===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
สวัสดีครับ
...ครบ 1 ปีอีกรอบแล้วครับ ที่ผมและเพื่อนผู้อ่านได้ ดูแล้วมาคุยกัน เกี่ยวกับหนังและเรื่องอื่นๆอีกมากมายใน Blog แห่งนี้
...ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านและติดตามคุยกันมาตลอด อยากบอกว่า เพื่อนผู้อ่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าของ Blog มีกำลังใจและสนุกสนานกับการเขียนมาตลอด
ปี 2549 ที่ผ่านมานั้น หนังโรงที่เข้าบ้านเราทั้งหมด ผมได้ดูไปทั้งสิ้น 117 เรื่อง (ปีก่อน 134 เรื่อง) เป็นการเข้าไปดูในโรง93 เรื่อง และ ดูจากแผ่น 24 เรื่อง และ ยังมีบรรดาหนังนอกกระแส , หนังเอเชียฯลฯ ที่ดูจากแผ่นซึ่งไม่ได้เข้าโรงในบ้านเราอีกน่าจะประมาณ 30-40 เรื่อง (เพราะส่วนใหญ่ดูตอนเสาร์อาทิตย์ช่วงกลับบ้าน เดือนละสองครั้ง ครั้งละประมาณสองเรื่อง)
ใจหนึ่งก็อยากจะเขียนให้ครบทุกเรื่องที่ได้ดู แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างก็ทำไม่ได้ ปี 2550 นี้จึงตั้งใจว่า จะเพิ่มอัตราเขียนลงบล้อก ให้มากขึ้น โดยบางเรื่องอาจเขียนแค่สั้นๆ อย่างน้อยจะได้มีเนื้อที่ไว้แลกเปลี่ยนมาคุยกันครับ
และ เป็นธรรมเนียมเหมือนสองปีที่ผ่านมา ว่าเมื่อถึงสิ้นปี เราจะมีการเลือก ตัวละครประทับใจ , ฉากประทับใจ พร้อมกับ การเลือก 5 หนังไม่ชอบ และ 10 หนังชอบ ประจำปีครับ
หนังที่ไม่ชอบ : ไม่ได้แปลว่า หนังไม่ดี มันอาจมีทั้งหนังดีและหนังไม่ดี แต่ ผมเองไม่ชอบ
หนังที่ชอบหรือประทับใจ : ไม่ได้หมายความว่า มันต้องเป็นหนังที่ดีหรือยอดเยี่ยม และ แม้ว่าหนังเรื่องหนึ่งจะดีหรือยอดเยี่ยม ก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องชอบหรือประทับใจ
ย้อนกลับไปอ่านผลของสองปีก่อนได้ที่
ปี 2547 --> //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2005&date=25&group=1&blog=33
ปี 2548 --> //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2006&date=10&group=1&blog=1
5 หนังไม่ชอบประจำปี 2549
ปีนี้ มีหนังไม่ชอบเข้ารอบให้เลือกน้อยกว่าปีก่อน นั่นคงเป็นเพราะ ผมเองก็เริ่มเลือกมากขึ้นว่าจะดูหรือไม่ดูเรื่องไหน เรื่องไหนท่าทางไม่ค่อยดี ได้กลิ่นมาแต่ไกล ก็จะบอกผ่าน และ นั่นทำให้การคัดเลือก 5 หนังไม่ชอบของปีนี้ ไม่ยากนัก
อันดับ 5
โคตรรักเอ็งเลย
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือ เทรลเลอร์หรือหนังตัวอย่างที่สามารถเรียกน้ำตาได้เลยทีเดียว และ สิ่งที่ชอบรองลงมาคือ เพลงประกอบที่เพราะจับใจ นอกจากนั้นข้อคิดที่หนังพยายามจะให้ก็เป็นส่วนที่ชอบ แต่ พอได้ดูหนังทั้งเรื่อง จาก หนังตัวอย่างที่เรียกน้ำตาผมได้เป็นเม็ดๆพอได้ดูตัวหนังจริง หนังกลับดูดน้ำตาที่กำลังจะไหลในทุกฉากที่ควรจะร้องไห้กลับคืนเข้าไปในเบ้าตา ทำได้แค่น้ำตาคลอๆเป็นช่วงสั้นๆ
เห็นความพยายามที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนัง โดยเฉพาะการผสมผสานหลายหลากอารมณ์และหลายแนวทาง กับ บทที่พยายามสร้างความซับซ้อนไม่ธรรมดา ให้ความรู้สึกเหมือนกับ My sassy girl ที่ผสมผสานหลายๆอย่างไว้ในเรื่องเดียวกัน จะต่างออกไปก็ตรงนี้ โคตรรักเอ็งเลย ผสมออกมา ไม่ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง
ความซับซ้อนเกินเหตุ , การหักมุมจนคนดูหลังหัก , การเข้ามาโผล่ในจอจนกลายเป็นความแปลกประหลาดร้ายแรงของผู้กำกับ , การขัดจังหวะหาอารมณ์ที่กำลังซึ้งๆ เป็นจุดอ่อนที่แสดงตัวตนของผู้กำกับ ถึงความพยายามที่จะใส่ จะโชว์ ซึ่งยอมรับว่า ไอเดียที่มีนั้นดี แต่ การโชว์ครั้งนี้มันออกมาล้น และ ไม่เข้ากันอย่างมาก
โคตรรักเอ็งเลย จึงเป็นหนังที่โคตรน่าเสียดาย เพราะมันน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ หากจะลดและตัดอะไรบางอย่างออกไป ผลที่ออกมาแบบนี้ทำให้ดูไปบ่นไปแบบเสียอารมณ์
โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย" //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=08-2006&date=11&group=1&blog=2
