้ คุณเห็นความขัดแย้งอย่าง “หน้ามือ กับหลังมือ ของแนว VI และ Technical แล้วใช่ไหมครับ” (นี่แหละครับ ผมจึงย้ำเสมอว่า “ถ้าเลือกวิธีไหน ต้องเล่นวิธีนั้นให้จบ ..ถ้าเปลี่ยนวิธีระหว่างที่กำลังเล่น “เจ๊งอย่างเดียว”)

การเล่นแนว Technical ในแบบฉบับ “ไม่มั่ว” ก็คือ การซื้อหุ้นเมื่อมีสัญญาณการขึ้นของ Trend ..พวกนักลงทุนในสาย Technical จะทำการศึกษา พฤติกรรมการขึ้นลงของราคา โดยใช้เครื่องมือต่างๆ ทางเทคนิค เช่น การใช้ Trend Line , RSI , Elliot wave ,  Fibonacci และอื่นๆอีกมากมาย

….เมื่อนัก Technical ซื้อตาม Trend แล้วจะไปขายเมื่อสัญญาณต่างๆชี้ให้เห็นว่า Trend เปลี่ยน ดังนั้น การเล่นแบบ Technical จึงไม่ใช่การซื้อถูกที่สุด แล้วไปขายแพงที่สุด “แต่เป็นการซื้อที่ราคาแพง แล้ว Let Profit Run ให้สุด Trend จากนั้นค่อยไปขาย เมื่อราคาเปลี่ยนเป็นขาลงมาแล้ว” --- “ใช่!! นี่เป็นวิธีการเล่นแบบ กินตรงกลาง นั่นเอง”

จุดเด่นของสำนัก Technical คือ การเข้ามาช่วยในการ ตัดสินใจเข้าหรือออกได้อย่างแม่นยำขึ้น …ถ้ามองให้ดีแล้ว คนที่เล่นแบบ Value Investor จะต้องเป็นคนที่มีจินตนาการสูง แต่คนเล่น Technical แทบไม่ต้องอาศัยจินตนาการ เพียงแต่ต้องอาศัย ความชำนาญและประสบการณ์ ในการวิเคราะห์ Trend ของราคา

จะ ว่าไปแล้ว “Day Trade” เป็นกลยุทธ์ที่รายย่อย “ชอบ” เพราะมันคล้ายๆกับการจับเสือมือเปล่า ..ซึ่งบ่อยครั้ง จะโดยเสือกัน ..บางรายโดนเสือกิน ..ฮ่า ฮ่า หมดตัว!!

ผมชี้ปึ้ก กับรุ่นน้องคนนึง ใช้นามปากกาว่า Wizard Kid ..ด้วยอายุแค่ 24 ปี ..เขาก้าวขึ้นมาเป็น Proprietary Trader (ที่หลายคนเรียกว่า ป๊อบ เทรด) ..หน้าที่ก็คือ การ Trade TFEX (ตัว Futures Index  ของ SET50) ให้กับ Broker ชื่อดัง
Prop. Trade เป็นอาชีพที่ “หอมหวาน” ของคนรุ่นใหม่ เพราะมัน “ท้าทาย + เงินเร็ว” (เงินเร็วไม่เร็วขึ้นกับฝีมือ Day Trade ของแต่ละคนนั่นเอง)

การเล่น Day Trade จริงๆแล้ว รายย่อยเสียเปรียบ เพราะต้นทุนในการ Trade ของคุณสูงกว่า นักลงทุนอย่าง Prop. Trade ถึง 10 เท่า ..ไม่แปลกที่มีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่สามารถ Day Trade และชนะตลาดในระยะยาว

“อะไรคือปัญหาอันดับหนึ่งที่ทำให้ Day Trade เสียเงิน..หรือถึงขั้นหมดตัว”

ไม่ รู้จัก Cut Loss “นี่แหละสำคัญที่สุด” …การที่เป็น Day Trade เท่ากับว่า “คุณเป็น Speculator ไม่ใช่ Investor ดังนั้น ต้นทุนของคุณแพงกว่า Investor อยู่แล้ว ดังนั้น ในตลาดขาขึ้น เวลาคุณซื้อแล้วขายไป แล้วซื้อใหม่ ต้นทุนคุณจะสูงขึ้นเรื่อยๆ …ถ้าคุณขาดวินัยในการ Cut Loss  “มันคือหายนะ!!”