อันดับ 4
Freedomland
ใครจะเชื่อว่าชื่อ Joe Roth , Samuel L. Jackson , Julianne Moore จะทำหนังออกมาได้แย่ถึงเพียงนี้ พล็อตประมาณลูกหายอย่างลึกลับของนางเอกน่าจะทำให้ชวนติดตาม ก็ไม่เป็นเช่นนั้น หรืออย่างน้อย ก็เดาว่า ฝีมือการแสดงของสองนักแสดงนำน่าจะทำให้ผมต้องสนุก แต่ หนังทริลเลอร์เรื่องนี้กลับน่าเบื่อเหลือจะทน และ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหล่านักแสดงชั้นนำชั้นดี มาเล่นเรื่องนี้ จึงมาพร้อมใจเล่นหนังกันแบบ over acting จนชวนให้รำคาญ ปกติเวลาดูแผ่นที่เบื่อผมจะทนๆหรือกด FF ให้หนังจบ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวของปีที่หนังดูยังไม่จบแล้วไปนอน จนป่านนี้ยังไม่ได้เอามาดูต่อเลย (เอ ไม่แน่ ช่วงหลัง หนังอาจพลิกกลับมาสุดยอดเหนือความคาดคิด แต่ บ๊ายบาย ไม่เอาดีก่า เพราะไปดูความเห็นที่อื่นเขามา ก็ด่าไม่แพ้กัน)
อันดับ 3
The Promise
The Promise เป็นตัวอย่างอันดี ของ การมีเงินทุนมหาศาล แล้วเอาไปละลายกับความงดงามของเปลือกนอก เช่น ภาพแสงสีเสียงเครื่องแต่งกาย ทำให้เป็นหนังที่มีเครื่องแต่งกายอลังการ งานสร้างหะรูหะรา แต่ว่า ตัวหนังเองกลับน่าผิดหวังอย่างรุนแรง หนังละเลยสิ่งสำคัญที่สุดคือ บทภาพยนตร์ นี่ยังไม่นับ ฉากตลกเลยเถิดจนหนังแกว่ง ความเว่อร์เกินเหตุ กับ เอฟเฟคต์ที่หลอกตาเกินจะรับได้ ถ้าไม่รู้มาก่อนคงไม่เชื่อว่า นี่คือหนังของ ผู้กำกับ เฉินข่ายเก๋อ เป็นแน่
The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2006&date=11&group=1&blog=1
อันดับ 2
Spring snow
เสียงวิจารณ์เขาก็ว่าดี ต้นเรื่องก็มาจากบทประพันธ์ชั้นดี แต่ผมเองกลับนั่งกระสับกระส่ายกับพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของพระเอกเกือบตลอดทั้งเรื่อง มันมากจนพาลให้ไม่รู้สึกร่วม หนังไม่สามารถอธิบายได้เลยว่า ทำไม เขาถึงต้องทำตัวงี่เง่าเช่นนี้ เพื่ออะไร และ เพราะอะไร ภาพที่ออกมามันกลายเป็นว่า พระเอกเป็นแค่คนเอาแต่ใจและเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต
นอกจากนี้ยังมีหลายคำถามผุดขึ้นมากมาย โดยไม่มีคำอธิบายที่ทำให้ผมรู้สึกเข้าใจแรงจูงใจของตัวละครได้มากพอ เมื่อผมไม่รู้สึกคล้อยตามตั้งแต่แรก มันก็เลยทำให้ผมต้องรู้สึกดูไปด้วยความกระสับกระส่ายระคนเบื่อ และไม่อินตามไปกับหนังจนจบเรื่อง แม้องค์ประกอบอื่นๆเช่นการถ่ายภาพ , การแสดง ฯลฯ จะดีเพียงใดก็ตาม มันก็ทำให้ผมดูไปเหนื่อยไปพร้อมคิดว่าเมื่อไหร่จะจบเสียที (แต่หนังเรื่องนี้ มีฉากจูบ ที่จัดได้ว่า ดูดดื่ม ที่สุดของปี)
อันดับ 1
โกยเถอะโยม
ตอนที่ดูหนังจบ ผมแปลกใจและไม่อยากจะเชื่อ เมื่อหวนคิดไปถึงบทสัมภาษณ์ที่เคยอ่านเจอมาก่อนหน้านี้ว่า หนังเรื่องนี้ทาง GTH ชอบอกชอบใจกันมาก ตอน คุณจตุรงค์มานำเสนอไอเดียก่อนจะสร้าง ผมดูไปคิดไป ให้ตายเหอะ มันสนุกตรงไหนฟระ ปกติดูคุณจตุรงค์ ปล่อยมุกตามรายการต่างๆมันยังฮากว่านี้อีกหลายเท่า
หนังเหมือนพยายามจะสอดสาระสะท้อนสังคม และ เล่าเรื่องรูปแบบไม่ธรรมดาประมาณราโชมอนกลายๆ ที่ให้แต่ละคนมาเล่าประสบการณ์เจอผีที่แตกต่างกันออกไป แต่ปรากฎว่า แต่ละประสบการณ์ที่เล่ามา มันสร้างความทรมานให้กับคนดูอย่างผมมาก กับ การเจอมุกที่ฝืดสนิทและการแสดงที่ขัดหูขัดตา
ที่ผ่านมาผมก็ฮากับตลกคาเฟ่หรือตามรายการทีวีทั่วไป แต่ โกยเถอะโยม ไม่ทำให้ผมขยับกรามได้แม้แต่ครั้งเดียว ขนาดปีก่อน หนังตลกเลอะเทอะอย่าง จี้ ที่ผมเลือกมาติดหนึ่งในห้าหนังไม่ชอบของปี ยังมีฉากให้ฮาบ้าง ผมสามารถผ่านหนังเรื่องนี้ไปถึงฉากสุดท้ายได้โดยอาศัยปุ่ม FF ในรีโมท โดยพยายามหาสิ่งดีๆในตัวหนังแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ดังนั้น
ไม่ลังเลใจ ไม่มีคู่แข่ง สำหรับการยกหนังที่ไม่ชอบที่สุดของปีนี้ให้กับ โกยเถอะโยม
10 หนังชอบ ประจำปี 2549