หัวใจ ของ Day Trade คือ “วินัยของการ Cut Loss” เช่น บางคนกำหนดจุดที่กราฟ ..บางคนกำหมดว่าถ้าผิดทางจะ Cut ที่ 3% / 5% (อันนี้แล้วแต่) …คุณนึกให้ดีซิครับ หากคุณมีคุณ Cut Loss และคุณมีวินัย “ยังไงคุณก็ไม่มีทางเจ๊ง” (ไอ้ที่เจ๊ง เพราะ “มันขาดวินัยครับ”)

…สมมุติ คุณตัดขาดทุน Cut Loss ที่ไม้ละ 5% --“คุณจะต้องเสียติดต่อกันถึง 20 ครั้งกว่าคุณจะหมดตัว ..แล้วถ้าคุณสามารถขาดทุนกันได้ 20 ครั้งติดต่อกัน ผมแนะนำว่า อย่าเล่นหุ้นเลยครับ ..ทำอย่างอื่นจะ Work กว่า!!

สรุป ..ความสำเร็จของ Day Trade คือ “Work Hard (ศึกษาการขึ้นลงอย่างราคา การดู Bid & Offer และดูพฤติกรรมของตลาด + มีวินัย) …ทำได้แค่นี้ “ไม่มีเจ๊ง

         

เล่นหุ้นแบบตาสว่าง : ตอนที่ 11 : รู้ในสิ่งที่ควรรู้


การ ที่ราคาหุ้นจะขึ้นได้ ต้องมีคนซื้อ …ยิ่งคนซื้อต้องการซื้อมาก เขาก็จะให้ราคาหุ้นดี ..และนี่ก็คือสาเหตุที่หุ้นขึ้น..แต่ปัญหาตลาดหุ้นไทย ก็คือ ตลาดมันเล็กกระจิ๊ดเดียว คือ ทั้งตลาดหุ้นไทย ยังมีมูลค่ารวมไม่เท่าบริษัทใหญ่ๆ บริษัทเดียวในอเมริกา หรือ จีนด้วยซ้ำ ..ดังนั้น เศษเงินของกองทุนฝรั่งก็สามารถทำให้ตลาดหุ้น SET วิ่งเป็น พลุแตกได้!!

ในเมืองไทยเอง ตลาดหุ้นก็มี “ขาใหญ่” หรือ ที่เราเรียกว่า “เจ้ามือ” นั่นแหละ …แน่นอนหุ้นทุกตัว จะมีเจ้ามือดูแล ..เพียงแต่ ความแตกต่างมันอยู่ที่ วัตถุประสงค์ของเจ้ามือ “ไอ้วัตถุประสงค์นี่แหละ ที่เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของแมลงเม่า..ว่างั้นเถอะ”
ถ้าแบ่งลักษณะของเจ้ามือ ก็แบ่งคร่าวๆได้ดังนี้

1.          เจ้าของเป็นเจ้ามือเอง คือ ตรงนี้ก็เสี่ยงน้อยหน่อย เพราะเจ้าของมักจะมองระยะยาว ..พูดง่ายๆ เจ้าของมักจะไม่ปั่นหุ้นตัวเอง จนถึงขั้น “ทุเรศ” มิเช่นนั้น หุ้นของบริษัทเขา จะกลายเป็นหุ้นเน่า หุ้นปั่น ..แน่นอนเจ้าของกิจการย่อมไม่ประสงค์เช่นนั้น …ข้อสังเกตุคือ กิจการนั้นๆ ต้องเป็นกิจการที่กำไรดี อย่างสม่ำเสมอ อาจปันผลมากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นกับ วัตถุประสงค์ของเจ้าของ (คือ โดยปกติ เจ้าของกิจการใหญ่ ก็มักจะมีบริษัทอยู่หลายบริษัทในตลาดหุ้น ..พูดง่ายๆว่า ต้องมองให้ออกว่า บริษัทแต่ละบริษัท เจ้าของเขามองไว้ใช้ประโยชน์ใด เช่น บางบริษัทเขาถือไว้กินปันผล , บางบริษัทเขาถือไว้เป็นหุ้น Cash Cow “เอาไว้รีดนม ..คือ เอากำไรอันนี้ไปโปะบริษัทอื่น ..ใช้เป็นที่เกาะกาฝาก ..ว่างั้นเถอะ” หรือ บางบริษัทก็มีไว้ทำราคาขายเป็นช่วง ….ดังนั้น จะถือหุ้นประเภทนี้ คุณต้องมองให้ขาดว่า เจ้ามือ เขามองเหมือนที่คุณมองหรือเปล่า