ปีนี้การคัดเลือกหนังที่ชอบทำได้ยาก เพราะเป็นปีที่มีหนังประทับใจมากมายเต็มไปหมด บางเรื่องที่จำต้องตัดออกอย่างฝืนใจ เช่น Superman returns (ไม่ใช่เหตุผลว่าหนังดีสุดๆอะไร เหตุผลเดียวคือการได้เห็น Superman กลับมาหาคนดูสมศักดิ์ศรี) , The Constant Gardener (หนังออสการ์ที่ผมดูสนุกที่สุด) , Monster house (หนังแอนิเมชั่นที่ผมชอบมากที่สุด) , Lemming (หลอนได้ใจ ) , The village album (อิ่มอุ่น อิ่มเอม เป็นเรื่องเดียวที่นั่งดูจนจบ end credit) , แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า (ตัดอคติทิ้งไป นี่คือหนังตลกที่ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีและตอบโจทย์ได้ครบตามต้องการ) ,You are my sunshine (หนังรักจากเกาหลี ที่ ให้ความหมายคำว่า รัก ได้อย่างยิ่งใหญ่)
และมีอยู่สองเรื่องที่ผมชอบมากๆ แต่ว่า ได้เลือกไว้ใน 10 อันดับของปีก่อนไปแล้ว เพราะได้ดูจากแผ่นในปีก่อน จึงไม่ได้เอามารวมในสิบอันดับของปีนี้ นั่นคือ Me and you and everyone we know และ Marathon( running boy)
อันดับ 10
ซีรี่ส์ Lost season 1
ตอนดูแผ่นแรก ตอนแรก มันให้ความรู้สึกน่าเบื่อ และ คิดว่า มันจะสนุกยังไงทีตัวละครต้องมาติดเกาะ หลังจากเครื่องบินตก ยิ่งดูตอนต่อไป ก็ชักรำคาญที่ตัวละครเอาแต่พูดๆ ไม่เห็นจะมีสัตว์ประหลาดโผล่มาซักตัว จนคิดที่จะไปปิดเครื่องเลิกดู แต่พอถึงตอนจบของแต่ละ episode มันก็มีจุดทิ้งท้ายชวนให้ตามตอนต่อไป จนเมื่อดูเข้าแผ่นสองมันก็เริ่มกลายเป็นอาการ ติดหนึบ แล้วตามต่อมาด้วย ทึ่ง ก่อนจะดูจบด้วยความรู้สึก สุดยอด เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ได้ดู ซีรี่ส์ 24 ครั้งแรก
ความสนุกของหนังไม่ได้อยู่แค่ว่า มี อะไร ซ่อนอยู่ในเกาะ แต่ ความยอดเยี่ยมของตัวบท อยู่ตรงที่ ให้ความสำคัญกับตัวละครแต่ละคน โดยลงลึกถึงแก่นภายในตัวคน และ สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ จนทำให้เราได้เห็นพัฒนาการและเข้าใจตัวละครมากขึ้นไปเรื่อยๆตามเหตุการณ์ใหม่ๆที่โผล่ออกมา แถม การซ่อนปริศนาของหนัง มันช่างกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นชนิดที่ว่า ผมนั่งดู 6 แผ่นจบแบบไม่เป็นอันกินอันนอนภายในช่วงเวลาแค่สองวัน
อันดับ 9
007 : Casino Royale
ผมไม่ใช่แฟนเจมส์ บอนด์ และ ผมไม่เคยประทับใจอะไรกับหนัง เจมส์ บอนด์ ภาคที่ผ่านมา ยิ่งยุค เพียซ บรอสแนน ผมกลับมองว่า เจมส์ บอนด์ ก็เป็นแค่ สายลับขี้โม้โชว์สาวเจ้าเสน่ห์ แต่ ไร้ความร้ายกาจ ที่มาอยู่ใน พล็อตหนังประเภทซูเปอร์ฮีโร่ตายยากก่อนจะพิฆาตวายร้ายตอนจบ ตามฟอร์ม
Casino Royale ฉีกความจำเจและสิ่งที่ผมเบื่อหน่ายทั้งหลายจาก เจมส์ บอนด์ออกไป หนังสร้างมิติใหม่ของคาแรกเตอร์ บอนด์ จาก แดเนียล เคร็ก ซึ่งพาคนดู โบกมือลาบอนด์ที่เฟี้ยวฟ้าวไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทค บอกลาบอนด์เจ้าสำอางที่ขี้หลีมัดใจสาวด้วยหน้าตา ก่อนฟันสาวไม่เลือกหน้าเมื่อโอกาสอำนวย ลืมไปเลยกับบอนด์ที่เก่งชนิดสมบูรณ์แบบหาใครเปรียบมิได้ และ พาคนดูไปพบกับ บอนด์ที่ควรจะเป็นจริงๆหากเขามีชีวิตอยู่ในโลกของสายลับ บอนด์ที่มีชีวิตจิตใจและมีจุดอ่อน บอนด์ที่มีทักษะในการรับมือกับเหล่าร้ายมากกว่าเอาตัวรอดด้วยอาวุธไฮเทค ประเภท โทรศัพท์มือถือยิงเลเซอร์พร้อมกับใช้ซีร็อกส์ได้ในเครื่องเดียวกัน บอนด์ที่ดิบ เถื่อน ห้าว และ เหี้ยมเมื่อถึงคราวจำเป็น
รูปแบบการเล่าเรื่องโดยผู้กำกับบอนด์ตอนที่ผมเบื่อที่สุดอย่าง GoldenEye ทำให้ผมต้องกลับมามองเขาใหม่ เพราะใน Casino Royale ไม่ได้เล่าแบบสูตรสำเร็จชนิดเดาได้ทุกช็อตเหมือนที่ผ่านมาและไม่ได้มัวแต่โชว์ gadget แพรวพราว เป็นหนังบอนด์เรื่องแรกที่ผมได้ดูแล้วรู้สึกว่า ให้โอกาสคนดูใช้สมองบริหารไปด้วย ไม่ใช่หลับแล้วตื่นมาก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่ บอนด์เท่านั้นที่มีมิติมากขึ้น ตัวละครทั้งนางเอกทั้งตัวร้ายก็ต่างมีความลึกในบทของตัวเอง และ การเข้าคู่บอนด์กับสาวบอนด์ ก็ช่างมีเคมีที่เข้ากันยิ่งกว่าหนังโรแมนติกหลายเรื่องด้วยซ้ำ
007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2006&date=20&group=1&blog=1