2.         เจ้ามือปั่นหุ้น (ไร้พื้นฐาน) …พวกนี้โหด เพราะชอบหาหุ้นเน่าๆ มาปั่น … “ทำไมต้องหุ้นเน่า” ก็เพราะหุ้นเน่า ราคามันถูก เช่น 0.01 สตางค์ สมมุติคุณปันเป็น 1 บาทได้ “เจ้ามือจะได้ 100 เท่า” ..ซึ่งลองนึกดูว่า กิจการใหญ่ๆ อย่าง พลังงาน ธนาคาร ..คุณไม่มีทางปั่นให้มันขึ้น 100 เท่าได้ ….หุ้นปั่นพวกนี้เนื่องจากเป็นหุ้นเน่า จึงไม่มีรายใหญ่รายอื่นเล่น (ไม่มีกองทุนมาเล่น) ทำให้เขาสามารถเป็น “ผู้ผูกขาดรายเดียว” …ดูให้ดีเถอะครับ หุ้นแบบนี้ ปั่นมาจาก 0.01 สตางค์ พอปั่นหนำใจแล้ว …ในที่สุดเจ้ามือจะทิ้งราคาไหนก็ได้ “หุ้นแบบนี้ มักจบลงด้วย แมลงเม่ากอดหุ้นไปจนตาย!!”

3.         เจ้ามือปั่นหุ้น (มีพื้นฐาน) ..อันนี้มีศีลธรรมขึ้นอีกนิด แต่สังเกตุง่ายๆว่า มักเป็นกิจการที่มีขนาด Market Cap. เล็กๆ …เพราะถ้าปั่น PTT คุณอาจต้องมีสักแสนล้าน ถึงจะปั่นได้ แต่ถ้าธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน ..เจ้ามือใช้เงินไม่เท่าไหร่ ซื้อขาย วนไปวนมา เดี๋ยวราคาก็ขึ้นแล้ว ….ข้อดี(บ้าง) ของหุ้นแบบนี้ก็คือ ท้ายสุดแล้วแมลงเม่า ต้องติดหุ้นอยู่ดี แต่ถ้า ติดหุ้น แล้วยังมีปันผล ..ผมว่าก็ยังไม่รู้สึกแย่เงินไป!!

สรุป แล้ว ก็เลือกให้ดี ว่าคุณเหมาะกับเจ้ามือแบบไหน ..หุ้นตัวไหน ที่ Market Cap. เล็กๆ ..ยากมากที่จะไม่มีเจ้ามือ ยิ่งเล็กยิ่งโหด ..ยิ่งพื้นฐานไม่มี “การปั่นก็ยิ่งโฉด!!”


..........................................

บัญญัติของนักเล่นหุ้นไทยสไตล์ลุยเดี่ยว

- ศึกษาข้อมูลหุ้นให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น อย่าซื้อหุ้นโดยใช้อารมณ์ อย่าโลภ อย่ารีบด่วนตัดสินใจซื้อหุ้นโดยเฉพาะในกรณีที่หุ้นกำลังวิ่ง  ถ้าเราซื้อ เราก็จะเป็นนักเล่นหุ้นรายวันที่มีโอกาสถูกผิด 50-50 อย่างนี้แนะนำไปปอยเปตเถอะครับกิ๊กๆรู้กันเลยเดี๋ยวนั้น

- อย่าสนใจข่าวลือ หรือ "หุ้นเด็ด" ที่เราได้ยินมาไม่ว่าจะมาจากเซียน คนใน หรือ  Insider  ของบริษัท หรือจากคนแปลกหน้าในงานเลี้ยง เชื่อเถอะว่าถ้าเราได้ยินก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่ได้ยิน สันนิษฐานได้เลยนายเป็นคนสุดท้ายของข่าวนี้ ลุยเดี่ยวเคยเจอมาแล้ว  ประเภทหุ้นผีบอก ผีที่ว่าก็คือคนนั่นแหละที่หลอกเรา ลุยเดี่ยวถึงชอบเรียกไอ้พวกที่โกหกลุยเดี่ยวว่าเป็นผี แล้วคุณล่ะเคยโดนผีหลอกหรือยัง