อันดับ 8
Sophie Scholl
ปีนี้ผมกวาดหนังรางวัลมาเกือบหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะสาขาที่เข้าชิงภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ที่ปีนี้เครือ Apex ใจดีนำมาฉายจนครบ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมบังเอิญต้องพลาดไป ก่อนที่จะได้มาดูในรูปแบบแผ่นเมื่อเดือนนี้แล้วพบว่า เป็นการพลาดมหันต์ เพราะ เรื่องที่พลาดนี้คือ เรื่องที่ผมชอบมากที่สุด
Sophie Scholl คงความหนักแน่นตลอดช่วงเวลาความยาวของหนังที่ฉาย และ ส่งพลังอะไรบางอย่างมาสู่คนดู พิสูจน์ได้จากการที่ ผมนั่งดูในห้องโดยสัมผัสได้ว่าหัวใจเต้นดังขึ้นกว่าปกติ พอพ่อกับแม่เข้ามาคงตั้งใจว่าจะมาดูทีวีรายการปกติ แต่แล้วก็นั่งนิ่งเงียบดูไปพร้อมกับผมชนิดไม่มีใครลุกไปไหนเลยจนหนังจบ
การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำอายุน้อยอย่าง จูเลีย เจนตส์ ซึ่งฝีไม้ลายมือไม่ได้น้อยตามอายุเลย สามารถตรึงคนดูให้ตามติดเธอไปตลอดทาง ความขึงขังจริงจังและหนักแน่นในหลักการของเธอ จะทำให้คนดูต้องรู้สึกฮึกเหิมอยากร่วมต่อสู้เคียงข้างเธอ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ฉากให้การในศาล แม้ ผู้พิพากษา จะเสียงดังข่มเธอเพียงใด แต่ พลังถ่ายทอดมาจากจิตวิญญาณของเธอกลับสามารถเอาชนะจิตใจของใครๆอีกหลายคนที่นั่งในห้องนั้น รวมไปถึงส่งต่อมายังคนดูที่อยู่ภายนอกให้สัมผัสได้
อันดับ 7
The king and the clown
The king and the clown เป็นตัวอย่างของหนังที่ดีในแทบทุกองค์ประกอบ แต่ที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษสองส่วน หนึ่ง คือ ทีมนักแสดงโดยเฉพาะตัวเอกตามชื่อเรื่องทั้งสามคน ที่เข้มข้นจนหลายฉากคนดูแทบหยุดหายใจ เช่น ฉากการแสดงครั้งแรกเพื่อวัดใจพระราชา กับ การแสดงครั้งสุดท้ายต่อหน้าพระพันปี
สอง บทภาพยนตร์ที่เป็นตัวอย่างอันดีของ บทที่เขียนออกมาแล้วดูง่ายโดยไม่จำกัดวัฒนธรรม และ เต็มไปด้วยประเด็นดีๆ ไม่ว่าจะเป็น การเมืองการปกครองอันฟอนเฟะ ชีวิตที่ขี่หลังเสือของตัวละคร และ ความรักความสัมพันธ์ที่หนังถ่ายทอดออกมาได้งดงามอย่างมีชั้นเชิง ไม่เพียงแค่นั้น บทหนังยังฉลาดใช้ตัวละครแต่ละฝ่ายเป็นกระจกสะท้อนให้คนดูได้เห็นมิติเชิงลึกของตัวละคร
น่าอิจฉาที่เกาหลีมีหนังคุณภาพสูงใกล้เคียงกันที่จะเลือกเป็นตัวแทนประเทศไปประกวดได้หลายเรื่อง และก็ไม่แปลกใจที่เกาหลีเลือกเรื่องนี้แทน The Host เข้าชิงออสการ์ เพราะถ้าเปรียบเป็นหญิงสาว The Host อาจมีดีในบางมุม และ ก็มีบางด้านที่ไม่สวยนัก แต่ The king and the clown คือ หญิงสาวเพียบพร้อมงดงามไปทุกด้านจนยากจะหาข้อตำหนิ
The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=12-2006&date=15&group=1&blog=1
อันดับ 6
The Devil Wears Prada
ผมได้อ่านหนังสือมาก่อนแล้ว และ ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก คงเพราะตัวเองไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ไม่ได้เจอลักษณะงานแบบนี้ และ ไม่ค่อยได้รู้เรื่องรู้ราวแฟชั่นอะไรมากมาย อ่านได้แค่เอาเพลิน และ ยังคิดว่า ตัวละครนางมารในนิยาย ดูออกจะเป็นแม่มดเกินน่าสนใจ
แต่เมื่อนิยายถูกด้ดแปลงมาเป็นหนัง นี่คือ การดัดแปลงที่ดีมากเรื่องหนึ่ง และ หนังยังได้นักแสดงที่ยอดเยี่ยมเข้ากับบทเป็นอย่างยิ่ง คือ ไม่ใช่แค่ มิแรนด้า ที่ได้ป้าเมอรีล แต่บทของ ล้วนฝากฝีมือการแสดงที่เด็ดดวงเข้ากับความเปรี้ยวของหนังเป็นอย่างดี
ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้ ไม่ใช่หนังประเภทชิคลิทที่เหมาะกับสาวๆเท่านั้น แต่ เป็นหนังที่ไม่ว่าเพศใดก็สามารถสนุกสนานแถมยังมีข้อคิดการใช้ชีวิตที่ดีมากกับคนในสังคมปัจจุบัน ยิ่งมีการแสดงระดับเทพของป้าเมอรีล ก็ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ ฝังอยู่ในความทรงจำของคนดูแทบทุกคน สำหรับหนังคอมิดี้ที่ดีที่สุดของปีนี้