-จำไว้หุ้นนั้น มักจะดูแย่กว่าที่คิดในช่วงที่ตลาดตกต่ำถึงพื้นในช่วงตลาดหมี

-จำไว้หุ้นจะดูดีกว่าที่คิดในช่วงที่ตลาดวิ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงตลาดกระทิง

-  ในยามที่ตลาดเลวร้ายมากๆ นั้น หุ้นอาจจะตกต่ำลงไปเกินกว่ามูลค่าพื้นฐานจริงได้มาก เช่นเดียวกัน ในยามที่ทุกคนกำลังมองโลกในแง่ดีมากๆ หุ้นอาจจะขึ้นไปเกินพื้นฐานได้มากเหมือนกัน ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าเมื่อซื้อหุ้นแล้วราคาจะต้องขึ้นทันที หรือขายหุ้นแล้ว ก็หวังว่ามันจะลงถึง แม้เราจะเชื่อมั่นกับการวิเคราะห์หามูลค่าของเรา

-  จำไว้หลักการของลุยเดี่ยวคือหุ้นนั้นรักได้แต่อย่าหลง เมื่อถึงเวลาเราก็อาจจะต้องมีความ "โหดร้าย" พอที่จะ "ตัดรัก" หรือขายทิ้งได้ถ้าพิจารณาดูแล้วว่ามัน "หมดเสน่ห์" จำไว้ทำกับหุ้นได้แต่อย่าทำกับเมียนะครับ

-จำไว้พี่น้องอย่าสนใจว่าหุ้นเคยอยู่ที่จุดไหนมาก่อน จงสนใจว่าหุ้นจะไปที่ไหนมากกว่า ครั้งหนึ่งกิจการอาจจะเคยกำไร 100-200 ล้านบาท ราคาหุ้นอาจจะเคยอยู่ที่ 10-20 บาทต่อหุ้น แต่ขณะนี้กำไรเหลือเพียงหลัก 10-20 ล้านบาท ราคาหุ้นตกลงมาเหลือเพียง 2 -3บาทต่อหุ้น อย่าไปคิดว่ากิจการและหุ้นจะต้องกลับไปที่เดิมหรือใกล้ๆ กับที่เดิม  ตัวเลขใหม่คือของจริง ดังนั้น ลืมตัวเลขเก่าแล้วมองไปข้างหน้า หุ้นราคา 2 บาท อาจจะยังแพงเกินไปก็ได้ใครจะไปรู้

 

และจงจำไว้ว่ามี คำ 3 คำที่จะสามารถฆ่าคุณได้ในตลาดหุ้นคือ หวัง-ขอ-อธิษฐาน
 ถ้าคุณพบว่าคุณทำ 1 อย่าง หรือมากกว่า ของคำที่กล่าวไว้ เมื่อคุณลงทุน คุณกำลังลำบากแล้วล่ะ! ดังเช่นที่กล่าวมาแล้ว ตลาดไม่สนใจคุณหรอก ดังนั้น ความหวัง คำขอ หรือคำอธิษฐาน ทั้งหลายไม่สามารถเปลี่ยนขาดทุนเป็นกำไร
 เมื่อคุณคาดการณ์ผิด วิธีการง่ายๆที่จะแก้ไขสถานกาณ์ คือ ขาย!! จงจำไว้

มีหลายครั้งที่นักลงทุนไม่มีเกณฑ์ที่แน่นอนในการนำตัวเองออกจากการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า  พวกเขามักจะคาดหวัง และคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในการที่จะไม่ถอนตัวและยอมขาดทุน ดังเช่นที่เราบอกซ้ำแล้วซ่ำเล่า ตลาดไม่สนใจว่าคุณจะคิดอะไร  มันเคลื่อนไปตามทางของมัน และเมื่อตลาดไม่เป็นไปตามที่คุณคิด นั่นคือคุณคิดผิด

 รู้ไหมในตลาดหุ้นมันไม่สนใจคุณหรอกว่าคุณจะคิดอย่างไร ถึงแม้ว่าคุณจะอ้างอิงถึงบทวิเคราะห์ที่เกิดจากความอุตสาหะ หรืออ้างอิงถึง ผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นไทย  นั่นไม่สำคัญหรอกสำหรับมันแล้วจำไว้นักลงทุนทั้งหลาย

...........................