The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=10-2006&date=08&blog=1
อันดับ 5
Always: Sunset on Third Street
เราคาดหวังอะไรจากการดูหนังเรื่องหนึ่ง ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน การแสดงชั้นอ๋อง การกำกับภาพระดับออสการ์ สัญลักษณ์ที่สอดใส่อย่างเหนือชั้นให้ตีความ ฯลฯ
Always: Sunset on Third Street ให้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่ หนังดี บางเรื่องไม่มี นั่นคือ หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้มากไปกว่า การให้ความบันเทิงและความยอดเยี่ยมในชิ้นงานแก่คนดู แต่หนังยังเข้าไปช่วยทำงานตรง หัวใจ ของคนดูให้ต้องอิ่มเอมและอบอุ่น ความสัมพันธ์อันหลากหลายในหนัง ล้วนสร้างความจี๊ดและสร้างแรงบันดาลใจให้เราต้องหันกลับมาจัดการอะไรบ้างกับชีวิตของตัวเอง จริงที่หนังเรื่องนี้นั้นมีจุดด้อยในข้อหา บิวต์ อารมณ์เกินเหตุ แต่สำหรับผม นี่เป็นตัวอย่างของหนังชั้นดี ที่จะทำให้ได้เห็นว่า หากริจะ บิวต์ กัน ก็ควรทำให้ได้เช่นนี้ คือ บิวต์ให้ถึงและคนดูเองก็ไม่รู้สึกแปลกปลอม พร้อมที่จะเปิดหัวใจต้อนรับมัน
นี่เป็นตัวอย่างของหนังที่มีบทที่ยอดเยี่ยมและการกำกับที่ยอดเยี่ยม เป็นการทำน้ำเน่าให้ออกมาหอมชื่นใจ การย้อนสู่ความเรียบง่าย ในยุคสมัยที่คนทำหนังไขว่คว้าทำหนังที่ยากขึ้น มีปมเงื่อนให้ซับซ้อนขึ้น แต่กลับไม่สามารถทำให้มันเข้าถึงหัวใจคนดูได้เลย น่าจะมาดูหนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง ว่า หากมีฝีมือ มีบทที่ดี มีการกำกับที่ดี เรื่องราวเรียบง่ายนั้นก็สามารถเป็นความยอดเยี่ยมและงดงามได้เช่นกัน
Always: Sunset on Third Street เป็นหนังที่งดงาม น้ำตาของคนดูที่ไหลรินจะไม่ใช่ไหลออกมาเพราะความรู้สึกผิดหวังเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความอิ่มเอม ซึ่งนานเหลือเกินแล้วที่เราไม่ได้เสียน้ำตาให้เพราะความสุขจากจอภาพยนตร์
Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2006&date=13&group=1&blog=1
อันดับ 4
The Prestige
เจ๋งโคตร คือ ความคิดขณะนั่งดูหนังเรื่องนี้
แม้พล็อตหลักแสนจะธรรมดาแค่ว่า นักมายากลคนสองคนพยายามเอาชนะกันจนไปไกลเกินควบคุม
แต่บทหนังเรื่องนี้ ฉลาด และ เดาว่าผ่านการกลั่นกรองในกระบวนการคิดมาหลายรอบ ชนิดที่เรียกว่า หาหนังแบบนี้ได้ยากเย็นแสนเข็ญในช่วงปีสองปีนี้ นั่นทำให้ พล็อตหลักของหนัง แตกรายละเอียดจนออกมาเป็น ความมหัศจรรย์
The Prestige เป็นหนังที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง ความมหัศจรรย์ในหนังไม่ได้เกิดจาก พระเอกบินได้ หรือ นางเอกล่องหน คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับ ทำให้คนดูหนังต้องทึ่งกับ หนังที่ไม่ได้มีดีแค่การเล่าสลับไปมา ไม่ได้มีดีแค่ความหวือหวา แต่ ยังเต็มไปด้วยลูกเล่น เต็มไปด้วยการล่อหลอก และ การหักมุมให้คนดูต้องเดาทางไม่ถูก เป็น ความสนุกเหมือนการเฝ้าดูมายากลที่แสนจะตื่นตาตื่นใจ อยากรู้โชว์ถัดๆไปว่าจะมีอะไรให้ดู และ ทำให้คนดูต้องขบคิดตลอดเวลาว่า สิ่งที่เห็นไปเมื่อกี้ แท้จริงแล้ว นักมายากล(หนัง)หลอกเราอย่างไร
The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ? //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2006&date=13&group=1&blog=1
อันดับ 3
Lost in love
นับตั้งแต่ Christmas in August ผมได้แต่รอดูหนังรักนิ่งเนิบที่ไม่หวือหวา ไม่น่าเบื่อจนเกินไป และ สามารถเกาะกุมหัวใจได้เช่นนั้นอีก แต่ก็ไม่ได้พบสิ่งที่รอคอยเช่นนั้นอีกเลย จนกระทั่งเพื่อนสมาชิกในเว็บไทยดีวีดีแนะนำหนังเรื่องนี้มาให้ผมได้รู้จัก
Lost in love ไม่ใช่หนังรักกุ๊กกิ๊ก หวานแหวว วัยรุ่น แต่เป็นหนังรักที่เวลาผ่านไปหนังจะยิ่งเรียบเรื่อย ไร้ความหวือหวาโฉ่งฉ่าง เรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับคนที่เริ่มต้นจากวัยรุ่นก่อนจะค่อยๆเติบโตมีวุฒิภาวะในที่สุด จนอาจทำให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์หรือนิยมหนังรักคึกคักกุ๊กกิ๊กต้องเบื่อหลับไปได้
เรื่องราวของคนสองคนที่เดินบนแผนที่ความรักของตัวเอง แต่บังเอิญที่ว่า แผนที่ของทั้งคู่ไม่เคยซ้อนทับกันเลย ปลายทางของหัวใจของเธออยู่ที่อีกเขา แต่ปลายทางของเขากลับอยู่ที่คนอื่น นั่นทำให้ตัวละครและคนบางคน จึงไม่เคยได้ไปถึงปลายทางของหัวใจ เพราะบางทีเราก็ยังคงใช้แผนที่เดิมๆเดินวนเส้นทางเดิมๆ ทั้งที่พิกัดบนแผนที่นั้นหมดอายุไปตั้งนานแล้วอย่างไม่รู้ตัว
Lost in love คือ หนังรักอันดับหนึ่งในใจของผมประจำปีนี้
Lost in love , เคยบ้างไหมที่หัวใจ"หลงทางรัก" //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=2&month=01-2007&date=05&blog=1
อันดับ 2
Seasons change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ตอนผมดูหนังเรื่องนี้ ผมแทบไม่ทันสังเกตว่า หนังมีอะไรดีหรือไม่ดียังไง ผมมีแต่ความรู้สึกที่หัวใจมันเต้นอย่างตื่นตัวตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะหนังตื่นเต้น แต่เพราะ หนังทำให้ผมรู้สึกร่วมและคล้อยตามความรู้สึกตัวละครได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดของอ้อม , ความสับสนลังเลใจของป้อม , ความรู้สึกขัดเขินตอนเจอคนแอบชอบ , ความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยตอนที่คนสำคัญจากไปแล้ว , ความรู้สึกขัดแย้งที่มีต่อพ่อแม่ ฯลฯ ความรู้สึกเหล่านั้นกระตุ้นให้หัวใจผมได้สูบฉีดชนิดไม่ได้พักตลอดเวลา แม้หลายฉากจะนิ่งและเนิบเนือยก็ตาม
หนังไม่ได้มีพีคอารมณ์ที่ขึ้นชนิดจี๊ดสุดๆ เศร้าสุดๆ หวานสุดๆ โทนของหนังค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไล่ตั้งแต่ น่ารัก อบอุ่น ละมุนละไม เจ็บเล็กๆ เรียกได้ทั้ง ยิ้มๆ น้ำตาซึม ก็เหมือนความรู้สึกดีๆ ตอนที่ผมอ่านการ์ตูนของอ.อาดาจิ มิซึรุ หรือ ดูงานน่ารักๆของ ชุนจิ อิวาอิ ที่ทำให้นั่งดูไปยิ้มไปอย่างเป็นสุข และ แอบขำกับมุกน่ารักๆที่แฝงไว้เป็นระยะ โดยมีนักแสดงน่ารักๆทั้งสามนักแสดงนำ และ นักแสดงสมทบที่เฉียบคม
นับตั้งแต่ เฉิ่ม ก็มีเรื่องนี้ที่ผมยินดีที่จะใช้คำว่า รัก กับหนังได้เต็มปากเต็มคำเหมือน ป้อมบอก รักการเล่นดนตรี หนังมีข้อบกพร่องมั้ย ตอบได้ว่า มี แต่ หนังไม่มี สิ่งที่ผมไม่ชอบ นี่คือหนังที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มเอิบใจ ดูรอบสองความรู้สึกก็ไม่ตกลง และ เชื่อได้ว่าตัวเองสามารถรู้สึกเช่นนี้ได้ทุกครั้งที่หยิบมาชม
Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=09-2006&date=08&group=1&blog=1
อันดับ 1
United 93
เรารู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร
เรารู้อยู่แล้วว่าบทสรุปของหนังจะเป็นเช่นไร
แต่ผู้กำกับ ทำให้เราไม่สามารถละสายตาจากจอหนังได้ เมื่อเขาถ่ายทอดเหตุการณ์บนเครื่องบินในวันที่ 9/11 ราวกับว่า เขาอยู่บนเครื่องบินลำนั้น
United 93 ไม่ใช่หนังที่มีเนื้อหาเรื่องราวเป็นบท เป็นพล็อตประเภท มีพระเอก มีผู้ร้าย มีการวางแผน มีจุดหักมุม ฯลฯ ไม่ใช่หนังที่ยึดเครื่องบินกันเหมือน Executive decision หรือ ถองเข่าตีศอกมันกันระเบิดเถิดเทิงแบบ Con Air แต่ หนังเล่าเรื่องเหมือนสารคดีบรรยายเหตุการณ์ นั่นทำให้ หนังเรื่องนี้ เราคงจำตัวละครคนไหนไม่ได้เป็นพิเศษ ไม่มีพระเอก ไม่มีผู้ร้ายชัดๆ มีแต่ คน ที่อยู่ในเหตุการณ์
งานกำกับชิ้นนี้ของ ผกก. Paul Greengrass ที่คนดูส่วนใหญ่รู้จักจาก The Bourne Supremacy เป็นผลงานที่คนดูซึ่งรักหนังดราม่า ไม่ควรพลาด ไม่ควรพลาด และ ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง นี่คือหนังที่ทรงพลังและน่าจดจำ โดยเฉพาะ ฉากบนเครื่องบินนับตั้งแต่เครื่องบินแล่นขึ้นท้องฟ้าไปจนถึงฉากสุดท้ายที่มืดสนิทนั้นยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายได้ จังหวะในฉากแอคชั่นนั้นดูสมจริงจนน่าขนลุก ช่วงเวลาที่กดดันก็ทำได้ชนิดตอกตะปูให้คนดูไม่อยากลุกไปไหน การสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูของหนังก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะช่วงที่ผู้คนบนเครื่องรู้วาระสุดท้ายของตัวเองที่ทำให้น้ำตาไหลพรากอย่างไม่รู้ตัว นี่คือ ฉากที่ดีที่สุดในหนังที่ได้ดูปีนี้และเป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดในชีวิตประสบการณ์การดูหนังของผม