เปรียบเทียบปรัญญาการต่อสู้กับการลงทุน ลุยเดี่ยวคิดว่า น่าจะประยุกต์ใช้ได้ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเก็งกำไรหุ้น ที่จะต้องประเมินโอกาสที่จะเข้าทำคู่ต่อสู้เทียบกับ การโดนคู่ต่อสู้สวนกลับ เปรียบดังความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ลุยเดี่ยวเห็นได้ชัด คือไม่มียอดฝีมือคนไหน หรือ Champion คนใด ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้โดยไม่เคยเจ็บตัว เพียงแต่ผู้นั้น เป็นผู้ที่เรียนรู้และพัฒนา เพื่อลดข้อผิดพลาดและเสริมจุดแข็งที่ตัวเองมีอยู่ โดยจะต้องฝึกซ้อม และปฎิบัติอย่างมีสติ

“การทำกำไร หรือการขาดทุนเป็นเรื่องปกติ ของชีวิตการต่อสู้ เพียงแต่เราพร้อมที่จะเรียนรู้และก้าวข้ามตรงจุดนั้นไปหรือเปล่า”

 

เปรียบเทียบจังหวะและความเร็วเทคนิคที่ใช้ในการเล่นหุ้นเหมือน
การต่อสู้บางครั้งอาจตัดสินกันด้วยความเด็ดขาดเพียงเสี้ยววินาที เพราะหลายครั้งที่ซามูไร เมื่อดวลดาบกัน แม้ผู้ชักดาบก่อนแต่ยังมีความลังเลอยู่ก็อาจพ่ายแพ้ จากความเด็ดขาดของอีกฝ่ายได้
ดังนั้นทักษะสำคัญของผู้เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น จะต้องมีคือความรวดเร็วและเด็ดขาด จะมาง้างหมัด หรือลังเลระหว่างการออกดาบไม่ได้ เพราะคุณกำลังเปิดช่องให้ความเสี่ยงของราคา ที่จะไหลไปทางใดทางหนึ่งเกิดขึ้นจนทำให้ต้นทุนของราคาคุณเปลี่ยนไป

“ความเร็วและการตัดสินใจ เป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วไป ต้องพ่ายแพ้ต่อนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนผู้มีประสบการณ์มากกว่า ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรต้องฝึกฝน คือเรื่องการตัดสินใจ สติ และความเด็ดขาด ซึ่งจะทำได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมและการใส่ใจ แต่อย่างไรก็ดี บางเรื่องพูดแล้วอาจนึกไม่เห็นภาพจนกว่าจะต้องเจ็บตัวเสียก่อนถึงจะจำได้ “

  
ในการต่อสู้ หากเราสามารถคำนวณระยะต่อสู้ของคู่ต่อสู้ของเราได้ ก็จะสามารถป้องกันตัวเองได้ โดยไม่เข้าไปอยู่ในระยะที่คู่ต่อสู้ทำอันตรายได้ 
ดังนั้นการลงทุนหรือการเก็งกำไรต่างๆ หากอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่ใจหรือประเมินคู่ต่อสู้ไม่ออก  ก็ควรที่จะออกมาห่างจากรัศมีการต่อสู้ของคู่ต่อสู้ ก็จะไม่เจ็บตัวโดยไม่จำเป็น

“หากเกิดความไม่แน่ใจ หรือดูตลาดไม่ออก ควรออกจากตลาด  หากคุณไม่สามารถประเมินทิศทางของตลาดได้”



ในการต่อสู้การไม่ชก ไม่ได้หมายความว่าแพ้ ดังนั้นการออกหมัดแต่ละครั้ง ต้องมีความหมายและคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น  ซึ่งบางจังหวะนักต่อสู้ที่ดีต้องเลือกที่จะถอยฉากออกมารอบนอกจนกว่าจะเกิด จังหวะหรือมุมที่มั่นใจ และค่อยเลือกชก  เพราะการชกที่มากเกินไปอาจทำให้ความแม่นยำนั้นน้อยลง และบางครั้งทำให้เกิดความล้าได้ โดยหากเลือกชกทุกครั้งแม้ว่าจะยอมโดนสวนหมัดบ้าง ก็อาจทำให้เกิดอาการผวาและเมาหมัดจากการโดนสวน ซึ่งจะทำให้สติและความเฉียบคมน้อยลง
 

“จงเรียนรู้ที่จะต้องรอ จังหวะ และอดทนต่อความโลภ เพื่อให้ได้มาซึ่งรางวัลที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือน สิงโต ที่ดักรอซุ่มเหยื่ออย่างเงียบ จนกว่าถึงจังหวะที่มั่นใจ แล้วจึงไล่ตะครุบเหยื่อ”

 

...........................

game น้องปุณ
//web.educastur.princast.es/proyectos/nea/nea_english/presentacion/Presentacion.swf

..............
//oporjang.com/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9-pets%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7/
.....................................................