United 93 เป็นหนังที่ไม่ได้รับประกันว่าคนดูทุกคนจะต้องชอบ เพราะหลายคนต้องเวียนหัวกับลีลาการถ่ายทำ หรือ เบื่อหน่ายกับช่วงเวลาตอนต้นที่มีแต่เจ้าหน้าที่พูดกันไปมา แต่นี่คือ หนังที่รับประกันว่า เมื่อดูจบ เป็นหนังอีกเรื่องที่มันไปสะกิดต่อมจิตวิญญาณของคนดูที่ได้ดูทุกคน ให้ต้องรู้สึกนึกคิดอะไรบางอย่างจากหนังเรื่องนี้ บางคนอาจรู้สึกรังเกียจและอยากหยุดความรุนแรงในโลกนี้ให้หมดไป บางคนอาจรู้สึกสะเทือนใจและหดหู่ บางคนคิดอยากลุกมามีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองให้กับเพื่อนมนุษย์หรือคนใกล้ตัว ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ United 93 จึงเป็นหนังอันดับหนึ่งในใจของผมประจำปี 2549
United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=08-2006&date=19&group=1&blog=1
ข้างบนนั้นคือ 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 ของผม(อยู่ข้างหลังคุณ) แล้วเพื่อนๆละครับ หนังที่คุณ ชอบ และ ไม่ชอบ ของปีนี้ ไม่ว่าจะหนังโรง หนังแผ่น หนังเก่าหรือหนังใหม่ มีเรื่องอะไรบ้างครับ
หากจำไม่ได้ลองเข้าไปทบทวนความจำจากรายชื่อหนังที่เข้าฉายที่นี่ครับ --> //www.pantip.com/cafe/chalermthai/release/release-2006.html
ปีนี้เราคงได้ ดูแล้วมาคุยกัน เพียงเท่านี้ (นับรวมแล้วเฉพาะหนังโรงก็รวมทั้งสิ้น 70 เรื่อง 70 blog) ปีหน้าฟ้าใหม่เรามา ดูแล้วมาคุยกัน อีกนะครับ ขออวยพรให้เพื่อนผู้อ่านมีความสุขมากๆในปี 2550 ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
Blog พิเศษส่งท้ายปี 2549
+++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=12-2006&date=29&blog=1
++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=12-2006&date=27&blog=1
ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแว้ว) ปีใหม่นี้ มอบ"หนังสือรัก" เป็นของขวัญแด่คนที่คุณรัก
ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ
ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
|
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 31 ธันวาคม 2549 |
|
27 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2550 0:34:50 น. |
Counter : 6428 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nanoguy IP: 203.113.35.6 31 ธันวาคม 2549 8:45:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: icebridy 31 ธันวาคม 2549 12:38:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวแดง IP: 58.64.120.161 31 ธันวาคม 2549 13:14:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: [PEAK]`L'Arc IP: 203.113.77.73 31 ธันวาคม 2549 17:39:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: นมัสเต 31 ธันวาคม 2549 20:06:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: bigwores 31 ธันวาคม 2549 20:42:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: แก้มน้อยคอยรัก IP: 203.155.221.240 1 มกราคม 2550 10:16:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: the red IP: 203.155.247.115 2 มกราคม 2550 15:41:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์(1) IP: 202.69.140.233 3 มกราคม 2550 15:21:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์(2) IP: 202.69.140.233 3 มกราคม 2550 15:35:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: พุดดิ้งสีชมพู IP: 58.8.141.230 3 มกราคม 2550 20:23:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนังสื่อรัก IP: 58.9.161.76 3 มกราคม 2550 22:53:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนังสื่อรัก IP: 58.9.161.76 3 มกราคม 2550 22:56:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ayres IP: 58.64.100.56 4 มกราคม 2550 11:54:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: SnowBelL IP: 58.136.73.204 5 มกราคม 2550 5:20:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Silm Ball IP: 203.144.229.20 5 มกราคม 2550 12:34:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: P o N G z` IP: 124.121.93.143 6 มกราคม 2550 0:11:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.181.9 10 มกราคม 2550 10:50:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: :->m'26 IP: 61.19.199.143 31 มกราคม 2550 21:44:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: lopzang IP: 210.86.159.26 14 กุมภาพันธ์ 2550 22:49:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: eakPost IP: 58.8.83.182 12 เมษายน 2550 2:15:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: YoiChi IP: 58.8.44.80 28 กันยายน 2550 21:11:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|
5. My Super Ex-girlfriend
- ขนาดได้ดูฟรียังออกจะเสียดายเวลาอยู่ไม่ใช่น้อย กับการเอาอูม่า เธอร์แมนมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่หึงหวงได้ไร้เหตุผลสิ้นดี แถมตอนจบยังเอาง่ายเข้าว่า
4. The Da Vinci Code
- หนังสือสนุกกว่าเยอะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่หนังมันออกมาจืดมาก ถ้าไม่มี Ian McKellen คงเกลียดมากกว่านี้
3. เขาชนไก่
- หนังไทยที่น่าผิดหวังที่สุดของปี ความไม่สมจริงและความอีหลักอีเหลื่อของบทมีมากเกินจะทน (เรียกว่าถ้านั่งจับผิดกัน พูดกันเป็นชั่วโมงแน่ สำหรับคนที่มีประสบการณ์ร่วมที่เขาชนไก่ หรือแม้กระทั่งค่ายรักษาดินแดนที่อื่นก็ตาม)
2. The Omen
- สยองมันก็สยอง แต่รู้สึกรับไม่ได้กับความไร้เหตุผลต่างๆนานาที่มันโจ่งแจ้งเกินเหตุ ทั้งการรับพี่เลี้ยงเด็กของท่านทูตที่ไร้การตรวจสอบคัดกรอง รวมไปถึงการที่ทูตอเมริกาประจำอังกฤษมีเวลาไปเดินเล่นแถวตะวันออกกลางได้ยังไงกันตั้งสองสามวัน - -*
1. DOA: Dead Or Alive
- ดูเรื่องนี้เพราะ Devon Aoki คนเดียวเท่านั้น... แต่หนังใช้นักแสดงไม่คุ้ม บทก็บ้าบอคอแตก (คือก็คิดไว้ว่าบ้า แต่ไม่น่าจะบ้าและงี่เง่าได้ถึงขั้นนี้ - -*)
10 หนังชอบ ปี 2549
10. A History of Violence
- ไม่นับเฉพาะฉากที่บันไดนั่น(ที่หวือหวาเอาเรื่อง) แต่เนื้อเรื่องทั้งเรื่องคือความน่าติดตาม ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีอะไรซักเท่าไหร่ (กลับเป็นคนละความรู้สึกกับ Miami Vice ที่ยิงกันสะใจน่าติดตามจริง แต่กลับสะดุดที่เนื้อเรื่อง "ไม่มีอะไร" มากกว่าเรื่องนี้)
9. The Host
- ด่าอเมริกาได้สะใจยิ่งนัก เป็นหนังสัตว์ประหลาดที่เอาสัตว์ประหลาดมาเป็นตัวประกอบได้ดีมากๆ
8. Match Point
- เซ็กซี่ แสบสันต์
7. United 93
- น่าติดตาม โดยเฉพาะฉากที่เครื่องบินพุ่งเข้าตึก (เอ๊ะว่าไปแล้วลืมใส่ฉากนี้ในสุดยอดฉากนี่นา - -)
6. Sophie Scholl: The Final Days
- หนังต่างประเทศออสการ์ที่น่าจะได้รางวัลมากกว่า Tsotsi กับความทรงพลังที่ปรากฏ
5. The Last Emperor
- โชคดีมากที่ได้ดูในโรง สามชั่วโมงครึ่งที่ผ่านไป กลับเร็วกว่าชั่วโมงครึ่งของหนังบางเรื่องเสียอีก
4. Seasons Change: เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
- ยิ้มออกจากโรง นั่งดูแผ่นก็ละลายไปอีกหลายรอบ
3. Bashing
- นิ่ง เงียบ แต่ทั้งๆที่หนังนิ่งๆเงียบๆไม่ค่อยถูกกับผม เรื่องนี้เอาผมอยู่หมัดได้กับบรรยากาศความกดดันที่แผ่ซ่านปกคลุมอยู่ทั้งเรื่อง
2. King and the Clown
- ไม่ต้องบรรยายให้มากความกับเรื่องนี้
1. South Park: Bigger, Longer and Uncut
- อนิเมชั่นหยาบคาย สถุล ป่าเถื่อน แต่ได้ใจที่สุดในชีวิต