อาการที่บ่งบอกว่าคุณเมา

1. คุณชอบมีปากเสียงกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น ป้ายรถเมล์ เสาไฟฟ้า ถังขยะ ฯลฯ
2. ผลการตรวจเลือดของคุณ แพทย์ระบุว่า พบปริมาณเลือดเจือจางในกระแสเหล้า
3. คุณเข้าใจผิดว่า อาหารห้าหมู่ประกอบด้วย โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และ เหล้า
4. คำพูดที่บ่อยที่สุดเวลานั่งคนเดียวคือ เบียร์อีกแก้ว หรือ เหล้าอีกแก้ว เบียร์อีกแก้ว เหล้าอีกแก้ว
5. คุณต้องเกาะสนามหญ้าไว้แน่นเพราะกลัวตกจากโลก
6. ศีรษะของคุณเป็นแผลบ่อยที่บริเวณท้ายทอยและหน้าผากโดยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์สันนิษฐานว่ามันอาจกระแทกกับขอบโถส้วม
7. คุณมองเห็นภาพชัดกว่า ถ้าหลับตาข้างหนึ่ง และจะเห็นชัดมากขึ้นถ้าคุณ หลับตาทั้งสองข้าง
8. รูกุญแจสตาร์ตรถเคลื่อนที่ได้ แถมถนนสายนั้นแผ่ไปมาเหมือนงู ทำให้คุณขับรถด้วยความยากลำบาก
9. คุณมีปัญหาเพียงอย่างเดียวที่น่ากลัวที่สุดของการดื่มเหล้าคือ ไม่มีเหล้าดื่ม
10. ผู้หญิงทุกคนที่คุณเห็นจะมีฝาแฝดคู่เหมือนยืนอยู่ข้างๆ
11. คุณตั้งชื่อสุนัขสองตัวโปรดที่บ้านว่า ?วิสกี้? และ ?โซดา?
12. คุณค้นพบว่าเบียร์ 5 แก้ว ให้พลังงานคิดเป็นแคลอรี่เท่ากับข้าวแกงจานโต ดังนั้นเพื่อเห็นแก่สุขภาพ คุณจึงควรงดข้าวเย็น
13. ทุกครั้งที่คิดหาคำสนทนาที่เหมาะสมไม่ทัน คุณไม่คั่นจังหวะด้วย ?เอ่อ? แต่จะพูดว่า ?เอิ๊ก?
14. คุณมักหาปากไม่เจอ บ่อยครั้งที่ดื่มโดยใช้จมูก
15. ยุงที่กัดคุณเป็นต้องตีลังกาตกท่อทุกตัวไป
16. คุณเดินอย่างมีจังหวะจะโคน อันเป็นรูปแบบเฉพาะตัวคือ ก้าวไปซ้าย ย้ายไปขวา เดินไปหน้า และถอยหลัง
17. คุณเห็นเสื้อตัวเองถอดไว้ที่เตียง กางเกงอยู่ในอ่างอาบน้ำ แต่ปราการด่านสุดท้ายกลับตกอยู่นอกบ้าน
18. คุณพบว่าสาวงามที่คุณกอดไว้ในวงแขน และพากลับบ้าน ที่แท้คือ กรวยยางจราจร
19. เพื่อนคุณไล่คุณกลับบ้าน คุณจำเป็นต้องบอกให้เค้ารู้บ่อยๆว่า ?โผม…ม่าย…มาว…?
20. คุณคิดว่า ?รัฐบาลทำทุกเรื่อง ดีที่สุดแล้ว?

.......................

 

.....................

 

 
 

 

แค่พักเหนื่อยมั๊งครับ
เดี๋ยวก็ขึ้นไปรับ.....ใจเย็น ๆ ๆ

เอาอันนี้ไปดมแก้เซ้งก่อน ( บริการส่งถึงบ้านครับ อิ...อิ )

 

 

//www.dcs-digital.com/ebizchannel/list.php#

 

//www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81&gbv=2&oq=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%8A&aq=0&aqi=g2&aql=&gs_nf=1&gs_l=hp.3.0.0l2.3829.10422.0.13891.7.7.0.1.1.0.296.1186.0j3j3.6.0.-EFb2IVvqmY

 

......................

//www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81&gbv=2&oq=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B9%80%E0%B8%8A&aq=0&aqi=g2&aql=&gs_nf=1&gs_l=hp.3.0.0l2.3829.10422.0.13891.7.7.0.1.1.0.296.1186.0j3j3.6.0.-EFb2IVvqmY

 

...............

//www.tvjaa.com/

............

//www.tnnthailand.com/player.php

...................

//www.manager.co.th/StockMarket/Question.aspx?ID=147

.............................................................

 

อาจารย์สุนันท์ 


Create Date : 08 มกราคม 2554
Last Update : 26 เมษายน 2555 12:19:26 น. 1 comments
Counter : 1292 Pageviews.

 
เห็นด้วยครับเมกา ยุโรปแย่เงินจะไหลไปไหนประกาศตัวเลขจ้างงานมาวันที่ 7 ก็ต่ำกว่าที่คาด


โดย: realzeroone IP: 223.206.158.109 วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:19:56:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุยเดี่ยว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




รู้ไหมในตลาดหุ้นมีโจรใส่สูทที่คอยดักปล้นเงินนักลงทุนอยู่ไม่น้อยโดยใช้กลลวงหลอกล่อให้เราเข้าไปซื้อหุ้นต้องถามว่าท่านทำใจได้ไหมถ้าเงินที่เก็บหอมรอมริบต้องหมดไปมีเงินใช่ว่าจะเล่นหุ้นได้สิบกว่าปีในวงการเห็นคนรวยก็เยอะเจ๊งก็แยะรวยไม่ว่าแต่ที่เจ๊งนีสิเป็นที่อนาจสำหรับลุยเดี่ยวคนที่เก็บเงินมาทั้งชีวิตต้องมาหมดไปกับหุ้นเขาจะอยู่อย่างไรดำรงชีพต่อไปยังไงไม่มีใครรู้ลูกเมียล่ะในที่สุดปัญหาๆต่างๆเหล่านี้จะกลายมาเป็นปัญหาของสังคมที่จะพัฒนาไปเป็นปัญหาต่างๆ บล๊อกนี้จึงก่อกำเนิดขึ้นเป็นบล๊อกที่ลุยเดี่ยวต้องการจะบอกให้นักลงทุนที่สนใจเล่นหุ้นได้รู้ทันก่อนทีจะเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกที่จ้องจะสูบเงินโดยใช้เทคนิคต่างๆเพื่อให้นักลงทุนหลงเชื่อเพื่อให้เป็นไปตามที่เค้ากำหนดลุยเดี่ยวจึงต้องการให้นักลงทุนได้รู้ถึงจังหวะของหุ้นแนวโน้มทิศทางหุ้นถ้าเป็นอย่างนี้มันจะลงถ้าเป็นอย่างนี้มันจะขึ้นโดยใช้การคาดการณ์ทางเทคนิคและจิตวิทยาในการเล่นหุ้นเพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นใช้พิจารณาตัดสินใจก่อนและหลังการลงทุนเพื่อเป็นแนวทางไม่ให้ท่านตกเป็นเหยื่อของพวกชอบปล้นสดมภ์ในกิเลสความโลภของคนที่อยู่ในระบบของทุนนิยมสามานย์ความเห็นทั้งหลายในบล๊อกนี้เป็นความเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ต่างๆที่พบเห็นในอดีตอาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามหลักวิชาการแต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวลุยเดี่ยวมิได้มิเจตนาจะชี้นำให้นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ใดๆนักลงทุนควรพิจารณาตรวจสอบข้อมูลก่อนการตัดสินซื้อขายทุกครั้งลุยเดี่ยวจึงไม่ขอรับผิดชอบความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นไม่มีใครรู้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงบนโลกนี้มีอยู่สองคนที่รู้คือคนที่ยังไม่เกิดและคนที่ตายไปแล้วหากันเองก็แล้วกัน
Friends' blogs
[Add ลุยเดี่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.